ร่างระหงเดินลับหายไปกับเหล่าพนักงานคนอื่นๆ แล้ว สีหน้าของกัณฑ์รพีก็เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน ความเคร่งเครียดผุดโผล่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเอื้อมมือปิดประตูที่ตมิสาเปิดค้างเอาไว้
คงเพราะด้วยความตกใจปนอายเธอจึงลืมปิดก่อนจะเดินจากชายหนุ่มหันเหตัวเองให้มาจดจ่ออยู่กับการขับรถไปยังที่ทำงานของตัวเองบ้าง แม้จะยังปิดตัวอยู่แต่การจัดแจงเตรียมพร้อมรอวันเปิดใหม่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีปัญหาเรื่องศัตรูเข้ามาข้องแวะความยุ่งยากก็ยิ่งมีให้สะสางไม่จบสิ้น
“อธิปคนนี้ร้ายไม่ใช่เล่น...มีอิทธิพล เงิน แถมยังบริวารเป็นโขยง ถ้าประมาทเรามีแต่จะเสีย” เขาพร่ำบ่นกับตัวเองในสิ่งซึ่งกำลังประสบปัญหา
ใช่ว่าเมื่อผ่านพ้นจุดนี้ไปได้แล้วอุปสรรคข้างหน้าจะไม่มี กัณฑ์รพีรู้ดีว่าศัตรูของเขาคอยจ้องเล่นงานหวังเขี่ยให้เขากระเด็นไปจากเส้นทางคนกลางคืน
แต่ไม่มีวันหรอก กว่าจะฝ่าฟันมาถึงวันนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อแลกกับความรุ่งเรืองเกรียงไกรจนสามารถผงาดขึ้นมาในระดับแถวหน้าได้ ชีวิตเขาต้องสู้ด้วยลำแข้งตัวเองมาตลอด มันไม่มีเหตุผลให้ต้องมายอมแพ้ให้ความอยุติธรรมที่คนคนหนึ่งหยิบยื่นมาให้
นึกย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน Red Bar เป็นแค่ผับเล็กๆ ที่เปิดให้บริการนักท่องราตรี แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นของเพื่อนรักคนหนึ่งชวนร่วมหุ้นเปิดทำด้วยกัน ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ชอบนักด้วยตัวเองมีงานการทำเป็นหลักแหล่งแม้จะเป็นแค่นักออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นลูกจ้างคนอื่นเขาก็ค่อนข้างพอใจแล้ว ด้วยเงินเดือนนั้นพออยู่พอกินเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบาย แต่เพราะเห็นว่างานกลางค*****นสะพัดเร็ว สร้างรายได้ให้อีกทางหนึ่งเขาจึงตกลงปลงใจ และมีหน้าที่แค่ดูอยู่ห่างๆ การบริหารนั้นตกเป็นของคิมหันต์เพื่อนคนดังกล่าวของเขาทั้งหมด
ครึ่งปีถัดมากิจการค่อนข้างไปได้สวย ร้านเติบโตคงที่และมีแนวโน้มจะพัฒนาศักยภาพไปเรื่อยๆ ผลตอบแทนที่นำมาแบ่งสันปันส่วนก็งอกเงยขึ้นทุกทีทำให้เขาสนใจจะเข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคิมหันต์ผู้ริเริ่มก่อตั้งมาจากไปด้วยอุบัติเหตุ
นั่นเป็นจุดพลิกผันให้เขาต้องเข้ามาดูทุกอย่างด้วยตัวเองแบบเต็มตัว ผิดบ้างถูกบ้างเพราะไม่มีประสบการณ์อาศัยแค่การเรียนรู้ที่คิมหันต์เคยวางรากฐานไว้ให้ แต่เขาก็พาตัวเองรวมถึงร้านมาได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นม้ามืดในสายตาใครๆ ที่ทำธุรกิจประเภทนี้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าลงทุนและกล้าจะเปลี่ยนแปลงระบบในรูปแบบใหม่ไม่ให้ซ้ำซากจำเจจึงเรียกลูกค้าให้เข้ามาสัมผัสใช้บริการได้อย่างล้นหลาม
ในขวบปีหลังเขาก้าวขึ้นมาอยู่ระดับแถวหน้าของบรรดาสถานเริงรมย์ยามวิกาลได้สำเร็จ และนับวันผับของเขาก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าภมรและผีเสื้อราตรี จนหลั่งไหลกันมาสังสรรค์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากแหล่งบันเทิงอื่นที่เคยครองแชมป์มาก่อนหน้า นั่นเป็นสาเหตุทำให้เกิดศึกที่เป็นคลื่นใต้น้ำอยู่เงียบๆ ตลอดมาซึ่งเขาเองก็ระวังตัวอยู่ไม่ได้วางใจ แต่แล้วก็พลาดท่าจนได้ เมื่อคืนหนึ่งขณะที่ผับเปิดให้บริการตามปกติ จู่ๆ ตำรวจหลายสิบนายก็เข้ามาล้อมแสดงหมายค้นและขอตรวจสอบสถานที่ทั้งหมด
ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ด้านในพร้อมทั้งจับกุมพนักงาน นักท่องราตรีที่ตรวจพบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย นั่นไม่ร้ายแรงเท่ามีนักเที่ยวซึ่งกำลังเมามายเพราะสารเสพติดสองสามคนให้การว่าซื้อยานรกมาจากในร้านนี้เอง คืนนั้นเป็นคืนที่ชื่อเสียงทั้งหมดของ Red Bar พังทลายลงอย่างน่าใจหาย ภาพตำรวจเข้าล้อมจับกุม ภาพนักเที่ยวที่เมามายไม่ได้สติ ถูกนำขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในวันรุ่งขึ้น กัณฑ์รพีซึ่งเป็นเจ้าของถูกดำเนินคดี
แต่ด้วยทางร้านของเขามีใบอนุญาตเปิดสถานบริการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เคยปิดเกินเวลาอีกทั้งยังไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียใดๆ จึงมีโทษแค่ถูกปรับและปิดการให้บริการเป็นเวลาสามเดือนเพื่อเป็นการตักเตือน หากมีครั้งต่อไปจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตและสั่งปิดร้านเป็นการถาวร ชายหนุ่มไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เขาเลยให้ลูกน้องคนสนิทตามสืบทุกช่องทางจนได้ตัวผู้ต้องสงสัยอย่างไอ้ก้านเข้า และแล้วทุกอย่างก็เปิดเผยออกมายืนยันความคิดของเขาว่าไม่มีอะไรผิดเพี้ยนเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่เหลือตอนนี้ก็มีเพียงหาทางแก้ข้อกล่าวหาให้กับตัวเองก่อน จากนั้น...ก็ต้องมีการเอาคืนกันเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายย่ามใจว่าข่มคนอื่นได้อยู่ข้างเดียว เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์มานี้ที่ตมิสาต้องทนอยู่กับความเหงาเดียวดายที่เธอแสนชังอยู่ในคอนโดหรู กัณฑ์รพีมีงานต้องทำชนิดหามรุ่งหามค่ำ กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่นค่อนรุ่ง บางครั้งเธอก็รอจนเผลอหลับไปเสียก่อนทั้งๆ ที่กลัวจับใจเมื่อถึงยามราตรีกาลมาเยือน เธอต้องเปิดไฟให้สว่างทั้งห้องเมื่อต้องอยู่คนเดียวเช่นนี้
แม้ว่าทุกๆ วันชายหนุ่มจะยังรับส่งเธอตามปกติ แต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงความห่างเหินแปลกๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่คบหาและตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดห้าถึงหกเดือนมานี้ความโหวงเหวงเงียบเหงาจึงมาเยือนจิตใจหญิงสาวอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
บางครั้งใจก็พานคิดว่าเขาจะมีคนอื่นหรือเปล่าเพราะตั้งแต่วันที่เธอขัดใจเขาตอนที่ซื้อชุดวาบหวิวมาให้กัณฑ์รพีก็ไม่เคยแตะต้องไปมากกว่าการกอดหอมแก้มธรรมดาเลย มันเป็นเรื่องผิดปกติ
ชายหนุ่มผู้มักมาก น้อยครั้งที่จะเว้นระยะให้เธอได้ฟื้นตัวจากบทรักที่ดุเดือดของเขา จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่แตะต้องไม่หิวกระหายอย่างเคยถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสัยไม่น้อย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือกัณฑ์รพีจะโกรธที่เธอไม่ยอมตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มที่ หรือ...เขากำลังเบื่อ
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตกะพริบถี่ไล่หยาดน้ำตาให้ไหลผ่านขมับมาถึงหมอนจนเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง เกือบเที่ยงคืนแล้วสามีโดยพฤตินัยของเธอก็ยังไม่กลับหลังจากไปรับเธอจากที่ทำงานกลับมาส่งแล้วเขาก็หายไปเลย ข้อเสียของตมิสาคือเธอไม่กล้าเซ้าซี้สามี ด้วยกลัวเขาจะรำคาญ เธอจึงต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวจนกลายเป็นความเครียดนิดๆ เมื่อรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างกัน กริ๊ก!! เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ตมิสารีบปาดเช็ดน้ำตาให้เหือดแห้งแล้วปิดตาที่อ่อนล้าลงแกล้งทำเป็นหลับไปเสีย เมื่อรู้แก่ใจว่าคนที่ตัวเองโหยหากำลังก้าวเข้ามาในห้องนอน เขากลับมาแล้ว... “หลับแล้วเหรอ...หอม หลับก่อนฉันทุกคืนเลยนะ ดูสิ...เปิดไฟสว่างโร่แบบนี้ยังหลับได้ลง...หึหึ” ร่างใหญ่เดินอาดตรงมานั่งข้างๆ คนแกล้งหลับทันทีที่เขากลับมาถึง เพราะงานรัดตัว เพราะผับใกล้จะเปิด เพราะต้องตามสืบเบื้องหลังคนที่จ้องเล่นงานเขาเพื่อที่จะได้เตรียมรับมือและตอบโต้ กัณฑ์รพีจึงไม่มีเวลาให้กับตมิสาเหมือนก่อนๆ หน้า
เขาเองก็รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวมาหลายวันทั้งที่รู้ว่าหญิงสาวไม่ชอบ แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากหรือแสดงความไม่พอใจออกมาเขาเองก็ไม่อยากเอาเรื่องหนักอกมาเล่าให้เธอพานเครียดไปด้วยอีกคน
และอีกประการก็เพื่อให้เธอได้พักผ่อนไปในตัว ช่วงที่เขากำลังยุ่งๆ ยิ่งเห็นรูปร่างบอบบางเล็กกว่าเขาเป็นเท่าตัวนอนขดอยู่ภายใต้ผ้าห่มก็ให้นึกชังตัวเองที่ชอบเอาแต่ใจ เอาเปรียบเธอมาตลอดหลายเดือน แม้จะยอมทำตามความปรารถนาของเขาไม่เคยอิดออดแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าสิ่งที่ตมิสาต้องการนั้นคือความอ่อนโยน นุ่มนวล หาใช่ความดิบเถื่อนรุนแรงแบบที่เขาเป็นไม่
ช่างน่าสงสารนักแม่สาวน้อยหน้าหวาน...
“เอ๋...” สายตาสะดุดกึกกับความชื้นบนหมอนที่เธอใช้หนุน กัณฑ์รพีนิ่วหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมที่ปลิวปรกหน้า ไล้นิ้วบนพวงแก้มที่เย็นเฉียบก็รับรู้ได้ว่าเธอเป็นยังไงก่อนจะหลับตานอน
“หอม...เป็นอะไร โกรธฉันเหรอ ร้องไห้ทำไม” น้ำเสียงอ่อนนุ่มเอ่ยถาม พอจะเดาออกว่าหญิงสาวแกล้งทำเป็นหลับเพราะรอยเปียกชื้นที่หมอนกับที่ขนตายังไม่แห้งเลย
“ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่หลับ คุยกับฉันก่อนสิ” เขาก้มกระซิบประชิดพวงแก้มระเรื่อ รับรู้ถึงลมหายใจสม่ำเสมอ
“หอม...”
“ปล่อยนะคะ!” ตมิสาแหวใส่ทันทีเมื่อร่างเล็กของเธอถูกรวบไปทั้งตัวด้วยวงแขนแข็งแรงของเขา เธอหลบหน้าโดยฉับพลันเมื่อถูกจับได้ว่ายังตาสว่างโร่แถมยังแดงก่ำส่อพิรุธอีกต่างหาก สองมือน้อยกระชับผ้านวมผืนใหญ่เข้าหาตัวโดยอัตโนมัติเมื่อรู้สภาพร่างกายตัวเองขณะนี้ดี
“ไหนบอกมาซิทำไมยังไม่นอน ร้องไห้ทำไม...” ชายหนุ่มถามรัวยังไม่ยอมปล่อยมือจากร่างน้อยที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่ม
“คือ...ไม่มีอะไรค่ะ หอมอยู่คนเดียวเลยกลัว”
“โกรธฉันเหรอ ขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่อยู่ติดบ้านเลย ฉันมีงานสำคัญหลายอย่างต้องทำ” เขาอธิบาย ใบหน้าประชิดแก้มนวลจนลมหายใจอุ่นๆ ปะทะกับผิวเนื้อซับสีเลือดหญิงสาวยังคงก้มหน้างุดไม่สบตาเขา
“เปล่าค่ะ หอมง่วงแล้วอยากนอนค่ะ”
“เดี๋ยวสิคุยกันก่อน ช่วงนี้เราไม่มีเวลาให้กันเลยนะ” มีแต่เขานั่นแหละที่งานรัดตัวจนเวลาอยู่ด้วยกันเหลือน้อยลงทุกที
“หนาวเหรอ ห่อซะกลมเชียว” เขาเย้ามือก็พยายามแกะผ้าห่มผืนหนาออกหวังได้รวบร่างระหงมากอดแบบเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งอีกฝ่ายมีท่าทีขัดขืนปัดป้องตลอด ยิ่งทำให้กัณฑ์รพีอยากรู้ยิ่งว่าเธอเป็นอะไรทำไมอิดออดหนักหนา
“หือ...หึหึ” เมื่อจับปลดผ้านวมออกจากตัวจนได้ชายหนุ่มก็ต้องตาลุกวาว หายใจติดขัด “หอม...หอมหนาวนะคะ...” เจ้าของร่างเปลือยที่ถูกมองเกือบละลายเอ่ยบอกรีบดึงผ้ากลับมาปิดตัวเองพร้อมให้เหตุผลด้วยความอาย แต่ชายหนุ่มกลับรั้งมือไว้เสีย “คิดถึงฉันเหรอ...” เขาถามแววตาพราวพร่างหยาดเยิ้ม ตมิสาคงเหงามากที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวและแน่นอนเธอคิดถึงเขาด้วย เพราะโดยปกติหากเขาไม่อยู่ด้วยหญิงสาวไม่เคยนอนโดยไม่สวมเสื้อผ้า นั่นก็เพราะถูกบังคับให้ทำตามใจเขานั่นเอง เธอก็ไม่เคยชอบมันเลยแต่คืนนี้ตมิสากลับนอนโดยมีเพียงผ้าห่มผืนเดียวปิดกายแสดงว่าเขาคงละเลยความรู้สึกเธอเกินไปแล้วจริงๆ
“เปล่านะคะ ปล่อยค่ะ”
“แต่ฉันคิดถึงเธอ...น้ำหอม” ชื่อเล่นแบบเต็มๆ ที่ไม่ค่อยได้เรียกบ่อยนักกับความในใจแฝงอารมณ์บางอย่างถูกเอ่ยเสียงพร่า
ตมิสาหน้าแดงก่ำเหลือบมองเขาด้วยหัวใจที่พองโตยิ่ง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อมือใหญ่อุ่นซ่านแตะสัมผัสผิวเนื้อตรงหัวไหล่และกดเบาๆ บังคับให้เธอนอนลงแล้วร่างของเขาก็ทาบทับลงมา
“คิดถึง...ใจจะขาด” กัณฑ์รพียังเพ้อพร่ำกับคนใต้ร่าง ใช่ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาทนยับยั้งชั่งใจได้เสียเมื่อไหร่ แต่เพราะรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวของหญิงสาวที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยามร่วมหลับนอนทำให้เขาจำใจเว้นระยะห่างให้เธอบ้าง
บวกกับปัญหามากมายเรื่องงานทำให้เขาทุ่มเทเวลาให้หมดไปกับภาระสำคัญทำงานเหมือนคนเป็นบ้าไปเลย ชายหนุ่มตั้งใจจะห่างเธอสักเดือน หญิงสาวจะได้รู้สึกดีกับเขาบ้างว่าไม่ได้มัวเมาแต่จะเอาเปรียบเธออย่างเดียว แต่...สิ่งใดก็ไม่อาจกีดกั้นเสน่หาที่เคยดื่มด่ำได้เลยจริงๆ เขากระหาย เขาต้องการ...ตลอดเวลา
“อย่าเลยค่ะ มา...มาเหนื่อยๆ พักก่อนดีกว่า” เธอบอกอ้อมแอ้ม ใจสั่นเมื่อเขาเริ่มความรู้สึกฝังใจก็ไหลวนมารบกวนทำให้ขยาดใจทั้งๆ ที่ก็อยากให้เขากอด อยากให้เขาอิงแอบ “หลายวันแล้ว...อย่าทรมานฉันอีกเลยหอม” แต่...เขากำลังจะทรมานเธอ “อุ๊ย!!” ไม่อาจคัดค้านอะไรมากกว่านั้นได้ ร่างของเธอที่ถูกเขากอดรวบก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอันร้อนรุ่มเสียแล้ว กัณฑ์รพีรัดก่ายนัวเนีย ไม่ปล่อยให้แรงปัดป้องเพียงน้อยนิดมาเป็นอุปสรรคความปรารถนาของเขาได้ ผ้าห่มนวมถูกดึงแล้วโยนทิ้งเพื่อที่ตัวเองจะได้ยลความงามอย่างเต็มตา ร่างขาวโพลนอ้อนแอ้น เอวบางคอดกิ่ว ตัวเธอเล็กกว่าเขาเกือบเท่าหนึ่งแต่ทว่ายังคงสัดส่วนความเป็นอิสตรีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทรวงอกขาวอวบล้นทะลักเล็ดลอดตามร่องนิ้วยามนวดเฟ้น สะโพกผายเต็มอัดไปด้วยหนั่นเนื้อแน่นตึงไม่หย่อนยาน เนินสาวอูมอวบสะอาดสวยไร้ม่านไหมให้รำคาญตา ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเธอสะกดให้เขาหลงใหลและอยากเสพสมอยู่ทุกขณะจิต
แต่หาก...ความต้องการที่สวนทางกันทำให้บางครั้งเขาก็ต้องยอมอ่อนข้อ ละเว้น และห่างหายไปบ้าง
“คุณ...คุณซีล...”
“หือ...เรียกทำไม”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ” ปากบอกในสิ่งตรงกันข้ามกับใจที่อยากวอนขอให้เขาผ่อนปรนความดุดันลงบ้าง พอมาคิดอีกทีชายหนุ่มก็หยุดให้เธอพักหลายวันแล้ว หากขัดใจเขาจะเป็นการทำให้อารมณ์ขุ่นใจกันเปล่าๆ ตมิสาจึงเลือกที่จะเงียบและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวาระของมัน
ที่นอนขาวสะอาดกลายเป็นสมรภูมิสวาทที่กำลังลุกพึ่บ หญิงสาวบิดส่ายไร้ทิศทางเมื่อถูกโอ้โลมโดยคนเหนือร่าง ริมฝีปากหนาอุ่นของเขาประกบจูบแล้วดูดดึงทำเอาเธอรู้สึกเจ็บนิดๆ ก่อนที่ลิ้นร้ายจะพุ่งเข้าหาความหวานล้ำภายใน มือข้างหนึ่งของเขาจับเรียวขาขาวยกชันเบียดแทรกตัวเองเข้าสู่ระหว่างกลางแล้วยกสะโพกสาวรั้งรับอีกที
เผียะ!! “อื้อ!” ความเจ็บแปลบตรงโคนขาเพราะถูกลงทัณฑ์เสียงดังทำเอาร่างระหงสะดุ้งเบิกตาโพลง แต่กัณฑ์รพีละจากกลีบปากที่ฉกชิมจนหนำใจหันมาเพ่งเล็งกับทรวงอกสล้างตรงหน้าแทน ยอดถันสีสดเกร็งเครียดขึ้นทันตาเห็น ปริบานชูช่อให้กระหายอยากลองลิ้มชิมรสอย่างท้าทาย
แล้วมีหรือภมรหนุ่มจะปล่อยโอกาสให้สูญเปล่า เขาโน้มลงจูบซับเบาๆ ลากลิ้นสากไปรอบๆ ฐานสีชมพูอมน้ำตาลก่อนจะรวบกลืนเข้าสู่อุ้งปากร้อนฉ่า
ตมิสาครางฮือพยายามกัดฟันข่มอารมณ์ที่ฉีดพล่านอยู่ในตัว เพราะ...เธอรู้ว่านี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น กัณฑ์รพีจัดการเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วยขณะที่ยังนัวเนียอยู่กับร่างบางสลับกับใช้มือเคล้นเต้าอวบอีกข้างเพื่อไม่ให้เสียเวลา เพียงไม่กี่นาทีเขาก็มีสภาพเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับคนเบื้องล่างอย่างเสมอภาค
เขากดเบียดตัวตนที่พร้อมพรั่งกับตัวหญิงสาวอย่างไม่ออมแรง ตมิสารู้สึกเจ็บจุกไปทั่วทั้งต้นขาตรงเนินสาวและหน้าท้องแบนราบของเธอ แต่ก็ทำได้เพียงร้องครางประท้วงไม่อาจหยุดยั้งไฟสวาทที่กำลังลุกกระพืออยู่ในตัวเขาได้
ร่างใหญ่ของชายหนุ่มซึ่งเปี่ยมไปด้วยพละกำลังและความหิวกระหายเพราะว่างเว้นมาหลายวันพรั่งพร้อมไปทุกส่วนสำหรับลงทัณฑ์สวาทส่งมอบเสน่หาให้ทั่วทุกอณูเนื้อ เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อส่วนกลางลำตัวโป่งนูนเต็มที่ กล้ามเนื้อส่วนนั้นแน่นปริจนต้องเบียดเสียดสีไปกับร่างนุ่มนิ่มเพื่อบรรเทาความร้าวระบม ตมิสาแทบจะหายใจไม่ทันอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มผละจากการสำรวจสองเต้างามมากดจูบปรนเปรอกลีบปากสีหวานฉ่ำของเธอ ทุกจังหวะการสัมผัสของกัณฑ์รพีเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและดุดันไม่ประนีประนอมและมันเริ่มจะทวีความรุนแรงเรื่อยๆ เมื่ออารมณ์กระสันซ่านในตัวเขาร้อนระอุขึ้น “อื้อ! อืม...” เสียงครางประท้วงหวานๆ ดังไม่ขาดริมฝีปากบวมเจ่อถูกดูดดึงเม้มเคล้นจนเจ็บแปลบ ไม่เท่าลิ้นใหญ่ของเขาที่เข้ากวาดต้อนไปทั่วภายในโพรงปากหวานหลายครั้งที่ชายหนุ่มพยายามพัวพันรัดเอาเรียวลิ้นของเธอเข้าหาตัวเขาแล้วดูดกินจนแทบหายใจไม่ทัน
สองมือร้ายขยำคลำเคล้นอยู่ทรงเนินเต้าทั้งสองในขณะที่ลำตัวก็ยังคงกดเบียดไม่ลดละ ผู้ต้องรองรับอารมณ์เริ่มล้าและระทวยไปพร้อมๆ กันกับบทพิศวาสที่เขาหยิบยื่นอย่างเร่าร้อนไม่ผ่อนปรน กัณฑ์รพีใช้ริมฝีปากขบเม้มนัวเนียอยู่กับกลีบปากหอมหวานอีกชั่วอึดใจอย่างเสียดาย แต่มีอีกหลายส่วนบนร่างกายของตมิสาที่เขากระหายอยากกลืนกิน ชายหนุ่มตัดใจหันมาจูบพรมไปทั่วดวงหน้า ก่อนจะลากไล้ลิ้นชื้นไปตามแนวกรามหอมกรุ่น เม้มตรงลำคอขาวขบกัดเบาๆ แต่ยังคงลงแรงตรงฝ่ามือที่กำกอบทรวงอกเอาไว้ไม่ลดละ
ความชื้นอุ่นร้อนลากไล้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงสองเต้างามและใช้อุ้งปากร้ายครอบครองอย่างไม่รีรอ สลับกันไปมาใช้มือร่วมในการปรนเปรอปทุมถันจนแดงปื้นเป็นริ้วๆ
ตมิสาไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังหยัดตัวขึ้นรับทัณฑ์สวาทจากเขาหรือกำลังบิดส่ายหาทางหนีเพื่อบรรเทาความเจ็บแปลบที่ฝังแฝงไปด้วยความซ่านกระสันนี้กันแน่ แต่ที่รู้ๆ เธอคงไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้หรอก “เธอสวยมากหอม...ทั้งสวย ทั้งหวานทั้งหอมสมชื่อจริงๆ” เสียงทุ้มครางชมพร้อมกับลมหายใจพร่าพร่างเหมือนว่าในห้องนี้มีออกซิเจนให้เขาใช้ดำรงชีพเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างขาวสะโอดสะองเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงประปรายยิ่งทำให้ตัวเขาปวดร้าวและเตลิดจนหูอื้อตาลายไปหมด หญิงสาวรู้สึกเขินเมื่อรู้ตัวก็พบว่าร่างใหญ่ที่นัวเนียเธออยู่เมื่อครู่บัดนี้เขาหยุดและดันตัวขึ้นสูงโดยใช้สองมือค้ำที่นอนและมีเธอนอนอยู่ระหว่างสองแขนนั้นกำลังเพ่งมองด้วยสายตาเยิ้มแย้มสื่อความกระหายออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง ก่อนจะซุกฝังใบหน้าลงบนเนื้อหนังอุ่นนุ่มอีกครั้ง
“อุ๊ย!!” คมฟันถูกขบฝังลงผิวเนื้อฐานเต้าอย่างมันเขี้ยว ทว่าคนถูกกระทำกลับระบมจนต้องงอตัวพลางปากก็ร้องครวญแหงนหน้าไปทางด้านหลัง มือไม้เริ่มปัดป้องแม้จะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเต็มทีก็ตาม แล้วร่างบางของเธอก็ต้องสะดุ้งซ้ำอีกเมื่อกัณฑ์รพีขบเม้มใช้ฟันกัดไปทั่วบริเวณตามแต่ใจของเขาจะปรารถนา
เรียวลิ้นร้อนชื้นปาดไล้ไปตามป้านสีอ่อน ก่อนจะรวบเอายอดถันตึงเครียดเข้าปากดูดดึงและเม้มจนเกิดเสียง มือรวบกำบีบและส่งปทุมถันอีกข้างเข้าอุ้งปากฉกชิมเอาความหวานล้ำมากลืนกินราวหิวโซในรสเสน่หาอย่างล้นเหลือเขาละลากปลายลิ้นสำรวจลงเรื่อยมาอีก ฝากทิ้งรอยจากคมเขี้ยวและความชื้นไว้ตลอดทางผ่าน ดำเนินมาจนถึงจุดกลางลำตัวอันงดงามของหญิงสาว
สายตาของกัณฑ์รพีเพ่งมองอยู่แต่ส่วนลี้ลับที่สวยล้ำเหลือเกิน ตมิสายังดิ้นขยุกขยิกบิดส่ายไปตามอารมณ์ที่เขาปลุกให้ตื่น แม้บางส่วนในจิตใจเธอจะตื่นตระหนกกับอนาคตอันใกล้บนเตียงกว้างแห่งนี้ แต่เหล่านั้นก็พ่ายแพ้ให้แก่เสน่หาและความรักที่มีให้กับเขาอย่างศิโรราบ
“อ๊า!!” หญิงสาวครางหวานพร้อมดีดตัวขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเรียวลิ้นอุ่นชื้นตวัดซุกเข้าสู่ร่องหลืบเร้นของตัวเอง สองมือที่เคว้งคว้างไร้ทิศทางเมื่อครู่หันมาดันและผลักศีรษะชายหนุ่มเพราะถูกเขารุกรานอย่างหนักหน่วง
กัณฑ์รพีร่อนร่างเล็กในอาณัติให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะเจาะ ก่อนจะยกสองขาซึ่งกำลังหุบหนีบศีรษะของเขาขึ้นสูงขนาบด้านข้าง ตมิสากระเถิบถอยตัวนิดหนึ่งเมื่อถูกผลักดันไปด้านหน้าพร้อมกัน มือไม้ของเธอยามนี้แทบจะหาพื้นที่ยึดเหนี่ยวเอาไว้ไม่ได้เมื่อความกระสันซ่านจู่โจมจนทุกอณูเนื้อร้อนฉ่าจวนเจียนละลายคามือเขา
ชายหนุ่มเหลือบแลความงามของกลีบกุหลาบสาวที่บานสะพรั่งรอรับการปรนเปรอจากเขา กลิ่นสาวอ่อนผสมแป้งเด็กโชยพลิ้วเข้าจมูกเพิ่มแรงฮึกเหิมให้ตัณหาในตัวโชติช่วงขึ้น เขายกขาข้างหนึ่งพาดบนบ่าและปล่อยอีกข้างเป็นอิสระเพื่อป้องกันเธอหนีบศีรษะ มือข้างที่เว้นว่างหันมาลูบคลำเนินอวบอูมที่กำลังฉกชิม
ทั้งมือและปากทำงานอย่างไม่มีอิดออด ปุ่มกระสันถูกสะกิดและกดบี้จนสะโพกผายส่ายร่อนไร้ทิศทาง ปลายลิ้นใหญ่จ้วงล้ำเข้าสู่แอ่งน้ำทิพย์อันหวานล้ำสลับกับปาดเลียไปตามร่องกุหลาบที่มีความฉ่ำชื้นมากขึ้นทุกทีเพราะแรงกระตุ้น “อุ๊ย!! อื้อ...” ร่างสาวหยัดเหยียดเข้าหาใบหน้าเขาและส่ายบิดไปมาเหมือนจะหาทางหนีเมื่อชายหนุ่มจู่โจมด้วยเรียวนิ้วเข้าสู่ร่างกายของเธอในคราเดียวอย่างลึกล้ำและรุนแรง นิ้วร้ายหมุนวนลากเข้าออกขณะที่ปลายลิ้นก็ยังคงลากไล้สัมผัสผิวเนื้อนุ่มชื้นเพื่อดื่มกินความต้องการที่กลั่นออกมาจากตัวเธอ
ชายหนุ่มไม่ได้รังเกียจสักนิดแม้จะไม่เคยกระทำอย่างนี้กับใครมาก่อน แต่กับตมิสาแล้วยอมรับเลยว่าเขารู้สึกแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ และยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์บาดลึกในเสน่หา ความต้องการหนักหน่วงอย่างที่ต้องการกับเธอก็ไม่เคยเกิดขึ้นเช่นกัน
หญิงสาวที่เขากำลังส่งมอบความสุขให้สร้างความแปรปรวนเลยเถิดในอารมณ์รักของเขาจนบางครั้งชายหนุ่มก็แอบคิดว่าตัวเองผิดปกติไปเสียแล้ว