บทที่ ๑ อำนาจมืดของไคล์ แซกเคอร์มันน์(๒)

1308 Words
ผู้เป็นน้องชายได้แต่ก้มหน้าอย่างรู้สถานะตัวเองดีว่ายืนอยู่จุดไหน ชีวิตของเขากับพี่ชายถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่พ่อพบพวกเขาครั้งแรก สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือใช้ชีวิตรักด้วยความระมัดระวังอย่าให้คนเป็นพ่อรับรู้เด็ดขาด คริส แซกเคอร์มันน์ในวัยสามสิบห้าปีก้าวออกจากห้องของพี่ชายด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานถึงได้กดโทรศัพท์ไปถึงใครบางคน แต่ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างถึงได้เงียบหาย ไม่มีเสียงหวานใสตอบกลับมาให้ชื่นใจเลยสักนิด นัยน์ตาแดงๆ จึงเอาแต่ปรายมองประตูห้องทำงานของพี่ชายอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินเข้าห้องตัวเอง อย่างรู้ดีว่าสถานการณ์ของเขากับคนรักในเวลานี้มันไม่ดีเท่าไร กว่าจะอยู่ด้วยกันได้คงต้องใช้เวลาอีกนาน พ้นแผ่นหลังของน้องชายบังเกิดเกล้าแล้ว ไคล์ถึงกับผ่อนลมหายใจทิ้งแรงๆ ก่อนจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องพักของผู้เป็นพ่อ เพียงก้าวเท้าเข้ามาเขาก็ได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อ ภาพร่างชายชราที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงโดยมีสายระโยงระยางรอบตัวทำเอาเขาพูดไม่ออก แต่ถึงแม้พ่อจะลุกเดินไม่ได้เหมือนอย่างปกติ แต่สีหน้าและแววตาก็ยังทำเอาเขาหวาดหวั่นได้เสมอ เรียกได้ว่าต่อให้พ่อนอนเป็นผักแต่อำนาจของท่านก็ไม่เคยลดน้อยลงเลย พ่อยังคงน่ากลัวเหมือนกับเมื่อหลายสิบปีก่อนไม่มีผิด พ่อผู้พรากเขากับน้องชายมาจากอกของแม่อย่างเลือดเย็น จนทำให้แม่ต้องตายไปอย่างน่าเวทนา ไคล์ก้าวมาหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วสบตาแสนดุดัน เขาเห็นพ่อขบกรามกรอดๆ แล้วโยนภาพถ่ายนับสิบใบใส่หน้าเขา ทว่าผู้หญิงในภาพกลับทำให้เขารู้สึกหน้าชา เพราะว่ามันไม่เหมือนกับภาพที่เขามีเลยสักนิด พอมองดูดีๆ แล้วก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ผู้หญิงคนนั้นกับคนในภาพนี้มีความแตกต่างกันไม่น้อย แต่ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่คิดมันผิดเขาก็ไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมา “จัดการซะ!” ชายหนุ่มหลุบตาลงต่ำขณะหยิบภาพใบหนึ่งขึ้นมา “ฝีมือพ่อหรือครับ” ริมฝีปากที่เหยียดออกมาอย่างไม่ดูดำดูดีในชีวิตคนอื่น ทำให้รู้ว่าพ่อเป็นคนโหดร้าย “อย่าให้ใครสาวมาถึงตัวฉัน” “อย่าห่วงเลยครับ ต่อให้พ่อฆ่าผู้หญิงของนายคริสเพิ่มอีกสักสิบคนก็คงไม่มีใครรู้หรอก” “ใช่! รวมถึงผู้หญิงของแกด้วย” “ผมไม่เคยมีใคร” “นั่นฉันไม่อยากรู้ เพราะถ้าฉันรู้เมื่อไร ก็แปลว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีลมหายใจ” “ครับ” คราวนี้ประมุขแห่งแซกเคอร์มันน์กดมุมปากเป็นรอยยิ้มอันตรายออกมา “กำจัดเด็กคนนั้นซะ” “พ่อ!” ชายหนุ่มได้แต่ครางเรียก เวลานี้เขากำลังนึกถึงเด็กตัวเล็กๆ แสนบอบบางที่อยู่ในอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง เด็กนั่นพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ ทำได้เพียงครางอ้อแอ้และยื่นมือป้อมๆ สัมผัสใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ถึงแม้ภายในใจจะรู้สึกโล่งเพราะนักแสดงสาวไม่ใช่คนที่ตายจาก แต่ว่าเขาไม่อาจรับคำสั่งง่ายๆ และก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงทั้งสองคนจะมีความเกี่ยวข้องแน่นแฟ้น กันขนาดนี้ คนหนึ่งเป็นพี่ ส่วนอีกคนเป็นน้อง การที่น้องสาวต้องตายไปคงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสมากแล้ว ถ้าจู่ๆ ต้องมีคนตายเพิ่มอีกก็คงไม่มีใครรับได้ “นั่นมัน...เลวร้ายมากนะครับ” “หรือจะฆ่าล้างตระกูลก็ตามใจแก” ชายหนุ่มก้มหน้าลง ก่อนจะกัดฟันพูดออกมาอย่างต่อต้านพ่อเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี “ผมทำไม่ได้” “ไคล์ แซกเคอร์มันน์!” “ผมจะกำจัดศัตรูให้พ่ออีกร้อยคน ขอเพียงละเว้นเด็กคนนั้น” “แกคงต้องแลกด้วยชีวิตของแกเอง” บานประตูที่ปิดลงไม่ได้สะกดกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่นแม้แต่น้อย ถึงแม้เขาสามารถกำจัดผู้หญิงทุกคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตน้องชายได้ แต่เขาก็ไม่สารเลวพอที่จะจบชีวิตของเด็กคนหนึ่งโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร เด็กนั่นเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ไร้เดียงสา การที่เกิดมาโดยมีน้องชายของเขาเป็นพ่อแท้ๆ มันเป็นความผิดจนต้องตายเชียวหรือ เปลือกตาคมเข้มค่อยๆ ปิดลงช้าๆ ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่หน้าประตูห้องอยู่นานพอควรถึงได้ก้าวไปยังห้องทำงาน มาถึงก็ตวัดดวงตาคมกริบมองคนสนิทที่กำลังง่วนอยู่กับการโทรศัพท์ทางไกลทันที เพียงอีกฝ่ายวางสายเขาก็ต้องบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เอาตัวนักแสดงสาวคนนั้นกับเด็กมาให้ฉัน” เพียงประสานตากับผู้เป็นนาย วอนโดก็เหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้จึงรีบกดมือถือสั่งการ เรียบร้อยนั่นแหละถึงได้รายงานด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย “อีกเจ็ดสิบสองชั่วโมง เด็กและผู้หญิงจะถูกส่งมาถึงที่นัดหมายครับ” “ดี” ตอบรับเพียงเท่านั้น ไคล์ก็เดินไปหยิบภาพถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่งที่อุ้มทารกตัวน้อยไว้แนบแน่น ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็คือประวิงเวลา ให้เด็กคนนี้ได้สัมผัสกับโลกกว้าง ถึงแม้เวลานั้นมันอาจจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่เพราะดวงตากลมโตดูอ่อนต่อโลกคู่นี้ทำให้เขาตัดสินใจทัดทานอำนาจของคนเป็นพ่อเป็นครั้งแรก ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะสามารถปกป้องลูกแท้ๆ ของน้องชายให้มีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างน้อยมันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะทำเพื่อน้องชาย น้องแท้ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกับเขา การเดินทางจากบ้านนอกเข้าสู่เมืองกรุงฯ ของครอบครัว ตั้งเสถียรธรรมรงค์ ราบรื่นได้ประมาณสามชั่วโมงแล้ว ทว่าพอรถจะแล่นเข้าสู่เส้นทางหลักมุ่งสู่ตัวเมืองแสนวุ่นวาย จู่ๆ บริเวณด้านหน้าก็เกิดอุบัติเหตุใหญ่ทำให้การจราจรล่าช้า ผู้จัดการสาวอย่างรัชช่าจึงเอาแต่ถอนใจทิ้งแรงๆ เพราะกลัวว่านางเอกคนงามที่กำลังโด่งดังจะไปงานบวงสรวงละครเรื่องใหม่ล่าช้า “พี่บอกแล้วว่าให้นั่งเครื่องบินมา” เจ้าหล่อนบ่นกระปอดกระแปด “ดูสิเมื่อไรจะถึงช่องก็ไม่รู้” “อีกหน่อยตำรวจก็คงเคลียร์เส้นทางแล้ว พี่สรัสใจเย็นๆ นะคะ” พอได้ยินชื่อจริงตัวเองหลุดออกจากปากสีชมพูระเรื่อของนักแสดงในสังกัดก็ถึงกับตวัดดวงตาดุๆ ใส่ทันที “บอกให้เรียกรัชช่า...รัชช่าน่ะเข้าใจไหมยะ” “ก็ได้ค่ะ” บุปผาสวรรค์ยอมเออออ “แล้วห้องพักของแม่และหลานของบุปผา พี่รัชช่าจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ” “แน่นอนจ้ะ” พูดแล้วก็หันไปมองเด็กแบเบาะที่อยู่ในอ้อมแขนของนางราตรี “ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว รับรองว่าจะถูกใจแม่กับหลานแน่นอน แต่...อย่าว่าอะไรอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ รัชช่าไม่อยากให้คนอื่นรู้จริงๆ ว่าในบ้านของบุปผาสวรรค์มีเด็กตัวเล็กๆ อยู่ด้วย รัชช่าขี้เกียจตอบคำถามนักข่าวค่ะ ถ้าพวกนั้นรู้เข้าคงจะจับโยงกันวุ่นวายไปหมด ดีไม่ดีก็คงขุดไปถึงเรื่องที่หลานไม่มีพ่อด้วย” “พี่รัชช่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD