“ใช่”
มิรินตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย แต่คำตอบของหล่อนมันตลกมากหรือไง พ่อสุดหล่อตรงหน้าถึงหัวเราะร่วนแบบนั้น
“นี่คุณหัวเราะอะไรน่ะ ฉันไม่ใช่ตัวตลกนะ”
“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณเป็นตัวตลกสักหน่อย”
“งั้นคุณหัวเราะทำไม มองฉันแล้วก็หัวเราะเนี่ย”
หญิงสาวไม่พอใจ ถามเสียงขึ้นจมูก
“ขำคำโกหกของคุณยังไงล่ะ”
“คำโกหก? ของฉันเนี้ยนะ”
นิ้วเรียวขาวสะอาดชี้เข้าหาตัวเอง และมองเขาด้วยความแคลงใจสุดขีด
“ฉันไปโกหกคุณตอนไหนกัน คุณอย่ามาปรักปรำนะ”
“ก็ตรงที่บอกว่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้ผมลากขึ้นเตียงน่ะสิ”
มิรินกำมือแน่น พลางล้วงลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบซองจดหมายของคุณย่าเพ็ญศรีออกมา
“ไอ้คนหลงตัวเอง หน้าตาแบบคุณน่ะ หาได้ทั่วไปเลยนะจะบอกให้ และที่สำคัญฉันก็มีผัวเป็นตัวเป็นตนเรียบร้อยแล้ว แถมผัวฉันก็หล่อพอๆ กับลีมินโฮ พระเอกซีรี่ย์เกาหลี รู้เอาไว้เสียด้วย”
พอใบหน้าหล่อเหลาไม่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา ก็กลายเป็นความเย็นชาน่าเกรงขามจนหล่อนต้องขยับถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางคุกคามเลยแม้แต่น้อย
“แล้วคุณมาที่นี่ ทำไม”
“นี่ไงล่ะ”
ซองจดหมายในมือถูกยื่นออกไปตรงหน้าของเขา
“อะไรของคุณ”
ฟีนิกซ์หรี่ตามองซองจดหมายในมือเล็กของสตรีตรงหน้าอย่างแคลงใจ ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของมือ
“จดหมายรักหรือ”
“จดหมายรักบ้าบอน่ะสิ นี่จดหมายที่คุณย่าของฉันฝากมาให้คุณต่างหากล่ะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณย่าของคุณหลงรักผม?”
มิรินอยากจะตะกุยหน้าหล่อๆ ของพ่อนกไฟเสียให้เลือดซิบนัก ดูคิดเข้าไปได้
“คุณนี่ท่าทางจะหลงตัวเองหนักไปหน่อยนะคะ”
“ก็อยู่ดีๆ คุณมายื่นจดหมายให้ผม แล้วบอกว่าเป็นของคุณย่าคุณ จะให้ผมคิดยังไงล่ะ ในเมื่อปกติสาวๆ ส่งจดหมายมาหาผมวันล่ะหลายร้อยฉบับน่ะ และที่สำคัญ ผมไม่รู้จักกับคุณย่าของคุณเสียด้วย”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าคุณย่าฉันชื่อเพ็ญศรี อนันตกาลล่ะ คุณจะรู้จักหรือเปล่า”
คิ้วเข้มของฟีนิกซ์ขมวดมุ่นน้อยๆ บอกให้รู้ว่ากำลังขบคิด แต่ไม่นานเขาก็พูดในสิ่งที่ทำให้หล่อนใจแป้วออกมา
“ผมไม่รู้จัก แต่คุ้นหูอยู่”
“งั้นก็อ่านจดหมายของท่านซะ คุณอาจจะจำได้ก็ได้”
มิรินจับซองจดหมายใส่มือหนาของฟีนิกซ์ด้วยกิริยายัดเหยียดเฉียบพลัน จากนั้นก็พูดต่อ
“แกะอ่านซะ แล้วอ่านดังๆ ด้วย ฉันจะได้รู้ว่าคุณย่าเขียนอะไรมาหาคุณ”
ฟีนิกซ์หรี่ตามองคู่สนทนาสาวสวย
“นี่คุณยังไม่ได้อ่านอีกหรือ”
“ฉันเป็นคนมีมารยาทค่ะ ไม่แกะจดหมายของใครอ่านหรอก ถ้าเขาไม่อนุญาตน่ะ”
ฟีนิกซ์ก้มลงมองซองจดหมายสีขาวในมือที่ยังถูกปิดกาวแนบสนิทไม่มีร่องรอยการฉีกขาดนิ่ง
มิรินมองและลุ้นให้เขาเปิดออกอ่าน แต่สุดท้ายกลับผิดคาดอย่างแรงเลยทีเดียว
“เอาเป็นว่าผมจะหาเวลาว่างอ่านก็แล้วกัน”
“ไม่ได้นะ คุณต้องอ่านเลย ฉันอยากรู้”
“ถ้าอยากรู้ก็เอาไปอ่านเองสิครับ”
เขายื่นซองจดหมายกลับคืนมาให้ แต่มิรินรีบถอยหลังห่าง และปฏิเสธเสียงระรัว
“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ คุณอ่านเถอะ ฉันจะได้รู้ว่าคุณย่าเขียนอะไรในจดหมายนี้”
หล่อนจ้องหน้าผู้ชายตัวสูง และขยับเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว ใกล้จนดวงตาคมกล้าของฟีนิกซ์กลายเป็นสีเข้มขึ้น
“ฉันขอร้องล่ะ เปิดอ่านเถอะนะคะ ฉันจะได้สบายใจเสียที”
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนกายอรชรที่แตกต่างร่างกายกำยำของเขาทำให้อารมณ์บางอย่างกรุ่นขึ้นมา และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาเสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายขยับถอยหลังหนีเพื่อรักษาระยะห่าง
มิรินเห็นท่าทางของฟีนิกซ์ก็เข้าใจ รีบขอโทษอย่างละอายใจ
“ฉันขอโทษค่ะที่เข้าไปยืนใกล้คุณแบบนั้น” พูดพลางขยับถอยหลังออกห่าง
“แต่ว่าฉันต้องการรู้จุดประสงค์สุดท้ายของคุณย่าจริงๆ นะคะ คือคุณย่าฉันเสียไปแล้ว และความต้องการสุดท้ายของท่านก็คือให้ฉันนำจดหมายฉบับนี้มาให้เจ้าของไร่ชาอีเมอร์สัน ซึ่งก็คือคุณ...”
หลังจากยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ ฟีนิกซ์ก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ เพราะถ้าไม่ทำตามที่เจ้าหล่อนบอก แม่คุณก็คงจะตื้ออยู่แบบนี้ไม่เลิก และแน่นอนว่าร่างกายของเขาจะมีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ชอบมันเลย
“ตกลง ผมจะอ่านจดหมายของคุณย่าของคุณ แม้ว่าผมจะยังงงๆ อยู่เลยว่าผมเกี่ยวข้องกับคุณย่าของคุณยังไง”
แม้เขาจะยอมทำตามความต้องการของหล่อน แต่กระนั้นก็อดที่จะจิกกัดหล่อนให้เจ็บเล็กๆ ไม่ได้
มิรินมองเขาตาขุ่น ก่อนจะกัดฟันกล่าวขอบคุณห้วนๆ ออกไป
“งั้นก็ขอบคุณค่ะ”
ฟีนิกซ์ไม่สนใจท่าทางกระเง้ากระง้อดของสตรีแปลกหน้า เพราะตอนนี้เขากำลังให้ความสนใจกับการเปิดจดหมายในมืออ่านมากกว่า
ซองจดหมายสีขาวถูกฉีกด้านบนออกจนสามารถนำกระดาษสีเดียวกันกับซองออกมาได้ มือใหญ่สีแทนค่อยๆ คลี่กระดาษที่ถูกพับเอาไว้อย่างประณีตให้กว้างออก ตัวหนังสือที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีดำเป็นระเบียบผ่านเข้ามาในสายตา
‘ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกันนะคะ ดิฉันชื่อเพ็ญศรี อนันตกาล เป็นลูกหนี้ของคุณโรเจอร์ อีเมอร์สัน คุณตาของคุณที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งถ้าเมื่อใดที่คุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็แสดงว่าดิฉันได้เดินทางไปพบกับคุณตาของคุณบนสรวงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว