“เหลือเชื่อเลยว่ะ พ่อฉันเอาตัวอะไรมาทำเมียวะเนี่ย โง่ก็โง่ เฮ้ยตื่นดิวะ เฮ้เธอออ” ภูดิษถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวกระตุกผ้าห่มเรียกคนบนเตียงที่ไม่รู้ชื่อเรียก
“งั้นแม่...”
“หุบปากไป”
หญิงสาวขมวดคิ้วหมุนข้อมือออกจากฝ่ามือเย็น แต่พอโดนสายตาดุตวัดมาเธอก็หยุดการกระทำทันที
“เฮ้ยยยยัยผมหยิก นี่หลับหรือตายวะ”
“อื้อออ”
ไอลดากะพริบตาก่อนจะมองอย่างมึนงง ผมลอนเล็กฟูฟ่องชี้ไปมาขณะลุกขึ้น ผ้าห่มที่ไหลลงไปกองที่เอวบ่งบอกว่าทั้งตัวเธอมีเพียงเสื้อชั้นในเพียงตัวเดียว ดวงตาชั้นเดียวมองไปที่ใบหน้าหวานที่จ้องมาที่เธอด้วยความตกใจ หลังจากเห็นสภาพโป๊ของเธอ “ฮ้าววว นายมีเมียแล้วเหรอ ว่าแล้วรวย ๆ แบบนี้มีเมียเลี้ยงสินะ”
“พูดมากน่ากลับไปได้แล้วไป”
“ไม่ส่งเหรอ”
“ไม่” ภูดิษตอบด้วยประโยคสั้น ๆ ก้มหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายโยนขึ้นไปบนเตียง รอจนร่างเล็กบนเตียงสวมเสื้อผ้าเสร็จอย่างใจเย็นในขณะที่นั่งไขว่ห้างบนเตียงรอ และยังจับข้อมือของเพียงขวัญไว้
“คือ...”
“หุบ-ปาก” ริมฝีปากหยักอ้าปากไร้เสียง ฝ่ามือเล็กของเพียงขวัญเปียกชื้นไปหมด หญิงสาวเบือนหน้าหนีสายตาดุสักพักไอลดาก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำ
“เมียจริง ๆ น่ะเหรอ ขอโทษนะคะพี่ แต่ผัวพี่หิ้วหนูมาเอง ไม่ถือโทษโกรธกันนะคะ” ว่าพลางยกมือกรีดนิ้วไหว้เพียงขวัญ ท่าทางก๋ากั่นไม่น้อยแต่มีเสน่ห์ล้นทำให้คนมองได้แต่อึ้งยกมือโบกไปมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเป็นมะ...”
“เป็นอะไรก็ไม่ต้องสนใจหรอก” เสียงทุ้มแสยะยิ้มพูดแทรกประโยคปฏิเสธ ทำให้เพียงขวัญเบิกตาหันไปมองภูดิษอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เข้าใจว่าเขาคงไม่อยากยุ่งยากจึงใช้ความเข้าใจผิดของหญิงสาวอีกคนอ้างไปแบบนั้น
พวกผู้ชาย! หญิงสาวกลอกตาพลางถอนหายใจ
“ดังนั้นรีบกลับไปเถอะ”
“ใจกว้างจังเนาะ ได้เมียดีนะเนี่ย” ไอลดาขยิบตาให้ภูดิษ ไม่วายแทรกตัวใช้นิ้วเขี่ยปลายคางชายหนุ่ม แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อหญิงสาวที่มองอยู่นอกจากไม่หึงยังทำหน้าซื่อ เธอแค่นยิ้มคิดในใจว่าคงมาเจอครอบครัวแปลก ๆ เข้าให้ “งั้นฉันรีบกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณนะคะที่ให้ค้างคืน”
“เดี๋ยวไปเรียกรถแท็กซี่ให้นะคะ”
“ไม่ต้อง!” ภูดิษกระตุกมือคนใจดีไว้ รอจนหญิงสาวอีกคนออกจากห้องไปแล้วตัดสินใจเหวี่ยงข้อมือที่กุมไว้หลายนาทีทิ้งอย่างไม่ไยดี “เสนียดว่ะ ล้างสบู่จะออกไหมเนี่ย”
“แม่ไม่ได้ขอให้คุณภูจับซะหน่อย” หญิงสาวแย้มยิ้มหน้าเป็นผิดกับอีกคนที่หน้าตึง
“แม่? สภาพ? เลิกแทนตัวเองว่าแม่เถอะว่ะ แล้วทีหลังจะเล่นบทแม่ก็จำใส่สมองไว้ด้วย ว่าวันนี้ฉันไม่มีสอบ เพราะฉะนั้นเลิกสะเออะเล่นบทแม่เหมือนตอนเด็กไม่ได้เล่นพ่อลูกมาเถอะ ตาแก่นั่นไม่อยู่แล้ว”
“ฉันไม่รู้ เอาเป็นว่าทีหลังคุณภูส่งตารางสอบให้แม่ด้วยดีไหมคะ”
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอเพียงขวัญ” น้ำเสียงกดต่ำไม่ชอบใจ เขารังเกียจคำแทนตัวเองที่เหมือนต้องการยั่วโมโหเขาเสียมากกว่า แต่เพียงขวัญก็ยังใช้มันราวกับเกราะป้องกันทิ้งระยะห่างกับภูดิษ
“อ่อแล้วผ้าปูนี่คงเลอะมาก...ซักให้ด้วยแล้วกัน”
“เดี๋ยวให้ป้าเล็กเอาไปซักให้นะคะ”
“ฉันให้เธอซัก”
คนถูกสั่งหน้าถอดสีอย่างไม่เข้าใจ เธอต้องถูกคนตรงหน้าโขกสับเอาแต่ใจอีกมากแค่ไหนจนกว่าจะพ้นสภาพนี้ หญิงสาวหมุนตัวกลับมาก่อนจะพยักหน้ารับ “ค่ะ”
“ก็แค่นั้นแหละ สภาพเธอตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนใช้นี่ พ่อฉันจ่ายล่วงหน้าไว้ให้ตั้งเยอะ แค่ซักผ้าปูเตียงไม่กี่ผืนก็ต้องเกี่ยงให้คนอื่นรึไง”
“ฉันอยู่ในสถานะภรรยาพ่อของคุณไม่ใช่คนใช้ค่ะ”
“อ๋อเหรอ...” ร่างสูงหรี่ตาเบะปากบอกว่าเชื่อ ภูดิษพยักหน้ากวนประสาทสืบเท้าเข้าหาร่างบาง พร้อมกับเอียงคอมองคนที่เริ่มโมโห “แล้วไม่เหมือนตรงไหน...ทำเป็นแสนดี แต่ดูก็รู้ว่าพอฉันอายุครบยี่สิบสองเธอก็คงรีบหอบเงินที่พ่อฉันให้ไปหาผัวใหม่ ถ้าเป็นอินบทบาทแม่มากเธอจะอยู่กับฉันจนตายไหม”
“คุณภูหมายถึงอะไรคะ”
“ฉันถามว่าเธอจะอยู่กับฉันจนตายไหม”
เพียงขวัญขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าภูดิษรู้ได้ยังไง คำต่อว่าทำให้เธอกะพริบตาถี่ ๆ ไม่รู้ว่าภูดิษรู้หรือไม่รู้อะไรกันแน่ แม้เป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยาก แต่ถ้าเธอตอบว่าจะอยู่กับเขาตลอดไปเขาจะยอมรับเธอเป็นแม่เลี้ยงงั้นเหรอ ไม่ทันได้ตอบอะไรไปร่างสูงก็โน้มตัวลงมาชิด ก่อนเสียงแหบพร่าจะกระซิบข้างหู
“แค่ทำกับข้าว ปลุกไปเรียน ดูแลบ้านน่ะไม่ต้องเป็นแม่เลี้ยงหรอก...เป็นเมียก็ทำได้”
“คุณภู...” เพียงขวัญครางชื่อเขาในใจไหววูบไม่เชื่อหูตัวเอง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไร้จังหวะ ไม่รู้ตัวเลยว่าสองขาขอตนเองพาวิ่งออกมาจากห้องนั้นไกลแค่ไหน
นี่มันไม่ใช่ว่า...อันตรายเกินไปแล้วเหรอ