Episode-02ว่าที่เมีย

1787 Words
“คุยกันไปนะ วันนี้หน้าที่ของแกคือดูแลน้องมิวให้ดี แล้วพาไปส่งบ้านด้วย เข้าใจไหม” “แม่ว่าไงนะ” “คำพูดฉันถือเป็นคำขาด โอเคนะ” “ป้าซินกับคุณแม่จะไปไหนกันล่ะคะ” ยัยบ้องแบ้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน ดูท่าแล้วก็คงถูกบังคับไม่ต่างจากผมหรอก “แม่กับซินจะไปไหว้พระกันน่ะ ถ้ายังไงป้าฝากน้องด้วยนะเดย์” ประโยคหลังแม่ของเธอหันมาพูดกับผม “ครับ” เป็นการตอบรับที่ไม่มีจิตวิญญาณเอาซะเลย “ให้ดีนะไอ้เดย์” ไม่พูดเปล่ายังชี้หน้าคาดโทษอีกด้วย “ถ้ามันแกล้งอะไรบอกแม่นะน้องมิวเดี๋ยวแม่จัดการให้” เสียงหวานเชียวทีกับลูกตัวเองแทบจะกินหัวอยู่แล้ว “ค่ะ” คล้อยหลังทั้งคู่ทุกอย่างจึงตกอยู่ในความเงียบ เงียบมากครับไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงผู้หญิงตรงหน้าที่กินเค้กอย่างสบายใจ “พี่กลับก่อนเลยก็ได้ค่ะ หนูกลับเองได้ไม่ต้องใส่ใจคำพูดของผู้ใหญ่หรอก” “ถามจริง ๆ ทำไมไม่ปฏิเสธ” “แล้วพี่ล่ะคะ ทำไมถึงไม่ปฏิเสธ” “กูปฏิเสธแล้วแต่พูดไปก็เท่านั้น” “ก็คงไม่ต่างกัน” คนตรงหน้าตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ ดูไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น “ถ้าอย่างนั้นเรามาตกลงกันไหม” “ตกลงอะไรคะ” “บอกตามตรงว่ากูไม่อยากแต่ง” “หนูก็ไม่อยากแต่งกับพี่หรอก” “ทำไม? กูออกจะหล่อ” “หล่อมันกินไม่ได้ค่ะ ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง” “หนึ่งปีหลังจากแต่งงานเราค่อยอย่ากันโอเคไหม” “ตั้งหนึ่งปี! มันไม่นานไปหน่อยเหรอ” ไม่พูดเปล่ายังกรอกตาไปมาใส่ผมอีกต่างหาก “หนึ่งปีเลยนะพี่ นึกว่ามีเรื่องแบบนี้แค่ในนิยายซะอีก” “แต่งแล้วเลิกเลยมันได้เหรอวะ เธอเป็นถึงนักเขียนช่วยใช้สมองอันน้อยนิดคิดเยอะ ๆ หน่อยได้ไหม “พูดดี ๆ ก็ได้ค่ะไม่เห็นต้องด่าเลย” “กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ หยาบคาย และชอบพูดตรง ๆ ด้วย” “พูดตรงกับไม่มีมารยาทมันไม่ต่างกันมั้ง” พึมพำคนเดียวแต่ผมหูดีไงเลยได้ยิน “ต่างสิ มารยาทส่วนมารยาท หยาบคายก็คือหยาบคาย” “แต่เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นที่พี่จะมาพูดมึงกูใส่” “แล้วต้องสนิทขนาดไหนถึงจะพูดได้?” “…” “อิ่มหรือยังจะได้ไปกันสักที” “ไปไหนคะ” “ถึงก็รู้เองแหละ ไม่พามึงไปขายหรอก” ขืนปล่อยให้ยัยบ้องแบ้วกลับบ้านไปนะเป็นเรื่องแน่ ก็รู้อยู่ว่าแม่ผมเป็นคนยังไง อีกอย่างแค่พาไปที่ร้านเองคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง “มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ” เมื่อรถจอดนิ่งสนิทคนข้าง ๆ ผมก็ขยับปากขึ้นทันทีหลังจากที่เงียบมาตลอดทาง “ตามมาเถอะ” “โอ้โหสวรรค์! ปกติวันหยุดไม่เคยเห็นหัว” พอเห็นหน้าผมปากหมา ๆ ของไอ้แจ็คก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที “ถ้างั้นกูกลับละ” “โอ๋ ๆ ล้อเล่น มึงไม่เข้าร้านสาว ๆ ถามหากันเพียบครับ” “ธรรมดาก็คนมันหล่อ” “นั่นใครน่ะเดย์” จีมินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นยัยบ้องแบ้วเดินตามผมมา “นั่นเพลง ว่าที่เมียกูไง” “หนูชื่อมิวสิกค่ะ ไม่ได้ชื่อเพลงสักหน่อย” “มันเรียกยาก กูจะเรียกแบบนี้มีปัญหาอะไรไหม” “ไม่มีค่ะ หนูเข้าใจว่าพี่แก่แล้ว” “แก่อะไรเขาเรียกว่าวัยหนุ่ม” “โทษทีพอดีหนูวัยรุ่น” “มึงแม่ง!” “พอหยุด! เลิกเถียงกันได้แล้ว” “เออ ไม่มีใครยอมใครเลยจริง ๆ” “เถียงกันแบบนี้โบราณว่าลูกดกนะ” ไอ้แจ็คกับจีมินปรามขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเราสองคนที่คุยกันรู้เรื่องได้แค่ไม่กี่คำ “ไม่หัวกลางท้ายอะไรทั้งนั้น ฝันไปเถอะว่าจะได้เห็นขาอ่อนหนู” “อยากเห็นตายแหละยัยตุ๊กตายาง” “ตุ๊กตายาง... ของเล่นผู้ชายใช่ไหมคะ ต้องสวยมากแน่ ๆ ถ้างั้นหนูจะถือว่าเป็นคำชม” “เฮ้อ...กูเครียด!” ... : ฮ่า ๆ “บางทีพี่ก็อารมณ์แปลปรวนบ่อยไปนะคะ เป็นวัยทองหรือไง” ต่อล้อต่อเถียงเก่งมากครับ แม่หาอะไรมาให้ผมเนี่ย “พอแล้วเลิกเถียงกัน สรุปคนนี้ใช่ไหมที่แม่มึงหาให้” “เออ” “พี่ไม่ต้องทำหน้าเบื่อโลกขนาดนั้นหนูก็ไม่ได้อยากแต่งสักหน่อย” “เงียบปากเถอะยัยบ้องแบ้วแล้วอย่ากวนด้วยกูจะทำงาน” “ค่ะ” กระแทกเสียงใส่ผมก่อนจะพาตัวเองไปนั่งรอที่โซฟา ปวดหัวครับบอกได้คำเดียว มองผิวเผินเธอดูเงียบก็จริง แต่ถ้าได้เถียงจะเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย “น่ารักว่ะ กูเป็นผู้หญิงกูยังชอบเลย แถมขยันเถียงมึงทุกคำด้วยนะ” จีมินว่ายิ้ม ๆ “เออดิ เถียงเก่งฉิบหาย” เลิกสนใจเธอก่อนจะหันมาตั้งใจออกแบบลายสักที่ทำค้างไว้ให้เสร็จ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นเธอยิ้มเล็กยิ้มน้อยคนเดียวกับหน้าจอมือถือ “สงสัยจะหนัก” “เปล่าสักหน่อยพี่ไม่เข้าใจโลกของหนูหรอก” “กูพูดคนเดียว ไม่ได้พูดกับมึง” “หนูก็พูดลอย ๆ แต่บังเอิญหมาน้อยได้ยิน” “เพลง!” “คิกคิก” “มึงแม่ง” ลอยหน้าลอยตามากแถมยังเถียงทุกคำจริง ๆ นี่ขนาดเพิ่งเจอกันนะ แล้วคิดดูสิถ้าอยู่ด้วยกันไปทุกวันจะปวดประสาทขนาดไหน “กูถามจริงมึงเต็มไหมเนี่ย” “อะไรของพี่เนี่ยหนูอ่านนิยายอยู่” “ไหนมึงบอกว่าตัวเองเป็นนักเขียนไง” “ก็อยากเป็นนักอ่านบ้างมีอะไรไหม” “ถ้าตอบอะไรที่มันเป็นประโยชน์ไม่ได้ก็เงียบปากไปเถอะ” “ขอโทษค่ะก็อ่านของนักเขียนท่านอื่นบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง” “อ่านทำไมในเมื่อตัวเองก็เป็นคนเขียน” “พี่ไม่รู้อะไร มันมีหลายเรื่องเลยนะที่ให้แง่คิดกับเรา คิดให้กว้าง คิดให้ใหญ่ ใคร ทำอะไร ที่ไหน ยังไง ผลเป็นยังไงแล้วมันสะท้อนอะไรในชีวิตเราบ้าง หรือบางเรื่องก็อ่านแบบฟิน ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก อ่านเพื่อความบันเทิงน่ะเข้าใจหรือยังค”” “ไม่เข้าใจ” “โวะ!” “อ้าว ก็กูไม่เข้าใจนี่ “ลองอ่านไหมคะ เรื่องนี้เลยหนูแนะนำ ผู้หญิงปากร้ายกับผู้ชายปากเสีย หนูเป็นนางเอกพี่เป็นพระเอก” “ลามปามนะมึงอะ” ... : ฮ่า ๆ “ไหนแม่บอกกูว่ามึงน่ารักเรียบร้อยไง แต่ที่กูเห็นตอนนี้ไม่ใช่เลยนะ อย่างกับม้าดีดกะโหลก” “คิกคิก ป้าซินคงเข้าใจอะไรผิดไป” “กลับเข้าโลกนิยายของมึงไปเถอะกูจะทำงานต่อละ” “ถ้าพี่ไม่มัวแต่กวนหนูนะ ป่านนี้งานพี่คงเสร็จไปนานแล้วแหละค่ะ” “เพลง!!” “โอ๊ย...หนูชื่อมิวสิกค่ะ มิวสิกน่ะได้ยินไหม” “ได้ยิน แต่ไม่ทำตามมีไรไหม” “ไม่มีค่ะ หนูเข้าใจว่าพี่แก่แล้วเลยเข้าใจอะไรยาก” “กูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามึงเลยจริง ๆ” “ไม่ต้องด่าค่ะ หนูจะอยู่เฉย ๆ เรียบร้อยพูดน้อยพี่สบายใจได้” พลางฉีกยิ้มกว้างให้ผม “อะแฮ่ม!” “กูสองคนยังอยู่ตรงนี้นะเผื่อมึงลืมไปไอ้เดย์” “ก็มึงดูดิ เถียงกูทุกคำเลยแม่กูก็อวยไว้ซะเยอะ เรียบร้อยอย่างนั้น เรียบร้อยอย่างนี้ นิสัยดี น่ารัก แล้วมึงดูสิ่งที่กูเจอ” ให้ตายเหอะนี่ผมกำลังเจอกับอะไรอยู่ แม่นะแม่ทำกันได้ลงคอ “ยาคลายเครียดหน่อยไหมเพื่อน” “มึงก็อีกคน เดี๋ยวกูถีบไปโน่นเลย” “โหดฉิบหาย” ต่อปากต่อคำกับผมเก่งมากครับ แต่เวลาอ่านนิยายนะเหมือนหลุดไปเป็นอีกคนนึงเลย ผมไม่รู้เลยว่านิสัยใจคอที่แท้จริงของเพลงมันเป็นยังไงกันแน่ บอกตามตรงว่าจับทางผู้หญิงคนนี้ไม่ถูก “เพื่อนรักพวกกูมาแล้ว” ไอ้กราฟกับไอ้แม็กเสียงดังมาแต่ไกลเชียว “ซื้ออะไรมาเยอะแยะวะ” “ของกินดิครับ หรือมึงเห็นเป็นอาหารหมา” “ไอ้กราฟ ไอ้สัสกูเป็นคนหมาเหี้ยไรจะหล่อขนาดนี้” “หลงตัวเองฉิบหาย แล้วนั่นใครอะเด็กมึงเหรอ” “ไม่ ๆ มึงอย่ามองกูด้วยสายตาอันชั่วร้ายแบบนี้นะ ว่าที่เมียไอ้เดย์มันโน่น” ไอ้แจ็ครีบอธิบาย “ห๊ะ คนนี้เหรอที่แม่มึงหามาให้” “เออ แม่ง...มึนฉิบหาย” พลางเบือนหน้าไปมองยัยบ้องแบ้วที่กำลังขะมักเขม้นกับการอ่านนิยายอยู่ “ได้ยินนะคะ” “พูดลอย ๆ หมาน้อยได้ยิน” “นั่นมันคำพูดหนู” “อ้าวเหรอกูนึกว่าพูดคนเดียวซะอีก” “...” “อะไรของพวกมึงวะยิ้มกันอยู่ได้” ผมหันไปถามพวกมันที่เอาแต่จ้องหน้าผมอยู่นั่นแหละ “ปกติกูไม่เห็นมึงอยากพูดคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย” ไอ้แม๊กเอ่ย “ใช่ พูดด้วยคำสองคำมึงก็เดินหนีละ” “จริง! วันนี้มึงพูดเยอะผิดปกติไปนะ” “พวกมึงก็ดูสิมันยอมกูซะที่ไหนต่อปากต่อคำตลอด” “แล้วทำไมน้องมันต้องยอมมึงด้วย?” จีมินเอ่ย “กูโตกว่าตั้งหลายปีต้องฟังกูดิ ไม่ใช่เถียงกูทุกประโยคแบบนี้” “พี่ก็ควรฟังคนอื่นเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่จะให้คนอื่นฟังอยู่ฝ่ายเดียว หนูรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็แค่อยากทดสอบอารมณ์ของพี่ก็เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วแหละแค่นี้ก็พอจะมองออกบ้างแล้ว” “ในสายตามึงกูเป็นยังไงเหรอ” “ปากร้ายค่ะ แถมยังเจ้าอารมณ์อีกด้วย” “อันนั้นมันเป็นสันดานนะ ไม่ใช่ภาวะด้านอารมณ์ของกู” “ไม่ต่างกันมั้งคะ ช่างเถอะเอาเป็นว่าหนูจะอยู่เงียบ ๆ เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เชิญพี่คุยธุระกับเพื่อนต่อเลยค่ะ” พูดจบก็หันไปสนใจนิยายต่อครับ “คนแรกเลยนะที่กล้าสอนมึงเนี่ย” ไอ้แม็กว่าพลางกลั้นขำเอาไว้ “สอนอะไร หลอกด่ากูเห็น ๆ” “อันนี้พวกกูไม่เถียง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD