ตอนที่ 1
ที่นี่คือจังหวัดเชียงราย... เป็นหนึ่งในหลายสิบจังหวัดที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหล่อนไม่เคยเยือนมาก่อน และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เหยียบลงบนพื้นดินของจังหวัดที่อยู่เหนือสุดแห่งสยามแห่งนี้
‘ดินแดนแห่งขุนเขา’ กำลังต้อนรับการมาเยือนของสาวน้อยแห่งเหมือนกรุงเช่นหล่อน
มิริน อนันตกาล หรือน้องหนู สาวสวยใบหน้าหวานปานน้ำผึ้ง หญิงสาวได้รับคำสั่งเสียสุดท้ายจากคุณย่าเพ็ญศรี อนันตกาลคุณย่าแท้ๆ ที่พึ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนให้เดินทางมาที่นี่...
ไร่ชาอีเมอร์สัน
ลมหายใจอ่อนล้าถูกผ่อนออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีแดงธรรมชาติแผ่วเบา ดวงตากลมโตที่หวานไม่แพ้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง คุณย่าเพ็ญศรีคือคนที่มีพระคุณอุปการะเลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่แบเบาะ หลังจากที่พ่อแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางน้ำตั้งแต่หล่อนเกิดได้เพียงห้าเดือน ดังนั้นความต้องการสุดท้ายของท่าน หล่อนจะต้องทำให้สำเร็จ ท่านจะได้ไปสู่สุคติ จะได้ไม่ต้องมีห่วงเพราะหล่อนอีก
แต่ถึงแม้จะพยายามเข้มแข็ง กระนั้นหยาดน้ำตาก็อดที่จะเอ่อซึมออกมาไม่ได้ ความสูญเสียทำให้หล่อนต้องพลัดพรากจากผู้มีพระคุณอันเป็นที่รัก ต้องพลัดพรากจากคนที่รักหล่อนมากที่สุด และที่สำคัญหล่อนยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณเลย ท่านก็มาด่วนจากไปเสียก่อน
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งด้วยความโศกเศร้าที่ไม่อาจจะลบเลือนได้ ใบหน้างดงามแหงนขึ้นมองท้องฟ้าสีครามเบื้องหน้าด้วยความอาลัยรัก
‘น้องหนู... ไปหาเจ้าของไร่อีเมอร์สัน และมอบจดหมายของย่าให้กับเขา น้องหนูของย่าต้องทำให้ได้นะ จำเอาไว้’
คำสั่งเสียของผู้มีพระคุณล้นบ่าทำให้หล่อนต้องเดินทางเกือบพันกิโลเมตร เพื่อมาที่นี่... ที่ที่เต็มไปด้วยขุนเขาและความเขียวขจีจากไร่ชาหลายร้อยไร่
‘ไร่ชาอีเมอร์สัน’
ป้ายไม้ที่ทางเข้าของไร่ชากว้างใหญ่เขียนบอกเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้หล่อนรู้ว่าลุงขับรถสองรับจ้างคนที่ขับมาส่งไม่ได้หลอกลวง เพราะในที่สุดหล่อนก็เดินทางมาถึงที่หมายจนได้
มือเล็กข้างซ้ายยกขึ้นป้ายเม็ดเหงื่อจากหน้าผากมนและตามไรผม ในขณะที่มืออีกข้างก็กระชับกระเป๋าเดินทางใบหย่อมให้แน่นขึ้น สองเท้าก้าวเดินไปตามทางกว้างที่โรยด้วยหินเม็ดสีเทาอมดำอย่างระมัดระวัง ในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวระคนหวั่นเกรง
เส้นทางตรงหน้ากว่าจะถึงตัวคฤหาสน์ไม้หลังงามค่อนข้างจะไกลพอสมควร เห็นได้จากเม็ดเหงื่อที่ไหลย้อนลงมาจากไรผมจนเปื้อนแก้มนวลทั้งสองข้าง แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความพยายามของหล่อน เมื่อในที่สุดคฤหาสน์หลังงามก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
อีกนิดเดียว...
มิรินบอกตัวเองเบาๆ ในอกอย่างดีใจ
กี่เพียงแค่ไม่ถึงสองร้อยเมตร หล่อนก็จะได้พบกับเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สัน คนที่คุณย่าต้องการให้หล่อนเดินทางมาพบ
เท้าบอบบางในรองเท้าผ้าใบสีฟ้าคาดเทาชะงักเล็กน้อย เมื่อสมองพยายามจะคิดถึงใบหน้าของชายเจ้าของไร่ชากว้างใหญ่
“คงจะอายุไล่เลี่ยกับคุณย่า... หรือบางทีอาจจะเด็กกว่าคุณย่าสักสองสามปีมั้ง”
ภาพผู้ชายศีรษะขาวโพลนผุดขึ้นมาในหัวอย่างแจ่มชัด มิรินระบายยิ้มกว้าง เพราะคาดหวังว่าชายที่ตัวเองกำลังคิดถึงจะต้องใจดี มีเมตตาไม่ต่างอะไรไปจากคุณย่าอย่างแน่นอน
สองเท้ากำลังจะก้าวย่างอีกครั้งเพื่อที่จะเดินให้เข้าไปใกล้ตัวคฤหาสน์ไม้หลังงามให้มากที่สุด แต่ยังไม่ทันได้ขยับ เสียงเครื่องยนต์จากยานพาหนะหรูก็ดังใกล้เข้ามาเสียก่อน
มันดังใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นจน... จน...
ปริ๊นนนนน...!!!
“ว๊ายยยย!!!”
ร่างอรชรของมิรินเสียหลักเซถลาล้มลงไปกองกับพื้นข้างทางกะทันหัน พร้อมกับเสียงล้อรถครูดกับผิวของก้อนหินดังลั่น หัวเข่าที่แม้จะอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ถูกก้อนหินบนพื้นต่ำจนเจ็บระบม ดวงหน้าหวานละมุนบิดเบ้ด้วยความตกใจระคนไม่พอใจ
“ขับรถอะไรของคุณเนี้ย ไม่มองคนเดินเลยหรือไงคะ”
แม้จะยังไม่ได้ลุกขึ้นยืน แต่ปากช่างเจรจาก็อดที่จะตะโกนถามออกไปไม่ได้
ประตูรถคันงามฝั่งของคนขับถูกดันให้เปิดกว้างออก ก่อนที่ช่วงขากำยำที่ซ่อนอยู่ในกางเกงยีนส์ขายาวสีซีดจะก้าวลงมาสัมผัสกับก้อนหินบนพื้นของถนน มิรินจับจ้องผู้ชายคนขับไม่วางตา มองอย่างไม่พอใจ และต้องการให้เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่พอได้เห็นใบหน้าของผู้ร้ายที่เกือบจะทำให้ตัวเองพิกลพิการชัดเจนเต็มสองตาแล้ว มิรินก็จำต้องอ้าปากค้าง น้ำลายในลำคอเหนียวเป็นยางจนเกือบไม่ลงปล่อยให้มันไหลซึมออกมาทางมุมปากอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ไอ้อาการแบบนี้มันเรียกว่าอะไรนะ
ตะลึง!
ใช่... หล่อนกำลังตื่นตะลึงกับรูปโฉมของผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่หล่อนตั้งใจว่าจะด่าให้เสียคน แต่สุดท้ายกลับทำได้แค่เพียงแหงนหน้าขึ้นมองเขาราวกับไม่เคยเห็นผู้ชายมาก่อนในชีวิต
ฝรั่งที่หล่อที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นมาก่อน...!
มิรินคิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ขณะไล่สายตาสำรวจเรือนร่างของผู้ชายตัวสูงใหญ่ราวกับตึกสิบชั้นตรงหน้า