กลิ่นอาหารภายในครัวอบอวลไปทั่ว ร่างบางในชุดผ้ากันเปื้อนหมุนตัวยกหม้อข้าวต้มออกจากเตา พลางวางลงบนถาดไม้รองก้นหม้อที่เตรียมไว้ ไอน้ำฟุ้งกระจายส่งกลิ่นหอมเมื่อฝาหม้อถูกเปิดออก นัยน์ตากลมโตเหลือบมองหญิงวัยสี่สิบต้น ๆ ที่โผล่เข้ามาในครัว แต่กลับยกมือไหว้เธอในฐานะเจ้านาย
“คุณขวัญป้ามาแล้วค่ะ”
“สวัสดีค่ะป้าเล็ก ขวัญทำข้าวต้มเยอะเลยแบ่งทานได้เลยนะคะ”
แม่บ้านที่ทำหน้าที่ปัดกวาดอย่างป้าเล็กยิ้มให้กับคำทักทาย บ้านนี้ไม่มีคนรับใช้ในบ้านมีเพียงแม่บ้านและคนสวนที่ไปเช้าเย็นกลับ เดือนหนึ่งถึงจะให้บริษัทรับทำความสะอาดเข้ามาทำความสะอาดครั้งใหญ่เพียงหนึ่งครั้ง ระหว่างนั้นก็ฝากป้าเล็กที่เป็นคนเก่าคนแก่ให้ช่วยดูแลงานบางส่วน เพียงขวัญเองก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ เพราะคณหนูของบ้านอย่างภูดิษคงอาละวาดหนักแน่หากมีคนมาเดินเพ่นพ่านในสายตา
“หอมฟุ้งเลยค่ะคุณขวัญ”
หญิงสาวยิ้มรับคำชม
“วันนี้ขวัญต้องออกไปดูร้านดอกไม้อาจจะฝากบ้านจนถึงเย็นเลยนะคะ วันนี้ไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหมคะ ถ้าห้าโมงแล้วขวัญยังไม่กลับมา ป้าก็กลับได้เลยนะคะ ไม่ต้องรอเปิดบ้าน” เพียงขวัญเอ่ยอย่างใจดี
“ได้เลยค่ะ ป้าช่วยยกเครื่องปรุงไปที่โต๊ะทานข้าวนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ ขวัญว่าจะทำน้ำผลไม้รวมให้คุณภูดื่มก่อนไปมหาวิทยาลัยอีกสักแก้ว”
“เอ้...วันนี้คุณภูไม่ได้ไปเรียนแล้วเหรอคะ” คนพูดยิ้มไม่แน่ใจเมื่อรถคันโปรดของภูดิษไม่อยู่ เธอนึกว่าภูดิษจะไปเรียนแล้ว ความดุและนิสัยของเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้คนแก่แอบโล่งอกได้ไม่นาน พอได้รับความจริงจากเพียงขวัญเธอเองก็หน้าเปลี่ยนสี
“ยังไม่ลงมาจากด้านบนเลยค่ะ รถไม่ได้จอดอยู่เหรอคะ”
“ค่ะ” ป้าเล็กพยักหน้ารับ
“สงสัยเมื่อคืนคงเมาจนต้องนั่งแท็กซี่กลับอีกตามเคยนั่นแหละค่ะ” เพียงขวัญหัวเราะน้อย ๆ พลางส่ายหน้าเอือมระอา เธออุ้มเครื่องแยกกากผลไม้และตะกร้าผลไม้ออกมาวาง สักพักมือสวยที่กำลังหยิบแอปเปิลก็ชะงักไป “เอ๊ะ! ช่วงนี้ช่วงสอบกลางภาคนี่”
“ตายจริง!” ป้าเล็กสะดุ้งไปตามน้ำเสียงอารามตกใจของเธอ
“ทำไมถึงเหลวไหลแบบนี้นะ” ลมหายใจพ่นออกจากจมูกสวยบ่งบอกความไม่ชอบใจ
“คุณขวัญอย่าบอกคุณภูนะคะว่าป้าบอกคุณขวัญ คุณภูต้องด่าป้าแน่เลยค่ะ” ครั้งที่แล้วเธอเข้าไปยุ่งเรื่องการจัดปาร์ตี้ของภูดิษตอนเพียงขวัญไม่อยู่บ้าน ก็ถูกชายหนุ่มดุและบอกให้เธอเงียบปากนับตั้งแต่นั้น
คนแก่ได้แต่หุบปากเงียบไม่อยากถูกด่าอีก
“ขวัญไม่บอกหรอกค่ะ แต่ฝากป้าเล็กล้างผลไม้พวกนี้และหั่นใส่เครื่องให้ขวัญหน่อยนะคะ ขวัญจะไปปลุกคุณภูก่อน”
“ค่ะ ๆ ไปเถอะค่ะ ตรงนี้ป้าจัดการให้เอง” มือหยาบกร้านรีบกุลีกุจอหยิบแอปเปิลลูกนั้นแทนเพียงขวัญ ดวงตาเหี่ยวย่นเหลือบมองแววตากังวลใจของหญิงสาวเหลือบมองไปที่ชั้นบน แค่คิดถึงว่าเพียงขวัญจะไปปลุกภูดิษเธอเองก็ขยาดแล้ว
ได้แต่ยกมือท่วมหัวสาธุ ให้พระคุ้มครองแม่เลี้ยงสาว ที่พยายามจะปราบพยศลูกเลี้ยงวัยฉกรรจ์
สำหรับเพียงขวัญแล้ว หน้าที่ของเธอคือการดูแลภูดิษ ต่อให้เขาไม่ต้องการเธอก็ยังยืดหยัดที่จะทำอยู่ดี
เพียงขวัญเร่งฝีเท้าเดินขึ้นด้านบน ห้องนอนห้องใหญ่ที่เคยเป็นที่นอนเธอ ถูกภูดิษโยนข้าวของของเธอทิ้งไม่ไยดีแล้วเข้าไปอยู่แทน ซึ่งเพียงขวัญก็ยอมแต่โดยดีเลยไปนอนห้องเล็กด้านในแทน ส่วนห้องอื่น ๆ ที่ทิ้งว่างไว้เข้าไปทำความสะอาดบ้างเท่านั้น
ก๊อก ๆ ๆ
หญิงสาวสูดลมหายใจเรียกกำลังใจ แล้วเคาะลงบนประตู รอเงี่ยหูฟังเสียงตอบรับสักพัก แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ก๊อก ๆ ๆ
“คุณภูคะ ตื่นรึยังคะ”
การรบกวนการนอนเป็นอะไรที่ภูดิษเกลียดที่สุด เขาบิดตัวอย่างเกียจคร้าน เงี่ยหูฟังเสียงหวานถามประโยคเดิมซ้ำ ๆ ราวกับเสือที่เพิ่งตื่นจากการจำศีล
“แม่เข้าไปนะ”
“แม่บ้านเธอสิ!!!”
ปุ!
“โอ๊ยยยคุณภู!”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าในห้องภูดิษก็ทักทายเพียงขวัญด้วยหมอนไปใหญ่ องศาพอดิบพอดีกระแทกเข้ากับใบหน้าหวานของคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง ทำให้หญิงสาวที่ไม่ได้ตั้งตัวเซถลาล้มลงไปบนพื้น เท่านั้นร่างสูงก็กลั้นขำสะใจไม่น้อย
เพียงเสียววิแววตาขำขันก็เปลี่ยนเป็นเหยียดหยาม
แต่เพียงขวัญก็ทำได้แค่เม้มปากแน่น นัยน์ตากลมโตมีร่องรอยความไม่พอใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็ทำได้แค่ฝืนยิ้มออกมา
ยังไงเธอก็ยังต้องเล่นบทแม่ของคนตรงหน้าอยู่ดี
“สายแล้วนะคะ ทำไมคุณภูยังไม่ลุกขึ้นอาบน้ำ...”
คนที่เพิ่งลุกขึ้นชะงักไปดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อร่างบนเตียงไม่ได้มีแค่ภูดิษ แต่ยังมีใบหน้าจิ้มลิ้มของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นหน้าซบอยู่ข้าง ๆ
หญิงสาวกัดฟันแน่นไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหนกันแน่ ทั้งอึ้งทั้งแปลกประหลาด ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นภูดิษพาใครเข้าบ้านสักคน อ้าปากค้างที่คำสุดท้ายแล้วยังหาประโยคพูดต่อไม่ได้ ริ้วแดงพาดผ่านใบหน้าหญิงสาววัยยี่สิบแปด แต่ภูดิษกลับชอบใจเมื่อเห็นเพียงขวัญตื่นตระหนก เขาแสยะยิ้มหันมาเลิกคิ้วใส่เธอ
“มีปัญหารึไง”
“ปะ...เปล่าค่ะ แต่ถ้าตื่นแล้วรีบไปอาบน้ำดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะไปไม่ทันสอบ”
“แล้วมันเรื่องอะไรของเธอ”
“แม่เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว ให้แฟนลงไปทานด้วยกันก็ได้นะ”
“ฉันถามว่าเธอยุ่งอะไรด้วย!”
“ก็...”
เพียงขวัญเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ คำพูดแค่ชวนกินข้าวก็ทำให้ภูดิษโมโหราวกับเธอเอ่ยอะไรผิดมากมาย หญิงสาวไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้เขาโมโหขนาดนี้ จึงรีบถอยหลังหนีห่างจากร่างสูงที่ลุกพรวดจากเตียงมุ่งมาที่เธอ ยังดีที่เขาใส่กางเกงนอนอยู่ ไม่อย่างนั้นเพียงขวัญคงมองหน้าเขาไม่ติดแน่ ๆ เธอยกมือดันอกเปลือยเปล่าไว้ไม่ให้ใกล้ไปกว่านี้
“มารยาทเธอหายไปไหนหมด ถึงเปิดห้องคนอื่นเข้ามาแบบนี้ สมองมีปัญหารึไงรู้จักไหมไพเวซี่น่ะ” นิ้วใหญ่เคาะที่ขมับเธอเบา ๆ
“ขอโทษค่ะ”