บทที่ ๑ อำนาจมืดของไคล์ แซกเคอร์มันน์(๑)

1353 Words
ภาพหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังเลี้ยงลูกสองคนอยู่ภายในห้องคับแคบ สภาพแวดล้อมโดยรอบไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพอ่อนแอของเธอแม้แต่นิด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธออยู่กับสามีอย่างมีความสุข เขาพร่ำบอกว่ารักเธอมากเหลือเกิน จนกระทั่งมีลูกชายคนแรกทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป หลังจากคลอดลูกเขาพาเด็กคนนั้นไปอยู่ที่อื่น ปลุกปลอบเธอว่าไม่ต้องห่วง จะดูแลเด็กคนนั้นเป็นอย่างดี และเพราะความโง่งมในความรักที่มีต่อเขา ต่อให้เจ็บปวดทุกข์ทรมานกับการไม่เห็นหน้าลูกเธอก็ยังฝืนทน เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังกลับมาหาเธอบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่งไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็ตั้งท้องขึ้นมาอีก เธอหวังเหลือเกินว่าจะได้เลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง แต่แล้วทุกอย่างก็เข้าตำราเดิม สามีของเธอพรากลูกไปจากอกอีกคน การต้องอยู่ห่างจากสายเลือดโดยไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งพยายามดิ้นรนต่อสู้ เธอใช้เงินและสมบัติทุกอย่างที่คนเป็นสามีหยิบยื่นให้เพื่อควานหาสืบข่าวเกี่ยวกับลูกในไส้ทั้งสองคน พอพบก็รีบให้คนที่ไว้ใจได้ไปพาพวกเขามาแล้วหนีหัวซุกหัวซุนไปหลบซ่อน หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองคนอย่างทุลักทุเล ทว่าอำนาจของเขาก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจะทัดทาน สุดท้ายเขาก็มาพรากลูกทั้งสองไปจากอก ทำให้เธอต้องตรอมใจตายไปอย่างน่าเวทนา ภาพที่ผุดขึ้นมาในสมองจากการสืบข่าว การบอกเล่า และความทรงจำในอดีต ทำให้ไคล์ต้องขยับปลายนิ้วนวดคลึงขมับให้ผ่อนคลายลง บุรุษหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของนิยามของความสมบูรณ์แบบแห่งบุรุษเพศ ดิบเถื่อน เยือกเย็น และอันตรายสูดหายใจลึกยาวเข้าปอดราวกับว่ากำลังบอกตัวเองให้ระงับสติอารมณ์ที่พวยพุ่งด้วยความโกรธลง แต่ดูเหมือนภาพเก่าๆ เหล่านั้นกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้เขาไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆ ได้ นับห้านาทีมานี้ ไคล์ แซกเคอร์มันน์ ใช้ดวงตาสีสนิมจับจ้องภาพถ่ายนับยี่สิบใบที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่า เขาจะทำผิดพลาดด้วยการปล่อยให้น้องชายบังเกิดเกล้ามีโอกาสใช้ชีวิตอิสระ เขาน่าจะจับหมอนั่นมัดไว้แล้วขีดเส้นทางให้เดินจะได้ไม่ไขว้เขวไปเจอกับผู้หญิงเห็นแก่เงินพวกนั้น “ท่านจะทำอย่างไรกับผู้หญิงในภาพครับ” เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของผู้เป็นนาย วอนโด คลีน ในวัยสามสิบเก้าปีจึงร้องถามขึ้น จากการร่วมงานรับใช้กันมาร่วมสิบห้าปี ทำให้วอนโดรู้ดีว่าเวลานี้เจ้านายของเขาอยู่ในอารมณ์ไหน ตอนนี้คงอยากจับผู้หญิงในภาพยัดใส่ถังแล้วโยนลงทะเลให้รู้แล้วรู้รอด หรือไม่ก็เอาเจ้าหล่อนนั่งยางจุดไฟเผาจนเป็นเถ้าถ่าน มุมปากของไคล์กดลงเป็นรอยยิ้มอันตรายเหมือนที่เจ้าตัวทำในเวลาเจอศัตรูขวางทางอำนาจมืด แววตาสีสนิมคู่นั้นนิ่งเฉยก็จริงแต่วอนโดรู้ดีว่ายิ่งนิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น “เจ้าหล่อนทำงานอะไรที่เมืองไทย” “เห็นว่าเป็นนักแสดงครับ ฝีมือในจอร้ายกาจทีเดียว ตอนนี้จึงเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ” “ไม่เบานี่ ปล่อยให้เจ้าหล่อนบินสูงๆ ไปเถอะ” “หลังจากนั้นท่านจะผลักเธอลงใช่ไหมครับ” ไม่ต้องได้ยินคำตอบวอนโดก็รู้ดีว่าผู้เป็นนายจะทำยิ่งกว่าคิดเสียอีก เชื่อแน่ว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เจ้านายบังเกิดเกล้าของเขาจะเปลี่ยนดาราสาวผู้โด่งดังให้กลายเป็นดาราตกอับไม่มีเงินไม่มีงาน แถมยังไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยด้วย สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอในวันข้างหน้าคงหนักหนาสาหัสจนแบกรับไม่ไหว อาจทำถึงขั้นจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เผชิญกับความโหดร้ายของ ไคล์ แซกเคอร์มันน์ ดูเหมือนไคล์จะลงมือกับเจ้าของร่างบอบบางในภาพมากกว่าที่วอนโดคิดเสียอีก เพราะตอนนี้ริมฝีปากได้รูปเริ่มฉีกยิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบภาพถ่ายที่เปิดเผยส่วนสัดของบุปผาสวรรค์ขึ้นมาดู เอวคอดกิ่ว รูปร่างหน้าตา กับทรวดทรงอกอวบอัดนั้น ถ้าเขาจะเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งในการกำจัดเธอ การเปลี่ยนเธอจากดาราดังให้กลายเป็นผู้หญิงในตู้กระจกก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ชั่วครู่นัยน์ตาสีสนิมจึงตวัดมองคนสนิทก่อนสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทำยังไงก็ได้ ให้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทย” “ได้ครับ” “ฉันอยากเห็นหล่อนมีความสุข...มีความสุขมากๆ” วอนโดพยักหน้ารับแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะล้วงโทรศัพท์กดสั่งงาน พอเรียบร้อยก็รีบเก็บกวาดบนโต๊ะ เพราะตอนนี้ใครบางคนกำลังก้าวอาดๆ เข้ามาด้วยสีหน้าระรื่น ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังเป็นสีชมพูก็ไม่ปาน เมื่ออีกฝ่ายพกพารูปร่างสูงใหญ่มายืนตรงหน้า วอนโดก็ก้มหน้าทักทายแล้วหมุนกายออกไปเงียบๆ ปล่อยให้สองพี่น้องแห่งแซกเคอร์มันน์ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน “นายดูมีความสุขดีนะ” ไคล์พยายามเก็บอารมณ์โมโหที่กรุ่นๆ อยู่ในอก เขาต้องทำทุกอย่างให้เงียบเชียบเพราะไม่อยากเหน็ดเหนื่อยกับการถูกผู้เป็นน้องชายต่อต้าน ไอ้หมอนี่ทำเหมือนเชื่อฟังเขาและอยู่ในการควบคุมของบิดาทุกอย่าง ทว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าคริสเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างจนพังราบคาบ “คงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นล่ะสิ” ดวงตาของคริสเปล่งประกายด้วยความสุข ชายหนุ่มจ้องหน้าพี่ชายอยู่นานถึงได้เอ่ยปาก “พี่คิดยังไง ถ้าผมจะแต่งงาน” ไคล์พยายามวางสีหน้าให้นิ่งที่สุด “แต่งกับใคร” “ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรง” “คงตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นล่ะสิท่า” “ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับเธอครับ” คราวนี้ไคล์เริ่มขยับปลายเท้าก้าวไปยังผนังสีเทา ซึ่งถูกกรอบภาพเขียนขนาดใหญ่บดบังไว้เกือบครึ่ง ในภาพนั้นมีพ่อ แม่ เขาและผู้เป็นน้องชาย ภาพครอบครัวแสดงถึงความอบอุ่นก็จริง แต่ทุกคนในตระกูลรู้ดีว่า ทุกๆ ชีวิตในแซกเคอร์มันน์อยู่ในกำมือประมุขของบ้าน พ่อของเขาไม่มีวันปล่อยให้น้องชายแต่งงานกับผู้หญิงที่ไร้อิทธิพลและไร้ประโยชน์ต่อครอบครัวเด็ดขาด “นายรู้ใช่ไหมว่าพ่อจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น” สีหน้าของคริสดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด อึดใจหนึ่งถึงได้สบตาผู้เป็นพี่อย่างเว้าวอน “พี่ช่วยผมได้ไหม ถ้าเป็นพี่...ผมเชื่อว่าพ่อจะ...” “ไม่มีใครกล้าทานอำนาจของ เคิร์ก แซกเคอร์มันน์ ได้หรอกนะ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นฉันก็ตาม” “พี่เป็นทายาทของพ่อ!” “และฉันก็เป็นลูกน้องของเขาเหมือนกัน” “ผม...” “มีสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถช่วยนายได้ ก็คือ การปล่อยให้ผู้หญิงของนายมีชีวิตต่อไป แต่ถ้านายยังดึงดันจะแต่งงานกับเธอให้ได้ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าพ่อจะทำอะไรกับเธอบ้าง บางทีนายอาจจะไม่มีวันได้พบเธออีก” “พี่ครับ” คริสเรียกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “ผม...” “จัดการซะ! อย่าให้พ่อรู้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่ตัวนายเองก็จะไม่มีทางรอด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD