9
“มีอะไรเอาไว้ไปคุยที่บ้านดีกว่านะลูกเกด วันนี้พี่เหนื่อย อยากพักผ่อน” บอกเสียงอ่อย หลบสายตาน้องสาวที่มองมาอย่างจับผิด...หรืออาจคิดมากไปเอง
“ไม่...” ร่างเล็กอรชรผุดลุกจากที่นั่งอย่างรู้ทัน พี่สาวกำลังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดความจริงกับเธอ แล้วยิ่งหลบหน้าหลบตาอย่างนี้ มีพิรุธชัดๆ
วงหน้านวลแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดสาวบูดบึ้งและมองพี่สาวอย่างคาดคั้น กายกลมกลึงผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง สองมือเท้าสะเอว
“ไหนมีอะไรบอกมาให้หมด ห้ามปกปิด ไม่งั้นคืนนี้...อดนอน” ถามย้ำด้วยคำพูดอีกครั้ง รู้ดีว่าถ้าไม่ขู่แม่คนปากหนักไม่ยอมปริปากพูดหรอก สงสัยกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก แต่เหอะ...มีหรือที่คนอย่างเธอจะแง้มไม่ได้น่ะ
“ก็ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ” ตอบกลับเสียงเบาหวิว เมินหน้าหลบสายตาคมกริบจ้องราวกับจะมองให้ทะลุถึงเนื้อใน
“พี่ลูกแก้ว!!!”
เสียงเรียกที่ดังและเข้มขึ้นทำให้แก้วกาญจนาสะบัดศีรษะอย่างระอิดระอา เธอเป็นพี่หรือน้องกันแน่...เกิดก่อนก็ตั้งสองปี แต่ชีวิตกลับถูกการะเกดเจ้ากี้เจ้าการมาตั้งแต่เด็กๆ ไอ้ครั้นจะไม่ทำก็ไม่ได้อีก เพราะอีกฝ่ายงัดกลยุทธ์มาสาดใส่เธอเต็มที่ ทั้งไม้แข็งที่พอเธอแข็งขึ้นมาบ้างก็มาเล่นไม้อ่อน สุดท้ายแล้วเธอนั่นแหละเป็นฝ่ายพ่ายแพ้กับไอ้คำพูดสั่นเครือบาดลึกไปในความรู้สึก
“ก็พี่ลูกแก้วน่ะบอบบางและอ่อนแอ แล้วลูกเกดรักพี่ลูกแก้วนี่นา แล้วมันผิดด้วยหรือคะที่น้องสาวจะดูแลพี่สาวน่ะ” และสองแขนเรียวโอบกอดรอบกายอย่างหวงแหนและรักใคร่ พร้อมปกป้องคุ้มภัยอย่างไม่หวาดหวั่น
ตอนแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ช่วงหลังๆ ตั้งแต่โตเป็นสาวมา การะเกดดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แม้จะมีแฟน...ก็เป็นคนที่การะเกดนั่นแหละ จากคนที่คิดว่าดีที่สุดในสายตา โชคดีว่าเป็นคนซึ่งเธอเองก็พึงพอใจอยู่ก่อนแล้วเลยไม่มีปัญหา
แล้วมันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากคนที่เธอพึงใจและอยากร่วมชีวิตด้วย เป็นคนที่น้องสาวไม่ชอบ มันจะเกิดอะไรขึ้น กว่าเธอกับเขาคนนั้นจะต่อสู้เอาชนะหัวใจน้องสาว เห็นอ่อนโอนผ่อนตามและเอาใจใส่คนนั้นคนนี้นะ บทจะใจแข็งก็แข็งยิ่งกว่าหินทีเดียวได้ อาจได้เลือดกันไปเสียก่อนก็ไม่รู้
“หือ...” ขานรับเสียงเบาหวิวอย่างกับว่าไม่สนใจ แต่ภายในใจเริ่มหวาดหวั่นเสียแล้ว มาเสียงอย่างนี้เดี๋ยวเชื่อเถอะ จะต้องมีลูกล่อลูกชนตามมีอีกเป็นขบวนเชียวละ ซื้อขนมกินได้เลย
“จะบอกหรือไม่บอก ไม่รักลูกเกดแล้วใช่ไหม มีอะไรถึงได้ปิดปังกันแบบนี้น่ะ” จากเสียงที่แข็งกระด้างอยู่เมื่อครู่ กลับกลายเป็นกระเง้ากระงอดระคนน้อยใจ ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มจนแบนราบเรียบ วงหน้านวลเนียนที่เคยเริงรื่นกลับงอคว่ำเชิดหนีไปอีกฝั่ง แต่ยังส่งคำพูดเปรยๆ มาอีก
“ใช่ซี้...ลูกเกดมันไม่ดีนี่ เป็นน้องสาวที่ไม่ได้เรื่อง พี่ลูกแก้วถึงไม่รัก ไม่ไว้ใจ”
เอาละซิ มามุกนี้อีกแล้ว เดี๋ยวน้ำตาก็ไหลตามมาราวกับสั่งได้ แก้วกาญจนาส่ายศีรษะอย่างระอาและยอมแพ้ ก็กว่าจะทำให้คนขี้งอนหายโกรธนะนานโขอยู่นี่นา เธอก็ยังไม่อยากหาเรื่องให้อีกฝ่ายงอนแล้วต้องง้อในตอนนี้ด้วย เพราะมีเรื่องอื่นให้หนักใจกว่าเป็นหลายเท่า อย่างเช่นผู้ชายคนนั้นไง...
อติคุปต์ เวชชาญกิจ!
คนที่เธอจะต้องทำให้เขาห่างจากผู้หญิงอีกคน ศีรษะทุยก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วคิดไม่ตก จะเปลี่ยนจากคนบอบบางทำอะไรไม่ค่อยเป็น เพราะถูกการะเกดแย่งไปทำหมด ให้กลายเป็นสาวน้อยร้อยเล่มเกวียนพันมารยายั่วยวนผู้ชายให้หลงรักแล้วค่อยทิ้งภายหลังได้หรือเปล่า...นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ถ้าเป็นการะเกดก็ว่าไปอย่าง
“ลูกเกด...”
“ไม่ต้องมาเรียกเลย ตัวไม่รักเขาแล้วนิ ใช่ซิ เขามันไม่น่ารัก ไม่เป็นผู้หญิง ทำงานบ้านไม่เก่ง ซุ่มซ่ามเป็นที่หนึ่ง...” อีกนับสิบข้อที่การะเกดยกข้อเสียของตัวเองขึ้นมาพูด กายเล็กสะบัดหนีมือพี่สาวที่ยื่นมาจับอย่างบอกให้รู้ว่ากำลังงอนง้อดีๆ นะ ไม่งั้นมีเรื่องยาวกว่านี้แน่
“สงสัยลูกเกดคงไม่อยากฟังแล้วล่ะว่าคุณให้พี่ทำอะไร ถึงได้งอนเป็นหมาหงอยแบบนี้ อืม...ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไม่ต้องเล่า” เอาซิ...เธอเองก็มีลูกเล่นเหมือนกันนิ แล้วแก้มนวลผ่องก็แย้มยิ้ม เมื่อเห็นคนที่แสร้งงอนเมื่อครู่หันมางอนง้อเธอกลับ
“โอ๋...พี่ลูกแก้วจ๋า ไม่งอนน้องลูกเกดนะจ๊ะ น้องลูกเกดขอโทษ ก็เค้าอยากช่วยพี่นี่จ๊ะ” การะเกดถลาพาร่างเล็กของตัวเองมานั่งใกล้ชิดพี่สาว แล้วก็เอาใบหน้าถูไถกับไหล่มนของอีกฝ่าย ทำราวกับว่าเธอเป็นแมวน้อยออดอ้อนคลอเคลียเจ้าของ
“บอกน้องมาเถอะจ้ะ เผื่อน้องมีทางช่วยนะ” เงยหน้าขึ้นไปนิด ส่งสายตาออดอ้อนหน่อยๆ แถมกะพริบแพขนตายาวงอนอย่างที่คิดว่าน่ารักแต่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำอยู่นะดันเป็นตัวตลกให้พี่สาวหัวเราะพรืดออกมาเสียงั้น
“พะ...พี่ลูกแก้วน่ะ หัวเราะเขาอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ...” มือเล็กยกขึ้นชี้หน้าพี่สาว วงหน้าง่ำๆ ฮึ่มๆ ดวงตาวามวาว
“จ้าๆ ไม่หัวเราะแล้วจ้า” แก้วกาญจนาข่มกลั้นเสียงหัวเราะที่ยังพยายามจะหลุดออกมาอย่างสุดความสามารถ แม้อยู่ในอารมณ์โกรธและเคร่งเครียดขนาดไหน แต่พอได้อยู่กับการะเกดเพียงไม่ถึงห้านาทีเท่านั้นเธอก็หัวเราะอย่างมีความสุขได้
“เล่ามาเร็วๆ อยากรู้” เขย่าตัวพี่สาวให้บอกคำสั่งของคุณให้เธอได้รู้อย่างละเอียดไม่มีตกหล่นสักคำเดียว
แก้วกาญจนาเล่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอันเคร่งเครียด ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกร้านอาหารซึ่งเธอและน้องสาวใช้ซุ่มดูอติคุปต์อย่างไร้จุดหมายปลายทาง
การะเกดฟังเรื่องจากปากพี่สาวด้วยวงหน้านวลเนียนสวยขึงเครียดอย่างหนักอกหนักใจ ดวงตากลมโตกลอกไปกลอกมาอย่างครุ่นคิดตามไปด้วย
“เฮ้ย!” มือเล็กยกขึ้นตบอกพร้อมเสียงร้องอุทานตามมาเป็นระยะ สลับฟันขาวสะอาดเรียงตัวกันอย่างสวยงามขบกัดจนมีเสียงดังกรอดๆ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายหลุดออกมาจากปากพี่สาว
“คุณวางแผนให้พี่ตามไป...(ปล้ำ)” เกือบจะหลุดคำพูดหยาบคายที่พี่สาวไม่ชอบออกมาแล้ว ดีว่ายกมือปิดปากเอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นโดนตีแขนแดงแน่ ศีรษะทุยสะบัดส่ายแรงๆ มือเล็กยกขึ้นโบกสะบัดส่ายไปมาตรงหน้าพี่สาว
“เดี๋ยวนะคะ...พี่ลูกแก้วบอกว่า คุณให้พี่ตามผู้ชายคนนั้นอีกสามวันข้างหน้า”
แก้วกาญจนาพยักหน้ารับ เธอก็พูดออกจะชัดเจน แล้วการะเกดฟังอะไรขาดตกไปหรือเปล่า ถึงได้มีท่าทางอาการแปลกประหลาด
ร่างเล็กลุกขึ้นเดินไปเดินมา ฟันขาวสะอาดขบกัดปลายนิ้วยาวเรียวสลับมองหน้าพี่สาวอย่างกำลังคิด ก็เธอเกิดอาการงงเหมือนถูกค้อนทุบศีรษะนี่นา อีกสามวันคุณก็รู้ว่ามันเป็นวันอะไร เอ๊ะ...หรือว่าคุณจะลืม แล้วพี่สาวเธอก็คงจะลืมด้วยใช่ไหมนี่?
มือเล็กข้างหนึ่งสอดไขว้ระหว่างอก ทาบอีกมือไว้ด้านบนและขยับโยกไปมา “เดี๋ยวนะคะ...อีกสามวัน อืม...นั่นมันวันเดียวกับวันเกิดของพี่อัครนี่คะ” หญิงสาวหมายถึงอัครรัช แฟนพี่สาวที่มีแพลนจะแต่งงานกันอีกภายในหกเดือนข้างหน้า “ไหนพี่บอกว่าจะฉลองกัน...แล้วคุณบอกให้พี่ตามไป...ตามไปที่ไหน ไปยังไง ไหนพี่ลูกแก้วเคลียร์ให้มันชัดๆ หน่อยซิคะ ลูกเกดยังไม่เข้าใจ” ถามยาวเป็นห่างว่าวให้คนถูกถามอ้าปากค้าง
ยังไม่ทันที่แก้วกาญจนาจะได้เอ่ยพูดสิ่งใด การะเกดก็โพล่งขึ้นมาอย่างกับเพิ่งจะนึกได้ “นี่คุณให้พี่ทำถึงขนาดนี้เลยหรือคะ แล้วคุณไม่คิดบ้างหรือไงว่าถ้าหากพลาดพลั้งขึ้นมา แล้วพี่ถูกไอ้บ้านั่นปล้ำเอาน่ะ คุณบ้าไปแล้วแน่เลยที่ให้พี่ทำถึงขนาดนี้ คอยดูนะลูกเกดจะไปอาละวาดใส่คุณ” เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด แม้จะให้ความเคารพนับถือคนซึ่งถูกเอ่ยถึง แต่ได้ยินแบบนี้ก็ทำเอาการะเกดอดตำหนิไม่ได้ ก็เป็นบ้าอะไรส่งพี่สาวเธอไปเข้าปากเสือร้ายกันเล่า เป็นเธอก็ไม่ได้