ตอนที่ 4

1137 Words
ภาพเลือนรางในกระจกเงาตรงหน้าค่อยๆ จางหายไปเมื่อมือหนาพยายามจะคว้าเอาไว้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจทุกข์ทรมานกับการทรยศของผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักกันจนหมดหัวใจ ขวัญตา แอนเดอร์สัน ภรรยาสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่เลือกจะทิ้งเขาไปเพียงเพราะว่าหล่อนต้องการอยู่ในความศิวิไลย์มากกว่าจมปลักอยู่ในไร่ชาที่เต็มไปด้วยสีเขียวกับเขา หล่อนไม่ได้ผิดเลยที่ทำแบบนี้ เพราะการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ความชื่นชอบที่ไปกันคนละเส้นทาง ทำให้ชีวิตรักที่เฝ้าประคับประคองมาร่วมห้าปีต้องพังทลายลง เจ็บ... ใช่ เขายอมรับว่าในปีแรกๆ ที่ถูกขวัญตาทิ้งไปนั้น เขาเจ็บปวดมาก เจ็บจนบ้างครั้งต้องพึ่งน้ำเมา แต่ตอนนี้แผลนั้นค่อยๆ ทุเลาและจางลงไปแล้ว ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมามันช่วยกลืนกินความรักที่เคยมีต่อขวัญตาให้ค่อยๆ สลายหายไป เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำเท่านั้น มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกชื้นของตัวเองสองสามครั้ง ก่อนจะจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่นิ่ง ณ ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อขวัญตานั้นไม่ใช่ความรักอีกต่อไปแล้ว นกไฟที่เคยบาดเจ็บเพราะพิษรัก ยามนี้สามารถสยายปีกกว้างและบินขึ้นสู่ฟากฟ้าได้อย่างสวยงามอีกครั้งแล้ว รอยยิ้มบางๆ ผุดบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีฟ้าเทาที่เคยหม่นหมองยามที่กระจ่างใสขึ้นผิดหูผิดตา ก็คงเหมือนกับที่คุณตาเคยบอกเอาไว้นั้นแหละ ผู้หญิงที่เขาจะเลือกเป็นคู่ชีวิต จะต้องเป็นผู้หญิงที่มีหัวใจดวงเดียวกัน “แล้วเธอคนนั้น อยู่ที่ไหนกันนะ” ฉับพลันภาพของแม่สาวปากกล้าที่เขาขับรถเฉี่ยวจนล้มก็แว่บเข้ามาในสมอง แต่แค่วินาทีเดียว ฟีนิกซ์ก็รีบสลัดออกไป “ปากเก่งแบบนั้น เอามาไว้ข้างตัว คงหนวกหูแย่” ร่างสูงกำยำที่มีเพียงผ้าขนหนูพันหมิ่นๆ เอาไว้รอบสะโพกก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงไปหยุดที่หน้าต่างบ้านใหญ่ของห้อง ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังถนนที่ทอดยาวจากไร่ชาเข้ามายังเขตของตัวคฤหาสน์ มองหาร่างของผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ไม่พบ “คงไปแล้วจริงๆ” รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้าสมบูรณ์แบบ ก่อนที่ดวงตาคมกล้าจะมองเลยไปยังไร่ชาสีเขียวขจีเบื้องหน้าแทน มองด้วยความภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ลงมือทำ และก็สามารถทำมันได้เป็นอย่างดี ดวงตาของฟีนิกซ์ช้อนขึ้นมองแผ่นฟ้ากว้าง แม้ยามนี้พระอาทิตย์จะเลื่อนลงไปอยู่ที่เส้นล่างของขอบฟ้าแล้ว แต่แสงสว่างก็ยังคงกระจ่างตา รอยยิ้มบางๆ เกลื่อนใบหน้า “ผมจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตครับคุณตา” ดั่งคำมั่นสัญญาที่ฟีนิกซ์ อีเมอร์สันจะมอบให้แก่คุณตาผู้ล่วงลับจากหัวใจ “คุณฟิกซ์ลงมาแล้ว ลุงน้อย” มะเฟืองที่ไปชะเง้อคอรอคอยอยู่ที่บันไดบ้านรีบวิ่งหน้าตั้งมาบอกลุงน้อยอย่างตื่นเต้น “มันก็แหงอยู่แล้วล่ะ ก็นี่มันได้เวลามื้อค่ำแล้วนี่” ลุงน้อยส่ายหัวไปมากับความบ้าบอของมะเฟือง “ฉันรู้อยู่แล้วล่ะลุงน้อย แต่ที่ฉันตื่นเต้นก็เพราะว่าใครจะเป็นคนบอกคุณฟิกซ์ เรื่องที่...” มะเฟืองหยุดพูดแค่นั้น เพราะรู้ดีว่าลุงน้อยเข้าใจความหมาย “เอ็งไงล่ะ พูดมากนัก ไปบอกเลย” มะเฟืองได้ยินก็ส่ายหน้าดิก “ลุงน้อยนั่นแหละ ฉันยังเด็ก พูดมาก แถมพูดไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวคุณฟิกซ์จะโมโหเอาเปล่าๆ” “ทีนี้มาทำเป็นโยนให้ข้า ตอนที่ลากคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน ทำไมไม่คิดวะ” “แหม... ลุงน้อยก็พูดเว่อไปนั่น คุณมิรินเธอไม่ใช่คนหน้าแปลกสักหน่อย” “ข้าบอกแปลกหน้าโว๊ย นังมะเฟืองนี้ เดี๋ยวเขลกกบาลแตกเลย” ลุงน้อยยกมือขึ้นจะตีมะเหงกใส่หัวของมะเฟือง แต่เด็กสาวขยับตัวหนีเสียก่อน “ฉันก็ล้อเล่นเองลุงน้อย ว่าแต่ลุงจะเป็นคนบอกคุณฟิกซ์ใช่ไหมล่ะ” ลุงน้อยมองค้อนคู่สนทนาต่างวัย “ก็เอ็งไม่บอก ข้าก็ต้องบอกน่ะสิ” มะเฟืองยิ้มกว้าง “งั้นลุงไปบอกคุณฟิกซ์นะ ส่วนฉันจะไปเรียกคุณมิริน” “เออ เอ็งจะไปไหนก็ไปเถอะ อยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย” ลุงน้อยบ่นอุบ ก่อนจะรีบเดินตรงเข้าไปหาฟีนิกซ์ที่เดินลงมาพอดี มะเฟืองเสียวสันหลังเลยรีบชิ่งไปหามิริน “มีอะไรหรือคุณลุงน้อย” ฟีนิกซ์หรี่ตามองหน้าชายวัยกลางคนด้วยความประหลาดใจ “เอ่อ...” “มีอะไรกับผมก็บอกมาเถอะครับ” เมื่อเห็นคนสนิททำท่าอึกอักก็อดที่จะเร่งเร้าไม่ได้ “คือ... คือว่ามีคนมาขอพบคุณฟิกซ์ครับ” คิ้วเข้มหนาดกที่ยาวขนานกับดวงตาคมกล้าเลิกสูงด้วยความประหลาดใจ “มีคนมาพบผม” “ครับ” “ในเวลาโพล้เพล้จะมืดเนี้ยนะครับ” “ครับ” เป็นอีกครั้งที่ลุงน้อยตอบคำเดิมออกไป และแน่นอนว่าคนฟังอย่างฟีนิกซ์หงุดหงิดทันที “ใครครับ” “เอ่อ เห็นเธอบอกว่าเป็น...” ลุงน้อยยังพูดไม่ทันจบ ฟีนิกซ์ก็แทรกขึ้นด้วยความแคลงใจเสียก่อน “เธอ? งั้นก็ผู้หญิงสินะครับ” เฉียบพลันไปหน้าของสตรีคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในมอง แต่ฟีนิกซ์ก็รีบสลัดออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าไม่มีทางใช่ “ใช่ครับคุณฟิกซ์ ผู้หญิงจากกรุงเทพฯ ครับ” แม้จะรู้สึกหงุดหงิดกับแขกที่เดินทางมาขอพบในยามมืดค่ำ แต่กระนั้นฟีนิกซ์ก็ยังฝืนใจอนุญาตให้เข้าพบ “แล้วเธออยู่ไหนล่ะครับ” ลุงน้อยแปลกใจกับการยินยอมให้เข้าพบอย่างง่ายดายของเจ้านายหนุ่มนัก เพราะปกติฟีนิกซ์จะเป็นคนที่ใครจะเข้าถึงตัวได้ยากมาก แต่ไม่รวมเหตุการณ์ในครั้งนี้นะ “ห้องรับรองริมระเบียงกล้วยไม้ครับ” คิ้วเข้มของฟีนิกซ์เลิกสูงเหมือนจะเอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา แต่ลุงน้อยเข้าใจความหมายดีจึงตอบออกไป “นังมะเฟืองมันเจ้ากี้เจ้าการครับ ผมเตือนมันแล้ว” “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าลุงน้อยให้คนไปตามผู้หญิงคนนั้นมาพบผมที่ห้องรับแขกที่นี่แทนก็แล้วกันครับ” “ครับคุณฟิกซ์” แล้วฟีนิกซ์ก็เดินหายเข้าไปในห้องรับแขก ลุงน้อยจึงแยกออกไปตาม มิรินให้มาพบกับเจ้านายตามคำสั่งทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD