บทที่ 6
"เจ้ ตอนที่กระโดดลงน้ำหัวได้กระแทกกับอะไรหรือเปล่า" เก่งกล้าที่นั่งข้างพะพิงมาสักพักเอ่ยถามอย่างสงสัย
หลังจากที่พะพิงแยกจากนายตำรวจหนุ่ม ณภัทรกับเก่งกล้าที่อยู่ด้านนอกก็ตามมารับกลับที่พัก
"เปล่า"
"แต่เจ้ยิ้มไม่หุบเลยนะ" ณภัทรที่นั่งสังเกตมาสักพักก็พูดบ้าง "นี่เจ้เพิ่งวิ่งหนีลูกปืนมาไม่ใช่เหรอ" ภัทรงงจริง ๆ
"..." นั่นสิภัทรพูดถูก แต่พอคิดถึงสีหน้าของแผ่นดินตอนโดนเขาขโมยจูบก็อดยิ้มไม่ได้ "เลิกอยากรู้ ทางไอเป็นไงบ้าง"
"ทางนั้นเรียบร้อยดีสร้อยเพชรถึงมือผู้ว่าจ้างแล้ว" ก็อย่างที่บอกงานนี้ใครลงมือก่อนคนนั้นชนะ ฝั่งปิแอร์ประมาทไปเพราะมัวแต่ให้ความสนใจในตัวพะพิง เลยไม่ได้จับตาดูไอเซยาห์อย่างจริงจัง เลยไม่รู้ตัวว่าไอเซยาห์กับผู้ช่วยไม่ได้อยู่ที่เวนิสตั้งแต่ก่อนเริ่มงานแล้ว
"สมกับเป็นไอจริง ๆ"
"ฝั่งนู้นคงเจ็บใจน่าดู ถ้ารู้ว่าคุณไอแอบเปลี่ยนเพชรไปตั้งแต่ตอนไหน"
"พวกมันไม่มีทางรู้หรอก"
"จะแยกกันเลยเหรอเจ้" เมื่อภารกิจลุล่วงแล้วเก่งที่นั่งฟังทั้งสองคุยกันก็ถามขึ้น
"อืม เดี๋ยวต้องไปเจอป๋าที่เนเธอแลนด์" ไม่รู้ว่าป๋าจะโมโหจนแทบพ่นไฟได้ยังนะ ก็เขากับไอเล่นไปช้ากว่ากำหนดเกือบสามวันน่ะ "พวกนายสองคนไปด้วยกันไหม"
"ไม่เอาดีกว่าเจ้ นาน ๆ ทีครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้า ผมกับไอ้ภัทรจะไปเที่ยวต่อสักสองอาทิตย์แล้วจะกลับไปหากันยา"
"อืม งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ไทย"
เนเธอแลนด์
ร่างบางปั่นจักรยานสีแดงลัดเลาะไปตามทาง อากาศในเมืองเย็นลงนิดหน่อยหลังจากฝนเพิ่งตกเสร็จมือบางกระชับเสื้อโค้ทสีครีมเข้าหาตัวเมื่อจอดรถจักรยานในที่จอดเสร็จ
"มาสักทีนะตัวแสบ"
"แหะ ๆ ไอ" เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาหาเป็นใครพะพิงก็ส่งยิ้มประจบไปให้ก่อนจะเดินไปเกาะแขนอย่างออดอ้อนเหมือนกับเด็กที่กำลังหลีกหนีความผิด
"มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่" เมื่อได้ฟังคำถามจากหนุ่มลูกครึ่งพะพิงก็ส่งยิ้มหวานไปให้อีกหน
"เมื่อสองวันก่อน"
"แล้วทำไมไม่มาหาเรากับรักษ์" สายตาจับผิดของคนที่เลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ห้าขวบทำให้พะพิงต้องพูดเอาใจ
"ก็พิงแค่อยากให้ไอกับป๋ามีเวลาอยู่ด้วยกัน" เมื่อเห็นว่าไอเซยาห์ไม่เชื่อ เลยเปลี่ยนเป็นส่งสายตาออดอ้อนไปแทน "ก็พิงคิดว่าป๋าต้องโกรธแน่ ๆ เลยอยากให้ไอเคลียร์ให้ก่อน เผื่อป๋าจะไม่โทษพิงไง"
"เหอะ แล้วปล่อยให้เราโดนคนเดียวใช่ไหม" คนพูด พูดพร้อมกับส่งสายตามเคือง ๆ มาให้เด็กแสบ
"ป๋าไม่กล้าทำอะไรไอหรอก" ตั้งแต่จำความได้คนตีป๋าได้มีคนเดียวก็คือไอเซยาห์ ส่วนคนที่ป๋าไม่กล้าตีมีสองคนคือเขากับไอนั่นแหละ แต่ถึงป๋าจะไม่ตีก็ใช่ว่าป๋าจะไม่ดุนี่
"รู้ดีนะที่รักมานี่เลย"
"โอ๊ย ๆ ไออย่าบิดหูพิงสิ" คนดึงไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของร่างบาง นอกจากไม่เบาแล้วยังดึงหูนิ่มให้เดินตามเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ที่ถูกพะพิงขอซื้อขาดจากเจ้าของไว้หนึ่งชั้นเมื่อสามปีก่อน
"เสียงลูกแมวที่ไหนมาโวยวาย" ท่านอนุรักษ์ที่กำลังนั่งดูข่าวในโทรทัศน์แกล้งถามเมื่อเห็นว่าคนรักกำลังดึงหูไอ้ตัวแสบเข้ามาข้างใน
"โอ๊ย ป๋าพิงหูจะขาดแล้ว"
"หึ สมน้ำหน้า" นอกจากคนที่นั่งอยู่จะไม่สนใจที่นักโจรกรรมน้อยฟ้องแล้วยังว่าซ้ำอีก
"ป๋าใจร้าย"
"หึ ไปก่อเรื่องอะไรมา" ป๋าใช้คำว่าก่อเรื่องมันดูร้ายแรงไปหน่อย
"เปล่านะป๋า ไอเป็นคนเรียกพิงกับไอ้สองแสบไปช่วยงาน"
"ป๋าหมายถึงกับรองแผ่นดินต่างหาก"
"เรื่องนี้ป๋ารู้ด้วยเหรอ" ใบหน้าสวยหันไปมองหน้าไอเซยาห์อย่างตั้งคำถาม นี่ไอถึงกับขายกันแล้วเหรอ และก็ได้รับเพียงไหวไหล่นิด ๆ แทนคำตอบว่า ตามนั้น
"ถ้าโดนเขาจับขึ้นมาจริง ๆ อย่ามาร้องเรียกป๋านะ" ผู้ใหญ่ก็เอ่ยเตือนไปงั้น ถ้าพะพิงโดนจับขึ้นมาจริง ๆ คนของอนุรักษ์คงไปรอเคลียร์ให้ก่อนที่เจ้าตัวดีจะถึงอีกมั้ง
"ป๋าก็อย่าแช่งสิ ท่านรองของป๋ายิ่งจมูกดีกว่าหมาอยู่"
"ยังไง" คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างสงสัย
"ก็..." ร่างบางเลยเล่าให้ท่านอนุรักษ์ฟังตั้งแต่คืนนั้นจนถึงที่แยกตัวกับแผ่นดินล่าสุดแบบไม่มีปิดบัง
"ฮ่า ๆ เป็นไงล่ะจิ้งจอกน้อยเจอนายพรานเข้าแล้ว" อนุรักษ์หัวเราะชอบใจในที่สุดลูกบุญธรรมของเขาก็เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อเสียที
"ป๋าก็ว่าไปนายพรานที่ไหน หมาชัด ๆ"
"ว่าเขาเป็นหมาแต่เลียปากเขา" ไอเซยาห์พูดอย่างหมันไส้ เมื่อทราบนึกถึงวีรกรรมอันแพรวพราวของลูกศิษย์ "เตือนแล้วนะอย่าลึกซึ้งกับเหยื่อ" ไม่วายเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
"แค่ถูกใจเองไอ"
"อย่าทำตัวเจ้าชู้เหมือนรักษ์นะพะพิง" คนถูกพาดพิงถึงกับสะดุ้ง เขาไปเจ้าชู้ตรงไหนกับใครก่อน ไอเซยาห์ใส่ร้าย
"ผมเจ้าชู้ตรงไหน"
"ทุกตรงเลยป๋า"
"หึ เลิกเถียงกันได้แล้วเราหิวข้าว" เมื่อเห็นว่าถ้าปล่อยให้สองคนนี้เถียงกันต่อไปคงไม่จบ ไอเซยาห์เลยห้ามทัพแล้วดึงกระเป๋าเป้ของพะพิงเข้าไปเก็บในห้องพัก
"ไออยากกินอะไร" เมื่อเห็นไอเดินออกมาจากห้องพักของตนเองเด็กที่นาน ๆ ทีจะอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวจึงถามเอาใจ
"อาหารไทย ขอส้มตำด้วย" ร่างบางมองไปทางวัตถุดิบที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ก็พยักหน้ารับ