มันหัวเราะร่วน มองหล่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ตรงตีนกูนี่”
หล่อนช็อก อ้าปากค้าง ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ หันไปมองผู้จัดการร้าน
“ทำๆ ไปเถอะน่ะ เรื่องจะได้จบ”
“แต่หมิวไม่ผิดนะคะ”
“ลูกค้าคือพระเจ้าจำไม่ได้หรือไง ทำตามที่ลูกค้าต้องการ เรื่องจะได้จบ เร็วสิ”
หล่อนปล่อยน้ำตาแห่งความอดสูออกมาอาบแก้ม ไม่มีทางเลือกใดเลยสำหรับคนยากจนไร้เงินทองเช่นหล่อน นอกจากการยอมถูกย่ำยีศักดิ์ศรี
“กูมีทางเลือกให้สองทาง จะกราบตีน หรือว่าจะไปนอนกับกูคืนนี้”
หล่อนมองคนพูดด้วยความเจ็บปวดใจ ก่อนจะค่อยๆ ลดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้น สองมือยกขึ้นประกบกันที่ระหว่างอก
“ฉันขอโทษค่ะ...”
หล่อนกำลังจะก้มหน้าลงไปกราบที่เท้าของมัน แต่แขนถูกกระชากเอาไว้เสียก่อน
“อ๊ะ...”
“เธอไม่ได้ผิด ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา และก็ต้องเบิกตาค้าง เพราะจำได้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
“คุณอย่ามายุ่งดีกว่า มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ไอ้ลูกค้าหื่นหันไปส่งเสียงคำรามใส่พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยหล่อน
“ผมต้องยุ่ง เพราะคุณไปลวนลามเธอก่อน”
“กฎของร้านนี้ลูกค้าจะทำอะไรกับพนักงานเสิร์ฟก็ได้ แค่ห้ามร่วมเพศเท่านั้นแหละ หรือว่าคุณเพิ่งมาใหม่ เลยไม่รู้”
“ผมไม่ใช่ลูกค้าใหม่ แต่เธอไม่ได้เต็มใจก็เห็นๆ กันอยู่”
มันหัวเราะ และมองหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน
“ก็ยังไม่ได้จ่ายเงินไง ก็เลยดีดดิ้นเป็นธรรมดา ถ้าจ่าย อีนี่ก็แก้ผ้าให้ดูดนมแล้วล่ะ”
หล่อนอับอายจนหน้าชาวาบ น้ำตาไหลรินด้วยความอดสู
“คุณไม่ควรพูดจาแบบนี้กับผู้หญิง”
“ทำไมจะไม่ได้ มันก็แค่สาวเสิร์ฟ สาวบาร์”
พวกมันหัวเราะอีกลั่นโต๊ะ
“คุณต้องการเงินเท่าไหร่ ผมจะจ่ายแทนเธอเอง”
หล่อนมองคนพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
“พ่อพระเอก”
พวกมันประชดประชันออกมา
“งั้นเอามาหนึ่งแสน ยอมจ่ายไหมล่ะ”
ผู้ชายที่มาช่วยหล่อนหยิบเช็คขึ้นมาเขียนและยื่นให้ไอ้ลูกค้าหื่นทันที
“หวังว่าเช็คจะไม่เด้งนะ”
“ก็ลองเอาไปขึ้นเงินดู”
หัสวีร์ตอบ ก่อนจะหันมากระชากแขนของหล่อน พร้อมกับลากให้เดินออกไปนอกร้าน
หล่อนตกใจจึงไม่ทันได้ขัดขืน และเมื่อออกมาถึงนอกร้าน เขาก็ปล่อยหล่อน และมองหล่อนด้วยสายตาที่ทำให้หล่อนอับอาย
“ที่ช่วยไม่ใช่เพราะพิศวาสหรอกนะ แต่เพราะฉันหมั่นไส้ไอ้หัวล้านนั่นเท่านั้นเอง”
หล่อนสะอึกกับคำพูดตรงไปตรงมาของหล่อน หน้าตาร้อนฉ่าด้วยความอดสู
“คราวหน้าถ้าไม่อยากถูกขยำนม ขยำตูดอีก ก็ควรจะเปลี่ยนงานทำ หรือไม่ก็ใส่กระโปรงที่มันปิดตูดมิดชิดกว่านี้หน่อย” เขาแค่นยิ้มหยัน “ไม่ใช่หวังแต่แค่สบายอย่างเดียว”
“ฉัน...”
“ฉันมีเรื่องจะเตือนเธอเท่านั้นแหละ ไปล่ะ”
แล้วเขาก็เดินจากไป ราวกับสายลมที่พัดผ่านมาและพัดเลยผ่านไปไม่มีผิด
หล่อนยืนนิ่ง ตะลึงงัน ก่อนจะถูกความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าใส่ร่างอย่างบ้าคลั่ง หยาดน้ำตารินไหล เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาจากลำคอ
ถ้าหล่อนมีเงินมากพอ หรือไม่ขัดสนเงินทองเหมือนเช่นทุกวันนี้ หล่อนคงเลือกได้ว่าจะทำงานอะไร หรือไม่ทำงานอะไร หยาดน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย ท้อแท้กับโชคชะตายิ่งนัก
วันต่อมา โทรศัพท์จากหัวหน้างานก็ทำให้รู้ว่าหล่อนถูกไล่ออกจากงานเสียแล้ว หล่อนเสียใจมาก แต่กลับไม่เสียดายกับงานที่ต้องหลุดลอยไปจากมือเลย ในเมื่อที่นั่นไม่เห็นค่าของหล่อน หล่อนก็ไม่ควรจะอยู่ต่อไปอีก
หญิงสาวยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ขณะย่ำเท้าผ่านทางเท้าเล็กๆ เข้าไปยังห้องเช่าที่อาศัยอยู่กับยายเพียงลำพังแค่สองคน
พ่อแม่ของหล่อนแยกทางกันตั้งแต่หล่อนยังเล็ก ก่อนจะหายสาบสูญไปทั้งคู่ ทิ้งให้ยายต้องแบกภาระเลี้ยงดูหล่อนตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา
ยายมีพระคุณกับหล่อนมาก หากไม่มียายวันนั้น ก็คงไม่มีผู้หญิงที่ชื่อลลิตาในวันนี้เช่นกัน ดังนั้นหล่อนจึงทั้งรักทั้งเทิดทูนยายยิ่งนัก
หญิงสาวเดินผ่านความมืดไปเรื่อยๆ สักพักก็มาถึงห้องเช่าเก่าๆ ที่เป็นที่ซุกหัวนอนของหล่อนกับยายมาตลอดหลายปี
ตอนที่หล่อนยังเด็ก ยายมักจะออกไปเก็บขวด เก็บเศษลัง หรือว่ากล่องกระดาษตามถังขยะ เพื่อนำไปขายและนำเงินน้อยนิดที่ได้มาซื้อข้าวให้หล่อนกิน บางมื้อยายก็ไม่ยอมกิน หากหล่อนยังไม่อิ่ม
หัวใจของหล่อนเจ็บปวด หล่อนสาบานกับตัวเองเอาไว้ว่า ถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ หล่อนจะหางานดีๆ ทำ และเลี้ยงดูยายให้สบายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ตอนนี้หล่อนยังเรียนไม่จบ แม้จะเหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็ตาม แต่กระนั้นหล่อนก็ยังคงเพิ่งพาการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนไปก่อน
หญิงสาวไขประตูเข้าไปภายในห้องพัก ร่างของยายนั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะไม้เก่าๆ ที่ริมห้อง หล่อนดันประตูให้ปิดสนิท และเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ ร่างของยายที่นอนนิ่งอยู่ หล่อนคิดว่ายายคงจะงีบหลับไป จึงตัดสินใจวางถุงแกงที่ซื้อติดมือมาบนโต๊ะ และเดินไปวางกระเป๋าสะพาย หล่อนทำนู้นทำนี่อยู่เกือบยี่สิบนาที แต่ยายก็ยังคงหลับไม่ไหวติงเหมือนเดิม คราวนี้หล่อนเริ่มแปลกใจ รีบเดินเข้าไปแตะตัวของยาย ก่อนจะร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ
“ยาย...”
ตัวของยายร้อนจัด และปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ไหวติงเลย หัวใจของหล่อนหล่นไปกองกับพื้นห้อง หน้าตาซีดเผือด และน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นทาง
“ยายจ๋า... ยาย... ยายทำไมตัวร้อนแบบนี้ ยายจ๋า... ยาย... ตื่นสิจ๊ะยาย...”
หล่อนไม่มีสติเลย ได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่นานหลายนาที จนกระทั่งสมองสั่งให้หล่อนวิ่งออกไปนอกบ้าน เพื่อร้องหาคนช่วย
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยจ้ะ ยาย... ยายหมิวไม่สบาย ช่วยด้วยจ้ะ...”
หล่อนร้องตะโกนราวกับคนบ้า เพื่อนข้างห้องต่างเปิดประตูออกมาให้ความช่วยเหลือ รถกู้ชีพถูกโทรตามให้มารับยายของหล่อนไปส่งยังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา