10
“ลูกเกด” แก้วกาญจนาเรียกเตือนน้องสาว คุณมีบุญคุณกับเธอและน้องสาวมาก จนไม่รู้เลยว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตเธอจะชดใช้ให้หมดหรือเปล่า แค่คุณให้ไปทำงานแค่นี้แม้จะเสี่ยงแค่ไหน เธอก็พร้อมจะทำ
“ค่า...ลูกเกดเข้าใจค่า” ปากบอกว่าเข้าใจ รู้ว่าคุณแค้นมาก จนกระทั่งยามค่ำคืนก็ไม่เคยได้นอนหลับอย่างเป็นสุขเหมือนกับคนอื่นเขา บ่อยครั้งที่เธอลุกมาเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ จะเห็นห้องของคุณยังเปิดไฟสว่างโร่ เงาร่างใหญ่เดินวนไปเวียนมาภายในห้อง เพราะอย่างนี้คุณจึงยอมทำทุกทางเหมือนกัน และคราวนี้คงเป็นหน้าที่ของเธอจะต้องช่วยเหลือทั้งพี่สาวและคุณ ทำให้ทุกอย่างได้สำเร็จลุล่วงไป แต่เรื่องบางเรื่องมันก็สุดวิสัยที่เธอจะทำใจยอมรับได้นี่นา
กลีบปากอวบอิ่มขบกัดจนแบนราบเรียบ คิดในมุมกลับกันหากแม้ว่าเป็นเธอเข้ายั่วยวนป่วนชีวิตปกติสุขของผู้ชายคนนั้น แล้วได้รับผลอะไรตอบกลับมาไม่ว่าจะดีหรือร้าย...
ให้คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ ก็ไม่พ้นต้องเสียใจเสียน้ำตา เพราะว่าเสียตัวและเสียหัวใจ ก็อีกฝ่ายนะเสน่ห์ล้นเหลือขนาดนั้น แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีอกกว้างๆ ของพี่สาวให้พักพิง คอยปลอบโยนเป็นกำลังใจนี่นา แต่ถ้าเป็นแก้วกาญจนา...หากต้องเสียสิ่งสำคัญให้กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนรักคงเป็นเรื่องที่ทุกข์มาก
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของวงหน้านวลผ่อง เอาละวะ...งานนี้จะช้างม้าวัวควายก็ช่างมันเถอะ ให้หมาออกลูกเป็นหมู แต่คนที่จะทำงานนี้ได้สำเร็จนะ มันต้องเธอคนเดียวเท่านั้น ถึงจะสู้กับไอ้ผู้ชายบ้าๆ คนนั้นได้ มือเล็กกำหมัดขยับไปมาอย่างหมายมั่นปั้นมือเต็มที่ พอๆ กับประกายในตากลมโตวาววับขึ้นชั่วแวบหนึ่งอย่างมาดหมาย โดยแก้วกาญจนาไม่ทันจะได้เห็น
ก็ให้เห็นไม่ได้นี่นา...ไม่อย่างนั้นน่ะหรือ ถูกห้ามแน่นอน แต่ก่อนอื่น...การจะออกรบมันต้องรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งมันถึงจะชนะทั้งร้อยครั้ง ดังนั้นมันก็ต้องเข้าถ้ำ...(เสือ) ไม่ยอมให้เป็นเสือหรอก ใหญ่เกินไปเอาแค่สัตว์เล็กๆ อย่าง แมว...เออ แมวนั่นแหละดีกว่า ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ตบหัวหรือไม่ก็จับหัวกดน้ำให้ดิ้นกระแด่วๆ ได้
“พี่ลูกแก้วนั่งนี่เดี๋ยวนะ ลูกเกดขอไปทำอะไรหน่อย”
เมื่อเห็นว่าเหยื่อกำลังลุกขึ้นเดินไปส่งแม่นางแบบสาวที่ก็อ่อยเหยื่อสุดฤทธิ์เหมือนกัน แต่พ่อดันไม่สนเสียนี่ หรือว่าจะเป็นเกย์หว่า...แต่ไม่นะ ถ้าเป็นเกย์ก็ต้องไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงซิ คุณบอกว่าอีตานี่กำลังจะแต่งงานอยู่ไม่กี่วันแล้วนี่นา แต่ช่างเถอะเขาจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธอเสียหน่อย เธอมีหน้าที่อย่างเดียว กันให้อยู่ห่างจากคู่หมั้นจนกว่าคุณจะพอใจเป็นพอ
“ไปไหนน่ะลูกเกด” แต่เธอคงจะถามไม่ทันแล้ว เพราะร่างเล็กบอบบางวิ่งลิ่วๆ ไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักอก ไม่รู้ว่าน้องสาวคิดจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ อีกหรือเปล่า
เพียงแค่แม่สาวร่างอวบอั๋นที่ก่อนจะขึ้นรถหันมาโถมตัวเข้ากอดและจูบแก้มสากทั้งสองข้างของคนร่างใหญ่แล้วก้าวขึ้นไปในรถ แต่ยังไม่วายหันมาส่งรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน กับมือเรียวโบกสะบัดส่งให้อย่างแสนจะเสียดาย
คนร่างเล็กซึ่งแอบซ่อนกำบังกายกับต้นไม้ต้นเล็กกระจิ๊ดริดที่ซ่อนยังไงมันก็ปิดบังกายอรชรไม่มิด แถมหน้าตาหรือก็หงิกงอยิ่งกว่าจวักตักแกงรีบออกมาจากที่ซ่อน
อย่างไม่คิดมาก...เพราะคิดมาเยอะและ...จนไม่รู้ว่าจะคิดยังไงแล้ว ถลาพาร่างเล็กพุ่งเป็นหมูขนุนน้อยๆ ไปข้างหน้า ใช้ศีรษะทุยกระแทกเข้ากับอกกว้างอย่างแม่นยำ หวังให้อีกฝ่ายล้มลุกคลุกคลานจนอายคนที่เดินผ่านไปมา แต่กลับกลายเป็นว่า...
“อุ๊ย!!!”
เป็นคนแกล้งเองที่ตกใจเพราะผิดแผน ด้วยคนที่ต้องการให้ล้มก้นจ้ำเบ้าหันกายหลบทันเสียก่อน แล้วตัวคนแกล้งเองนั่นแหละที่ถลาตัวไปด้านหน้าหลุนๆ ยิ่งกว่าลูกขนุนหล่นจากต้นกลิ้งไปบนพื้นดิน
การะเกดหน้าเหวอ ส่งเสียงร้องเล็กๆ เมื่อปากกำลังจะจูบกับพื้นซีเมนต์อันสกปรกอยู่ในบัดดล แต่โชคยังช่วยได้แขนแกร่งสอดเข้าระหว่างเอว ดึงได้ทันก่อนเธอจะลงไปตะครุบกบให้อายคนอื่นเขา
“เป็นยังไงบ้างหนู เจ็บตรงไหนบ้าง วันหลังก็เดินดีๆ หน่อยซิ อย่ารีบให้มันมากซิ เห็นไหมว่าเกือบจะล้มได้แผลแล้วนะ” อติคุปต์ถามพร้อมตำหนิไปด้วยในตัว เมื่อครู่ถ้าเขาไม่ไวพอ คว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ไม่อยากคิดเลยว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะเป็นยังไง...คงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง เพราะความซุ่มซ่าม จนทำให้ตัวเองต้องเจ็บกาย ไม่พอยังจะอายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอีกด้วย
การะเกดหน้าเหวอก่อนหงิกงอยิ่งกว่าเจ้าหมาหน้ายู่ย่น ปากหรือจมูกก็แทบจะดูไม่ออก ด้วยความหงุดหงิดระคนไม่พอใจนิดๆ ที่ถูกมองเป็นเด็ก
‘แค่ตัวเล็กนิดหน่อยเดียวเอ๊ง...(เน้นเสียงสูงไปเล็กน้อย) แต่ไม่เด็กแล้วนะเฟ้ย!’ จมูกเล็กโด่งได้รูปยู่ย่น ก้มมองรูปร่างของตัวเอง ก่อนส่ายหน้า...
‘ไม่เห็นมีส่วนไหนบอกว่าเป็นเด็กเลยนี่นา อกเอวก็มี อีตาบ้านี่มองไงถึงได้เห็นสาวหน้าตาถึงจะไม่สวยและน่ารักอย่างพี่ลูกแก้ว แต่เธอก็ดูเป็นสาวแล้วนะ ไหงอีตาบ้านี่ตาเชือนถึงขนาดนี้ถึง ดูคนน่ารักเป็นเด็กไปได้ อ๋อ...ลืมไป ก็ไม่เห็นทรงโตๆ ยิ่งกว่าลูกแตงโมมั้ง เลยหาว่าเธอเป็นเด็ก แต่ก็ดีจะได้ทำอะไรสนุกๆ ถนัดหน่อย’
รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของเรียวปากนุ่ม ก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว แหงนมองคนปากเสียด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก
“ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่ คนมันสะดุดขาตัวเอง ผิดด้วยหรือไง” เอ่ยตอบกลับน้ำเสียงใสแจ๋วราวกับระฆังอย่างยียวนกวนประสาทคนดุเต็มพิกัด คิ้วโก่งได้รูปเลิกขึ้นยิกๆ
“อ๋อ...แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นเด็ก ไม่ต้องมาเรียกหนู คนอะไรน่าเกลียดชะมัด” ต่อว่ากลับพร้อมบ่นตามไปอีกเล็กน้อย ผลักดันกายหนาแกร่งและหยิบหนังหนาๆ ของแขนแกร่งที่สอดรัดกระชับเอวอยู่ให้ถอยห่าง
หู...การะเกดถึงกับร้องครางในลำคอ ในความหล่อเหลามาดแมนของอีกฝ่าย แค่เธออยู่ในอ้อมกอดแล้วก็ได้สบกับดวงตาคมสีสนิมดุกร้าวเท่านั้นนะ หัวใจยังสั่นและเต้นแรงเร็วอย่างกับจะทะลุออกมาอย่างนั้นแหละ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าอยู่ใกล้ชิดบ่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้น
บ้าจริงเชียว...การะเกดดุตัวเองในใจ เมื่อรู้สึกว่าความร้อนไล่ขึ้นไปรวมตัวกันอยู่ที่พวงแก้ม ก็ขนาดเธอวันๆ ไม่สนใจผู้ชายคนไหน เพราะรำคาญที่แต่ละคนชอบคุยโวโอ้อวดว่าตัวเองน่ะเก่ง แต่ความจริงไม่ได้เรื่องแม้แต่นิดเดียว ยังเป็นถึงขนาดนี้ ให้อยู่ใกล้ชิดไม่นาน เชื่อได้เลยเผลอมอบกายมอบใจให้ไปในเวลาไม่นานแน่ แล้วแก้วกาญจนาล่ะ หน้าตาสวยน่ารักน่าปรารถนาอยู่แล้ว แถมยังอ่อนประสบการณ์และใสซื่อตามคนไม่ค่อยทันอยู่ เจอกันเพียงครั้งสองครั้งคงถูกอีตาร่างยักษ์นี่ลากขึ้นเตียงเป็นแน่เลย
โอ๊าย! หงุดหงิด อยากข่วนหน้าคนโว้ย! ถลึงตาใสแจ๋วเป็นประกายเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวหน้ายักษ์ที่ส่งมาให้
อติคุปต์หน้าตึง ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นแวบหนึ่ง เมื่อถูกอีกฝ่ายสวนกลับมาฉอดๆ บอกว่าไม่ใช่เด็ก ดวงตาคมปราบกวาดไล่มองเพียงแค่แวบ
‘อืม...มันก็จริง’ พอสังเกตดูดีๆ นะหุ่นถึงจะเล็กบอบบางแต่ก็ดูออกว่าไม่ใช่เด็กแล้ว อวบอัดด้วยส่วนนูนเว้าและโค้งอันเหมาะเจาะ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปรับกันทุกส่วนเลย
‘แต่ไอ้นิสัยนี่น่ะซิ...มันเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมชัดๆ เลยนี่นา’
กลีบปากสีชมพูระเรื่อที่ขยับต่อว่าเขายิกๆ มันช่างน่ามองและน่าจูบเหลือเกิน ‘เฮ้ย! นี่เขากำลังคิดอะไรนี่’ แต่ถึงจะอย่างนั้นอติคุปต์ก็หักห้ามความคิดที่ตอนนี้เริ่มจะไหลไปจนกู่ไม่กลับ ด้วยกลิ่นกายสาวหอมบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้แรกแย้มผสมกับกลิ่นแป้งเด็ก แล้วยังจะมีความนุ่มนิ่มของเรือนกายอรชรที่ได้สัมผัส ทำเอาเขาถึงกับเสียดาย เมื่อต้องคลายอ้อมแขนที่รัดร่างเล็กกลมกลึงออกไป