บท3เหนือภูผา

1333 Words
"ฮ่าๆ นายหญิงนี้ตลกจัง" ปิ่นมุกหัวเราะออกมาเบาๆ ใช้มือจกข้าวเหนียวหอมกรุ่นจุ่มลงในน้ำส้มตำสุดแสนจะแซ่บถึงใจ หลังจากทำแผลเสร็จ คนงานในไร่ก็ถูกวานมานั่งเลี้ยงฉลองต้อนรับนายหญิงคนใหม่ของไร่ส้มเหนือภูผา "แล้วปกติทำอะไรกันบ้างเหรอ" "ปกติก็เก็บลูกส้ม ตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ย รดน้ำค่ะ" "งานเยอะดีนะ" "ที่ไร่ของเรามีโรงงานส่งออกน้ำส้มคั้นแท้ด้วยนะคะ" ร่างเล็กฟังคนงานในไร่พูดคุยอย่างสนใจ ปกติเธอไม่ได้มานั่งหรือพูดกับใครแบบนี้ เพราะที่บ้านค่อนข้างจะเงียบเหงา "อยากรู้ว่าทำไมถึงชื่อเขียดล่ะ" ชายร่างผอมที่ชื่อแปลกจนหญิงสาวนึกสงสัย อยากรู้จนอดที่จะถามไม่ได้ "ตอนแม่ท้องผม แกชอบกินเขียด" "จริงเหรอ แล้วนี้ที่ชื่อปลาเพราะแม่ชอบกินปลาหรือเปล่า" "หนูหน้าเหมือนปลาจ้ะ" "งั้นชื่อมืดเพราะสีผิวเป็นสีเข้มใช่ไหม" ปิ่นมุกไล่ทายที่มาชื่ออย่างนึกสนุก พร้อมกับลุ้นคำตอบที่แปลกประหลาดของทุกคน "เอ่อชื่อมืดเพราะดำครับ" "ผิวดำเหรอ" มืดยกมือชี้มาที่ไอ้ลูกชายตัวเอง ก่อนจะเห็นใบหน้าเหวอของนายหญิง ตามด้วยเสียงหัวเราะที่ดังลั่นของเหล่าคนงาน "มืด! น่าเกียจที่สุด" "ฮ่าๆ จริงนะครับ นี้ไงคนตั้ง" ร่างเล็กหันมองป้าหญิง ป้าแม่บ้านที่ยืนยกยิ้มอยู่ข้างๆ ก่อนจะเดินเอาไก่ย่างมาให้เธอ เสียงหัวเราะลอยแว่วมาเข้าสู่โสตประสาท ทำเอาร่างกำยำที่นอนท้องร้องเพราะความหิวลุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ โดยปกติหากเขาไม่ทาน พวกคนงานจะเอามาตั้งไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงตลอด แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น "ไ****ด!" มืดที่ใช้มือจกปลาย่างรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องชั้นสองทันทีเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายหนุ่ม "ครับพ่อเลี้ยง" "กู" ภูผาหยุดชะงักประโยคที่จะพูดออกไป ท้องที่ร้องดังลั่นทำเอาลูกน้องคนสนิทร้องอ๋อออกมา "พ่อเลี้ยงหิวเหรอครับ" "เอาอะไรมาให้กูกินหน่อย" "ไม่ต้องค่ะ" ปิ่นมุกยืนกอดอกพิงกรอบประตู เธอเดินสาวเท้าเข้ามาพยุงคนบนเตียงให้ลุกขึ้น "ทำอะไร!" "หิวไม่ใช่เหรอ ลงไปทานข้างล่างสิ" "มึงไปยกมาให้กูข้างบนไ****ด" "ลงไปทานข้างล่าง คนงานเขานั่งกินเลี้ยงกัน คุณควรจะเดินออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง" หญิงสาวยอมทิ้งความกรุ่นโกรธในใจลง แล้วค่อยๆ คุยกับคนตรงหน้าอย่างใจเย็นและมีเหตุผล "อย่ามายุ่ง" "งั้นก็เชิญนอนหิวตายในห้องไปเลย" "เอ่อ จะดีหรือครับนายหญิง" "ไปเถอะมืด" ภูผาอยากจะล้มตัวลงนอน แต่ท้องของเขามันร้องลั่นแถมยังรู้สึกแสบกระเพาะอีกด้วย "เดี๋ยว! มาพยุงกูหน่อยไ****ด" ใบหน้าหวานยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้า เธอค่อยๆ เดินนำทางพาร่างสูงที่มองไม่เห็นลงมานั่งบนแคร่ไม้ไผ่ เหล่าคนงานในไร่ต่างรีบลุกขึ้น ก่อนจะหันไปเตรียมอาหารให้เจ้านายหนุ่ม "อ้าปาก" ภูผาอ้าปากรับข้าวสวยร้อนๆ อย่างว่าง่าย ลืมทิฐิในใจก่อน เพราะตอนนี้หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว "คุณทานลาบหมูไหม" "อืม" ปิ่นมุกตักลาบหมู ไก่ย่าง และต้มแซ่บกระดูก อ่อนป้อนคนตรงหน้าไม่หยุด เหล่าคนงานนั่งมองไปยิ้มไปด้วยความเขิน ปกติพวกเขาไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่มานั่งทานร่วมกับลูกน้องแบบนี้ "ขอน้ำหน่อย" มือเล็กเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำ ปักหลอดสะอาด ยื่นไปจ่อปากคนที่มองไม่เห็น ทิชชูสีขาวถูกนำมาเช็ดตามริมฝีปากหยักแผ่วเบาจนชายหนุ่มตกใจ "เช็ดปากให้ คุณอิ่มหรือยัง" "มีอะไรอีกบ้าง" "มีส้มตำ ปลาดุกย่าง ไส้ทอด" "เอาส้มตำ" ภูผาอ้าปากค้างเพื่อรออาหารจากคนตรงหน้าอย่างกับลูกนกเพิ่งเกิดรอกินเหยื่อจากแม่นก ปิ่นมุกมองร่างสูงที่นั่งพับเพียบอ้าปากกว้างรอของกินจากเธอด้วยความเอ็นดูไม่ใช่น้อย หากไม่นับนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ เขาก็น่าจะเป็นคนที่น่าคบได้คนหนึ่งเลย "ชื่อปิ่นมุกใช่ไหม" "ค่ะ คุณภูผาใช่ไหม" ทั้งๆ แต่พวกเราแทบจะแต่งงานกันอยู่แล้วแต่เพิ่งมาถามไถ่ชื่อและพูดคุยกันถูกคอก็คงจะเป็นตอนนี้แหละ "อืม" "คิดไงถึงมาอยู่ที่นี่" "เอาความจริงไหมคะ" "ว่ามาสิ" "ฉันโดนบังคับมา" เสียงสบถครางในลำคอ ภูผาได้ข่าวว่าครอบครัวของเธอได้เงินจากแม่เขาไปไม่ใช่น้อยแลกกับการที่ลูกสาวของตัวเองมาดูแลคนตาบอดอย่างเขา "เพราะเงินล่ะสิ" "คุณจะคิดอย่างนั้นก็ได้" "เหอะ! แปลว่าฉันมองเธอไม่ผิด หน้าเงินทั้งตระกูล" ความเอ็นดู และความเข้าใจในตัวชายหนุ่มถูกพับเก็บเอาไว้อีกครั้ง เมื่ออีตาพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ส้มพูดจาถากถางเธอแบบนี้ ลืมบุญคุณคนที่คอยป้อนน้ำ ป้อนข้าว! "ปากคุณนี้มัน ผ่าหมาออกบ้างเหอะ" "นี้เธอ! ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าว่าฉันแบบนี้" "งั้นก็จำเอาไว้ว่าฉันคือคนแรก!" ร่างเล็กรีบลุกขึ้นจากแคร่ไม้ไผ่ เธอเดินกระแทกเท้าเข้าบ้านเพื่อไปอาบน้ำนอนดีกว่าต้องมานั่งดูแลคนที่ไม่สำนึกถึงน้ำใจคนอื่น ปากเสียที่สุด! เหล่าคนงานนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีแล้วเสียอีก ไหงทะเลาะกันอีกจนได้ "ให้เก็บส้มเนี้ยนะ!" ปิ่นมุกร้องเสียงหลงออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากเจ้าของไร่ส้มที่นั่งบนรถวีลแชร์ "คิดว่าจะมาเป็นคุณนายนอนใช้เงินฉันหรือไง" "เอ่อ พ่อเลี้ยงครับ แต่นายหญิงเจ็บมืออยู่นะครับ" "เจ็บมือไหน" "มือซ้ายครับ" "งั้นอีกมือก็ว่าง รีบไปช่วยคนในไร่เก็บได้แล้ว" ร่างเล็กกัดฟันกรอดอย่างข่มอารมณ์ไม่ให้เดินไปแตะยอดหน้าไอ้คนใจร้ายไส้ระกำ มีอย่างที่ไหนให้เธอไปเก็บส้มด้วยสภาพอากาศที่ร้อนระอุ "แล้วอย่าให้กูรู้ว่าใครช่วยแม่นี้นะ โดนไล่ออกทั้งไร่แน่!" เหล่าคนงานเมื่อได้ยินแบบนี้ ต่างรีบวิ่งไปทำหน้าที่ของตัวเอง ปิ่นมุกรับตระกร้าใส่ลูกส้มมาถือไว้ ก่อนจะเชิดหน้าเดินออกไป "นายหญิงเดินไปแล้วครับ" "มึงคอยจับตาดู อย่าให้กูรู้ว่าแอบช่วยนะ โดนดีแน่" มืดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นี้ก็เจ้านาย โน้นก็เมียเจ้านาย จะบ้าตาย "นายหญิงไปนั่งพักเถอะค่ะ พ่อเลี้ยงไม่รู้หรอก" "ไม่เป็นไรจ้ะ เขาอยากให้ทำฉันก็จะทำ" "โถ่ น่าสงสารนายหญิงจังเลย" เม็ดเหงื่อมากมายไหลตามกรอบใบหน้า ปิ่นมุกยืนมองลูกส้มที่มีอยู่เต็มต้น คนอื่นๆ เก็บได้หลายตระกร้าแต่เธอยังได้ไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ "เร่งมือหน่อย!" ใบหน้าหวานหันขวับไปมองคนที่นั่งบนรถวีลแชร์ อย่าให้ถึงคราวเธอนะโดนไม่ใช่น้อยแน่ เหล่าคนงานผู้ชายรีบผลัดกันมายกตระกร้าส้มให้นายหญิง บางคนก็มาแอบมาช่วยเก็บอยู่เงียบๆ มืดที่มองอยู่รีบพยักหน้าเปิดทางให้ "ยัยนั้นเก็บถึงไหนแล้ว" "ได้หลายตระกร้าเลยครับ นายหญิงเก็บเก่งมากครับ" "อย่าโกหกกูไ****ด" "เอ่อ...นายหญิงเป็นลมนอนพับอยู่ใต้ต้นส้มไปแล้วครับ" . . .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD