สับสนปนโหยหา ตอนที่ 2

2794 Words
“อื้อ!! พอค่ะ ได้โปรด!” ตมิสาวอนขอเสียงพร่าเมื่อจังหวะปลายนิ้วถูกรัวถี่และดันลึกขึ้น คนลงทัณฑ์ไม่อาทรต่อเสียงหวานยังคงบำเรออารมณ์สวาทอย่างไม่ปรานี เขาผงกศีรษะลากลิ้นขึ้นลงอย่างหยาบๆ ซ้ำๆ เพิ่มจำนวนนิ้วร้ายรุกรานให้เธอรู้สึกคับแน่นยิ่งขึ้น  ความงามแห่งอิสตรีเพศถูกแต้มระบายจนมีสีเข้มขึ้น มันหยาดเยิ้มไปด้วยม่านน้ำทิพย์ที่ไม่อาจเฟ้นหาจากที่ไหนได้ หญิงสาวยังคงครวญครางสลับกับขอร้องให้เขาหยุดเพราะเธอทั้งเสียวทั้งระบมจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง ขาสวยยกเหยียดไปมาบางครั้งก็หุบหนีบเข้าหาศีรษะเขา บางครั้งก็ถ่างอ้าจนปลายเท้าจิกไปบนผ้าปูที่นอน สองมือปัดป่ายไปบ้าง ทุบไปที่ตัวเขาบ้างหรือดึงทึ้งสิ่งรอบข้างหาที่ระบาย หยาดน้ำตาใสๆ ไหลเอ่อออกมาจากสองเบ้าตารินหลั่งไปตามพวงแก้มเพราะไม่อาจหยุดยั้งเขาและหาจุดสิ้นสุดของตัวเองก็ไม่ได้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานยิ่งนัก กัณฑ์รพีเหลือบเห็นใบหน้าหวานซับสีเลือดจางๆ กำลังหลั่งน้ำตาสะอื้นก็หยุดทัณฑ์ทรมานทันที วางขาข้างที่อยู่บนบ่าลงแล้วลุกผงาดคุกเข่าตรงกลางลำตัวบางเล็กนั้น สองมือจับสะโพกยกขึ้นจับพลิกและวางเธอบนตักในท่าตะแคงข้างพร้อมตวัดฝ่ามือลงบนสนั่นเนื้อขาว เผียะ! เผียะ! ผิวขาวตรงแก้มก้นเริ่มแดงปื้นตามรอยนิ้วเมื่อชายหนุ่มจงใจหวดตีสลับกันทั้งสองข้าง ตมิสาดิ้นพรวดใช้แรงน้อยนิดที่เหลือทั้งถีบทั้งผลักตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอเจ็บ ทว่าไม่อาจสู้แรงของผู้มีกำลังเหนือกว่าได้กัณฑ์รพีซี้ดปากไปกับการกระทำของตัวเองและร่างที่กระตุกพล่านเพราะความปวดร้าวราน เขาบีบขยำตรงรอยแดงดึงทึ้งและตีซ้ำเข้าไปอีก ยิ่งเห็นเธอทรมานปนซ่านสยิวอารมณ์เถื่อนทมิฬในตัวเขาก็ยิ่งเดือดปะทุ                                                                “พอค่ะ หอมขอร้อง...อื้อ!!” ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างเล็กก็ถูกจับพลิกให้นอนคว่ำก่อนที่เขาจะใช้มือสอดเข้าทางหน้าท้องราบเรียบแล้วยกขึ้นให้หัวเข่าของเธอค้ำยันกับที่นอนส่วนสะโพกมนยกเชิดสูงท้าทายสายตาร้อนผ่าวที่จับจ้องไม่ละวาง แขนเล็กสองข้างของเธอพยายามปัดป้องมาทางด้านหลังอยู่ตลอดเวลา กัณฑ์รพีจึงรวบไว้ด้วยกันด้วยมือข้างเดียวของเขา แล้วใช้มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบเนคไทตรงหัวเตียงที่ปลดขว้างทิ้งก่อนหน้า “คุณซีล...อย่าทำแบบนี้นะคะ...” ตมิสาละล่ำละลักขอขณะที่อีกฝ่ายหาฟังไม่ เขาจับมือสองข้างแยกออกแล้วค่อยจับไขว้รวบไว้อีกทีตรงด้านหน้าของเธอแล้วใช้เนคไทเส้นนั้นผูกมันตรงข้อมือเล็กก่อนจะโยงมัดกับร่องไม้ขัดเงาบนหัวเตียงอีกที ชายหนุ่มละกลับมาที่ต้นสะโพกขาวโพลนอีกครั้งรั้งสองขาให้ออกห่างกันพอสมควรก่อนที่ตัวเองจะขึ้นคร่อมอยู่ในท่าคุกเข่า “อื้อ! อื้อ!” ตมิสากัดฟันไม่อยากปล่อยเสียงครางให้หลุดรอดออกมามากกว่านั้นเมื่อชายหนุ่มใช้ตัวตนที่แข็งขึงของเขาทุบตีไปบนเนื้อสะโพกแล้วส่งผ่านลากเรื่อยลงมาจากด้านบนสู่ความชุ่มฉ่ำเบื้องล่าง ถูไถอยู่ชั่วครู่โดยมีสองนิ้วร้ายคอยสะกิดเขี่ยปุ่มเกสรเม็ดงามอยู่ด้วย ความพรั่งพร้อมของทั้งคู่มีอยู่พอๆ กัน ตมิสาแม้จะเจ็บไปบ้างปวดไปบ้างเพราะชายหนุ่มมีรสนิยมแผลงๆ ที่เธอไม่ชื่นชอบสักนิด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธการโอ้โลมดิบเถื่อนของเขามันก็ทำให้ร่างกายของเธอร้อนรุ่มไม่น้อย ตรงช่องท้องบิดเกลียวราวกับมีคลื่นอะไรบางอย่างมาจ่อประท้วงรอการถูกปลดปล่อย ทางด้านกัณฑ์รพีนั้นเขาปวดระบมไปหมดเพราะกล้ามเนื้อแห่งความปรารถนาขยายตัวเต็มที่เหมือนจะแตกปริเป็นเสี่ยงๆ หากต้องละจากร่างอรชรนี้ไป        “หอม...อืม...” ส่วนปลายที่จดจ่อถูลากไปตามร่องฉ่ำชื้นกระตุกเต้นเป็นระยะอย่างกระหาย ความอุ่นร้อนอาบชุ่มตัวตนของเขาทำให้ชายหนุ่มครางฮือกับทุกสัมผัสแห่งเสน่หา                                                                                             ใบหน้าของตมิสาหมอบแนบกับที่นอน ส่วนมือของเธอที่ถูกตรึงไว้บีบกำเข้าหากันโดยอัตโนมัติ กัณฑ์รพีทำแบบนี้กับเธอเสมอเมื่อร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยกันแรกๆ เธอรู้สึกตกใจแม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ชิน สิ่งที่เธอโหยหาคือการแสดงความรักอันอ่อนนุ่ม แต่ชายหนุ่มคือคนที่รักดังนั้นก็เหมือนกับว่าเธอยินดีจะเลือกทุกอย่างที่เป็นเขา ทั้งที่...ไม่ต้องการเลยสักนิด                                                             “โอ๊ะ!!” หญิงสาวสะดุ้งเพริด ใบหน้าแหงนตระหนกผมเผ้าปลิวสยายเมื่อถูกรุกล้ำเต็มกำลังในคราเดียว ส่วนหนึ่งของความรู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม แต่อีกส่วนมันอัดอั้นคับแน่นและเจ็บจุกหนักหน่วง สะโพกสวยพยายามส่ายวนไม่แน่ใจตัวเองว่ากำลังต้องการหนีหรือกระตุ้นให้เขาซัดกระหน่ำ นิ้วร้ายที่บดบี้ติ่งไตฉ่ำปรือไปด้วยหยาดน้ำทิพย์ที่หลั่งรินไม่ขาดสาย อีกทั้งเมื่อเขามอบความแข็งขึงประสานเป็นหนึ่งเดียวกับเธอความต้องการก็ยิ่งเอ่อล้นออกมา กัณฑ์รพีกลืนน้ำลายเฮือกรู้สึกลำคอแห้งผากกระหายอยากใช้ปากดื่มกินส่วนนั้นเสียมากกว่า แต่เนื้อหนังแห่งรักของเขามันก็หิวโหยอยากแช่อยู่ในนั้นแล้วโรมรันไปด้วยแรงทั้งหมดที่มีเหมือนกัน “อ๊ะ...คุณ!! คุณซีล...” ตมิสาครวญเสียงกระท่อนกระแท่น ร่างกายของเขาเริ่มขยับโยกจนตัวเธอติดแนบกับหัวเตียงใบหน้าตะแคงซบอยู่กับข้อมือที่ถูกโยงมัดเอาไว้ ยิ่งแรงจากด้านหลังเพิ่มจังหวะมากเท่าไหร่เนคไทก็รัดและรั้งเธอให้เจ็บมือมากขึ้นเท่านั้น “น้ำหอม...ดีเหลือเกิน เธอช่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งแรกเลย” ชายหนุ่มหมายถึงครั้งที่เขารู้ว่าได้เป็นคนแรกของเธอด้วย ความรู้สึกนั้นมันช่างดีเลิศหลังจากการคบหาดูใจกันได้เพียงสามเดือน และเธอก็ถูกเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมตะล่อมจนใจอ่อน ตอนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายว่าเธอต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะสมัยนี้ไม่มีใครถือเรื่องแบบนั้นกันแล้ว ขอเพียงไม่มั่วมัวเมาเอาไม่เลือกก็เป็นพอ            แม้จะเคยคบหาผู้หญิงมานักต่อนักแต่เขาก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ดะไปทั่ว หากมีใครเขาก็จะหยุดอยู่กับคนคนเดียวจนกว่าจะเลิกราต่างคนต่างไป ซึ่งที่ผ่านๆ มาส่วนมากก็มักไปกันไม่รอดและไม่เคยมีใครยกสิ่งล้ำค่าของความเป็นอิสตรีนี้ไว้ให้เขาได้เชยชมเลยสักคน อาจเป็นสิ่งนั้น...ความหอมหวานที่ไม่เคยได้รู้สึกมันทำให้เขาเปลี่ยนอยากลิ้มรสจากตัวตมิสาในรูปแบบที่ไม่เคยต้องการกับใคร “หอม...อืม...” เสียงทุ้มดังกระหึ่มไม่ขาดปาก ชายหนุ่มละมือจาก      บุปผชาติฉ่ำเยิ้มแล้วหันมาบีบขยำตรงแก้มก้นซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงเป็นแถบๆ เพราะฝีมือเขา ก่อนจะจับก้อนเนื้อแยกออกจากกันเผยให้เห็นส่วนเชื่อมประสาน สายตาจดจ้องไม่ลดละสื่อผ่านอารมณ์ทางสายตาให้ยิ่งมีแรงกระโจนจ้วงสู่ความหฤหรรษ์ไร้ขอบเขต                                                                               สองมือใหญ่วางจากสนั่นเนื้อนั้นก่อนจะโน้มตัวลงทับร่างสะคราญที่ใช้เข่าเล็กของเธอค้ำยัน สองเต้าที่สั่นไหวไปตามแรงโยกถูกครอบครองเอาไว้อย่างหนักหน่วงทันที กัณฑ์รพีลงแรงที่มือทั้งที่สะเอวสอบของเขาก็ยังคงขยับเข้าออกไม่ลดละ ยอดถันคัดเกร็งถูกบี้และดึงไปตามแรงอารมณ์ก่อนที่เขาจะไล้มือข้างหนึ่งไปยังริมฝีปากที่กำลังครางครวญก่อนจะส่งนิ้วมือสอดเข้าอุ้งปากอุ่น “อื้อ!...” ตมิสารับเอาสิ่งแปลกปลอมที่ส่งมอบเข้าปากโดยไม่ได้ตั้งตัว รับรู้ถึงรสชาติของตัวเองที่ยังตกค้างอยู่ตรงปลายนิ้วได้อย่างดี ชายหนุ่มล้วงลึกเข้าไปกระตุ้นให้เธออมและดูดก่อนที่ตัวเองจะดึงเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกับการโยกขยับด้านหลัง                                                                                                หญิงสาวรู้สึกถึงความหนักอึ้งที่ต้องแบกรับน้ำหนักตัวเขาไว้ด้วย เธอหายใจติดขัดเพราะแรงกระทุ้งจากนิ้วใหญ่ หน้าท้องน้อยหดเกร็งรับจังหวะการรุกรานแทบไม่ทันในขณะที่ความเจ็บร้าวตรงทรวงอกเพราะแรงบีบขยำจากมืออีกข้างที่เหลือของเขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ มันช่างอึดอัด...ทรมาน เจ็บจุกและเสียวซ่านจนน้ำตาปริ่มไหลออกมาไม่รู้ตัว “หอม...อืม...สุดๆ ไปเลยคนดี” กัณฑ์รพีชมเสียงแตกพร่าพร้อมซี้ดปากเพราะความรัญจวนไปพร้อมๆ กัน เลือดเถื่อนในกายสูบฉีดพล่านไปทุกอณูเนื้อแรงบีบรัดส่วนผนังกายสาวเริ่มตอดถี่ยิบ กระตุ้นให้เขายิ่งทะยานดึงตัวและรุกล้ำไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองต้องส่งเธอให้ล้ำเส้นสวาทไปก่อนที่ตัวเองจะดำเนินรูปแบบความปรารถนาที่เร่าร้อนกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วตมิสาคงไม่ได้รับรู้ถึงความสุขล้ำเป็นแน่หากเขาเอาแต่ใจตัวเองไม่คำนึงถึงสิ่งที่หญิงสาวก็โหยหาเช่นกัน                                                                                                       จังหวะรักจึงเนิบช้าลงแต่เน้นหนักหน่วงยามโหมกระหน่ำไปด้านหน้า กดแช่และดันจนสุดแรง สองมือร้ายละจากทุกสิ่งกลับมาประคองสองเต้าอวบเคล้นเต็มอุ้งมือเบาๆ ริมฝีปากใหญ่จูบเม้มและลากลิ้นไปตามต้นคอระหงสายตามองเห็นขนอ่อนๆ บนร่างสะคราญลุกชันพร้อมๆ กับเสียงหวานที่ครางถี่ลมหายใจรัวเร็วขึ้น “อื้อ!! คุณซีล!! คุณซีล!!” ร่างกายของตมิสาเกร็งเครียดเธอกัดฟันแต่ก็ยังส่งเสียงครางครวญให้เล็ดลอดออกมาอย่างไม่อาจเก็บกลั้นไว้อยู่ ก่อนจะปลดปล่อยปรารถนาเร้นลึกให้พุ่งทะยานไปตามกระแสอารมณ์ที่เดินทางมาถึงจุดสูงสุด สองมือที่กำจิกผิวเนื้อตัวเองก่อนหน้าผ่อนคลายลง ร่างเล็กฟุบแต่ส่วนสะโพกผายยังคงตั้งฉากประสานรักอยู่กับเขา กัณฑ์รพีรับรู้ถึงความสำเร็จของตัวเองก้าวหนึ่งที่สามารถนำส่งเธอสู่ฉิมพลีสวาทได้ แรงตอดรัดที่เต้นตุบในร่างกายของเธอบวกกับหยาดน้ำหวานอุ่นๆ ที่เอ่อล้นท่วมตัวตนของเขามากกว่าเก่าทำให้ชายหนุ่มยิ้มร้ายพร้อมๆ กับเสียงครางกระหึ่ม  เขาปล่อยมือจากสองเต้างาม ยันตัวลุกนั่งมองร่างเล็กหายใจหอบสะท้านทั้งที่มือยังถูกพันธนาการมัดโยงเอาไว้ แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่เคยขาวสะอาดตากลับเต็มไปด้วยร่องรอยต่างๆ จากน้ำมือเขา สองขาเรียวระหงถูกจัดให้แยกออกจากกันอีกนิดเพื่อที่เขาจะได้แทรกเข้าหาเธออย่างถนัดยิ่งขึ้น สะเอวคอดกิ่วถูกรั้งเข้าหาร่างใหญ่และเขาก็ส่งมอบตัวตนสู่เธออย่างหนักหน่วงอีกครั้ง คราวนี้เร็ว แรง และดุดันมากกว่าเขาเป็นเท่าตัวจนตมิสาต้องกลั้นหายใจเป็นระยะยามเขากระหน่ำใส่เธอแบบไม่ยั้ง กัณฑ์รพีกัดฟันกรอดด้วยความกระสันเสียว มองการขยับของตัวเองขณะลงทัณฑ์บุปผชาติสีเข้มขึ้นเพราะถูกรุกรานจนช้ำบวม เขาไม่คิดจะหยุดหรอกเพราะหากทำเช่นนั้นก็เท่ากับหยุดลมหายใจของตัวเองไปด้วย ต่อให้โลกถล่มแผ่นดินทลายยังไงเสียกัณฑ์รพีคนนี้ก็ต้องได้ลิ้มรสความสุขสมจากร่างหวานล้ำนี้เสียก่อนให้จงได้ จวนเจียนจะขาดใจอยู่รอนๆ กับความกระสันซ่านที่ตัวเองรับรู้ได้ทุกจังหวะที่ขยับเข้าออก ชายหนุ่มคว้าเอาเข็มขัดที่ถอดทิ้งไว้ตรงหัวเตียงมาม้วนพันมืออย่างฮึกเหิม ก่อนจะคลี่ออกแล้วสอดผ่านร่างน้อยตรงฐานเนินอกด้านบน ส่งส่วนปลายสายเข้าสู่ล็อกตรงหัวเข็มขัดแล้วดึงจนตึงเต็มที่จนเนื้ออ่อนล้นทะลักไปตรงขอบทั้งสองด้าน                                                                                “โอ๊ย!! อื้อ คุณซีล...” ตมิสาครางเสียงแหลมรับรู้ถึงแรงรัดตึงที่หน้าอกของตัวเองจนเจ็บร้าวไปหมด หญิงสาวปล่อยน้ำตาให้ไหลรินโดยไม่อดกลั้น ปากก็โอดโอยสลับกับเสียงครวญแหบพร่าเพราะทัณฑ์รักที่เขาหยิบยื่นให้                  กัณฑ์รพีราวกับคนฟิวส์ขาดไปแล้ว เขาไม่รับรู้สิ่งอื่นใดนอกเสียจากการมุ่งทะยานสู่สุดเขตดินแดนแห่งปรารถนาแห่งราคะนี้ เขาหยุดกะทันหันในจังหวะหนึ่งก่อนจะจับร่างบางของหญิงสาวให้ตะแคงข้างยกขาข้างหนึ่งพาดไว้บนไหล่หนากว้าง มือข้างหนึ่งของตัวเองจับแล้วเร่งดึงเข้าหาตัวอย่างหนักหน่วงในขณะที่ตัวเองก็สวนสะโพกสอบกลับอย่างเท่าเทียม มืออีกข้างของเขายังจับรั้งเข็มขัดฝั่งด้านหน้าของหญิงสาว รั้งดึงเข้าจังหวะการขยับตัวตนที่กำลังล่วงล้ำร่างระหง “อีกนิดหอม...อืม” ชายหนุ่มครางกระหึ่มกลบเสียงหวานหูที่หวีดร้องไม่หยุดหย่อน เขาดันส่งตัวเองเข้าหาเธอสุดแรงในจังหวะสุดท้ายสองสามครั้งติดกันก่อนจะหยุดเกร็งตัวแช่อยู่อย่างนั้นชั่วครู่ ปลดปล่อยธารรักทั้งหมดให้เธอจนเอ่อล้นออกมาภายนอก โสตประสาทหูตมิสาก้องระงมไปด้วยเสียงคำรามของเขา เธอหายใจหอบถี่เร่งสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดจนลำคอและริมฝีปากแห้งผาก ก่อนที่ร่างใหญ่จะวางตัวเธอให้นอนคว่ำเป็นปกติแล้วเขาก็ฟุบทับลงมา “หอม...เธอน่ารักที่สุดเลยรู้ไหม...”                                                              “หนักค่ะ...หอมเจ็บ...” เธอบอก ทำให้คนตัวใหญ่เหมือนจะรู้สึกตัวแล้วว่าทำอะไรลงไปบ้าง เขารีบพลิกลงจากเธอแล้วแก้มัดทั้งที่มือและตรงหน้าอกให้ รอยแดงเป็นแถบรวมไปถึงอีกหลายจุดเต็มร่างกายทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายเฮือก สงสาร...                                                                                                     “ฉันขอโทษ...เจ็บมากไหม” เขาจูบซับพวงแก้มที่เอือดชื้น เธอยังหายใจรัวถี่แต่ไม่ตอบโต้อะไรกับเขา                                                                                     “ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...” ชายหนุ่มสารภาพ รู้สึกผิดลึกๆ ที่ทำร้ายเธอ แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่ามันช่างสุขสมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้        “ไม่เป็นไรค่ะ หอมเหนื่อยอยากนอน...”                                                              “อาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะทายาให้” “ไม่เป็นไรค่ะ”                                                                               “เป็นสิ ฉันจะทำให้เอง แล้วถ้าเรื่องมากนักก็ไม่ต้องทำมันแล้วงานบ้าๆ นั่นน่ะกินนอนอยู่ที่บ้านนี่แหละบอกแล้วว่าฉันมีปัญญาเลี้ยง” กัณฑ์รพีร่ายยาวด้วยความโมโหที่ถูกขัดความปรารถนาดี ทั้งที่ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ ไม่มีคำตอบหรือการโต้แย้งอะไรอีกร่างเล็กถูกรวบอุ้มขึ้นจากเตียงเดินหายลับเข้าห้องน้ำไป กัณฑ์รพีดีกับเธอมาก เขาดูแลเอาใจใส่ทุกอย่างยามอยู่ด้วยกัน เป็นห่วงและหวงเฉกเช่นคนรักทั่วไป อาจจะเอาแต่ใจมากหน่อยเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวแถมพ่อแม่ยังเสียชีวิตไปหมดแล้ว การต้องทำงานหนักรับผิดชอบทุกอย่างตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้เขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง ทุกคนที่ทำงานต่างอิจฉา หยอกล้อเธอเสมอว่ามีแฟนน่ารักแถมยังรวยและหล่อขั้นเทพอีกต่างหาก แต่อีกด้านหนึ่งนั้นใครเล่าจะรู้ ว่าการต้องร่วมรักกับเขาหญิงสาวต้องฝืนทนทุกข์ทรมานแค่ไหน ความรักของเธอมันก็เปรียบเสมือนดอกกุหลาบงามสีหวาน ดอกไม้ที่เป็นหนึ่งในเหล่าบุปผชาติที่ใครๆ ก็อยากมีอยากลิ้มลอง แต่...ความสวยงามนี้มันก็เต็มไปด้วยหนามอันแหลมคมที่คอยทิ่มแทงให้เจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ในวันนี้ตมิสารู้ว่าเธอรักชายหนุ่มมากและยอมเพราะอยากให้เขามีความสุขและรักเธอมากๆ แต่หากวันหนึ่งกัณฑ์รพีก้าวล้ำเส้นไปมากกว่านี้เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถ'ทน' ได้เฉกเช่นวันนี้หรือไม่        
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD