-บทที่-8 กลับจวนเหยียน
“หา สามพันห้าร้อยเหรียญทองเครดิต !!” หญิงสาวตกใจ แพงเว่อร์
[...ถ้าระดับพลังสูงถึงขั้นกลาง ราคาจะอยู่ที่ หนึ่งหมื่นเหรียญทองเครดิต หากระดับพลังสูงสุด ราคาจะอยู่ที่ หนึ่งแสนเหรียญทองเครดิต ผู้ข้ามมิติสนใจตัวไหนขอรับ...]
“แม่เจ้า นี่ระบบจะขูดเลือดขูดเนื้อข้าหรือไง” หญิงสาวเสียงเขียว
[...ถึงจะแพง แต่อย่าลืมว่า ระดับพลังของม้าแม้จะขั้นต่ำ แต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าพันธุ์ใดในโลกนี้ หากท่านไม่สนใจจะเดินกลับจวน ก็ตามใจท่าน...]
ราคาแพงขนาดนี้หญิงสาวเจ็บปวดสุด ๆ เรียกได้ว่าซื้อหนึ่งครั้งจนไปสามปี ถึงจะตาละห้อยด้วยความเสียดายเงิน แต่สุดท้ายแล้ว..
“ซื้อ” กัดฟันยืนยันการซื้อด้วยความเจ็บปวดใจใน
[...รับทราบ ระบบทำการซื้อม้าระดับพลังต่ำเรียบร้อยแล้ว ยอดเงินคงเหลือ แปดพันเหรียญทองเครดิตและ เก้าล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นสามพันห้าร้อยเหรียญเงินเครดิต...]
‘ฮึก เงินจ๋ากลับมาก่อนนนนน !’
“ข้าไม่เข้าใจเรื่องเหรียญเงินเหรียญทองนั่นสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าข้าจะเลิกพูดเรื่องเงินแล้วนะ จริงสิ ข้าอยากจะเปลี่ยนชื่อให้กับเจ้า” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งอยู่บนหลังเจ้าเสี่ยวเฮย เนื่องจากเป็นม้าจากระบบ มันจึงมีระดับพลังที่แข็งแกร่ง มากกว่าม้าใด ๆ ในโลก ลำตัวของมันมีสีดำนิล รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่ง งดงาม น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
[...เชิญผู้ข้ามมิติ เปลี่ยนชื่อของข้าได้...]
“เจ้าชื่อว่า เสี่ยวเปาก็แล้วกัน ส่วนข้า เจ้าควรเรียกว่า ลี่จิน”
[…ระบบเปลี่ยนนามเป็นเสี่ยวเปาสำเร็จแล้ว ส่วนท่าน ทางระบบแม่ให้เรียกว่า โฮสต์...]
“เอาเถอะโฮสต์ก็โฮสต์” น้ำเสียงดูสิ้นหวัง แล้วควบเจ้าเสี่ยวเฮยออกมาจากตรอกเล็ก ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมายในตลาดต่างมองตามอย่างตกตะลึง ถึงจะไม่เห็นใบหน้า ทว่า รูปร่างอรชรเย้ายวนก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยาก ว่าผู้ที่อยู่บนหลังม้าจะต้องเป็นสตรี และงดงามเป็นอย่างมาก
หญิงสาวขี่เจ้าเสี่ยวเฮยกลับจวน ตอนแรก ๆ ใจเต้นแรงเพราะไม่เคยขี่ม้าเลย แต่เจ้าเสี่ยวเฮยนี้กลับสมราคาที่ระบบคุยโวเอาไว้ เพียงแค่ขึ้นไปนั่งแล้วบอกให้กลับจวนเหยียน ตัวม้าตัวใหญ่ก็ร้องฮี้ร์ แล้ววิ่งไปยังทิศทางที่นางต้องการราวกับมีกูเกิ้ลแมพ
ด้วยอากาศที่ร้อนจัดไม่สามารถทำลายผิวชั้นนอกได้ เพราะอาภรณ์แสนแพงดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์ พร้อมทั้งระบายอากาศได้อย่างเยี่ยมยอด ส่วนเจ้าอาชาตัวใหญ่ก็สมกับราคาที่แพงแสนแพง เพราะเจ้าเสี่ยวเฮยควบทีเดียวก็มาถึงจวนเหยียน ความเร็วราวกับลมกรด เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับเงินมาก
จวนเหยียน
เรือนกลาง
ภายในห้องนอน มีร่างระหงของดรุณีน้อยนามว่าเหยียนถิงเดินกลับไปกลับมา ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความกระวนกระวายใจ นางไม่รู้ว่าแผนการครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ จื่อรั่วเองก็ยังไม่กลับมารายงาน หากไม่สำเร็จเล่า นางจะทำอย่างไร หากท่านพ่อรู้ว่านางจ้างวานคนมาฆ่านังพี่สาวแสนชังนั่นล่ะ ท่านพ่อจะลงโทษนางหรือไม่
แล้วพี่โจวเหว่ยของนางเล่าจะเป็นอย่างไรบ้าง..
เหยียนถิงใจร้อนรุ่ม จึงไม่มีจิตใจคิดในเรื่องใดอีก
ฮี้ร์
เสียงม้าร้องอยู่หน้าจวน ซ่งหนูซึ่งมีหน้าที่เฝ้าประตูก็เปิดออกมาดู แล้วต้องตาโต
“คะ คุณหนูรอง” ในที่สุดก็หาคุณหนูเจอ ไม่สิ คุณหนูกลับมาเองต่างหาก อีกทั้งยังขี่ม้ามาเองด้วย
ว่าแต่ คุณหนูขี่ม้าเป็นตั้งแต่ตอนไหน ทำไมทุกคนถึงไม่รู้
“ซ่งหนูรีบเปิดประตูเร็วเข้า” หญิงสาวสั่ง เมื่อเห็นบ่าวยังคงตกตะลึงอ้าปากค้าง
“ขะ ขอรับ” เมื่อประตูจวนเปิดออก หญิงสาวก็ควบเจ้าเสี่ยวเฮยไปยังเรือนเล็กของตน
เสียงม้าที่ดังอยู่หน้าเรือน เรียกให้สองสาวใช้วิ่งออกมาดู ก่อนจะเบะปากร้องไห้ดังลั่น
“คะ คุณหนู ท่านมาแล้ว ฮึก ๆ” เสี่ยวอวี้และเสี่ยวซี สองสาวใช้คนสนิทของเหยียนลี่จินร้องไห้ลั่น พวกนางตามหาคุณหนูของนางทั่วจวน กลับไม่พบแม้แต่เงา ทั้ง ‘เงา’ ห้าสิบชีวิต ยังตามหาคุณหนูรองไม่พบ สาวใช้ทั้งสองจึงร้อนใจยิ่งนัก
หวั่นกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายกับคุณหนูรอง เมื่อพบเจอความอัดอั้นตันใจ ความวิตกกังวลต่าง ๆ จึงคลายลง
สาวใช้ตัวน้อยในวัยสิบหกและสิบเจ็ดปีทั้งสองคนจึงร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้อนถึงคนเป็นเจ้านายต้องลงมาจากหลังม้าเพื่อปลอบใจสาวใช้ของตน
สองสาวมัวแต่ร้องไห้ด้วยความดีใจจึงลืมคิดไปว่า คุณหนูไร้พลังปราณ ฝึกยุทธ์ไม่ได้ ขี่ม้าก็ไม่เป็น
แต่ทำไมถึงขี่ม้ากลับมาถึงจวนได้
“เสี่ยวอวี้ เสี่ยวซี ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ” หญิงสาวลูบหลังลูบไหล่ปลอบประโลมเรียกขวัญคนสนิทให้กลับเข้าร่าง
“คุณหนูไปที่ใดมาหรือเจ้าคะ ทำไมพวกข้าถึงตามหาไม่พบ ละ แล้วม้าตัวนี้เล่า คุณหนูได้มาอย่างไรเจ้าคะ” เสี่ยวอวี้ถาม เสียงยังคงสั่นเครือ
“ตลาด” ตอบสั้น ๆ
“ตลาดหรือเจ้าคะ คุณหนูไปตลาดตอนไหนเจ้าคะ” สองสาวใช้งงงวย
“อย่าเพิ่งงง นี่คือเสี่ยวเฮยนะ เป็นม้าของข้าเอง พวกเจ้าจงทำความรู้จักกับมันนะ จะได้คุ้นเคยกัน” หญิงสาวลูบหัวม้าตัวโต มันร้องฮี้ร์ ๆ ดั่งถูกใจ พลางเอาหน้ายาว ๆ ไถมือนุ่มไปมา
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองต่างมองเจ้าม้าสีดำวาววับ
“เข้าไปในเรือนก่อน ข้าคอแห้งและหิวข้าวมาก” เหยียนลี่จินหมุนตัวเดินไปในเรือนเล็กของตน
“เจ้าค่ะ” สองสาวใช้ยินดีที่ผู้เป็นนายกลับมา รีบเช็ดน้ำตาแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
เสี่ยวซีเดินตามไปปรนนิบัติคุณหนู ส่วนเสี่ยวอวี้ไปที่ครัวใหญ่เพื่อนำอาหารมาให้ผู้เป็นนาย
หลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่และทานข้าวจนอิ่ม ถึงเวลาที่จะต้องเล่าเรื่องที่นางหายไปให้ทั้งสองฟัง
ถึงจะเป็นสาวใช้ แต่พวกนางทั้งสามเติบโตมาด้วยกัน ความรักความผูกพันจึงมาก
“ข้าถูกคู่หมั้นชั่วลวงให้ไปในตลาดเพื่อจะสังหารข้า ความจริง ตัวข้าได้ตายไปแล้ว แต่ท่านเทพกลับส่งข้าไปอีกภพหนึ่ง ที่นั่นมียา มีสิ่งของหลายอย่างที่แคว้นเนี่ยไม่มี เมื่อข้าร่ำเรียนจนสำเร็จ ท่านเทพจึงพาข้ามาส่ง พร้อมกับมอบอาวุธวิเศษให้กับข้า พร้อมกับม้าเสี่ยวเฮยมาหนึ่งตัว” หญิงสาวเล่าแบบรวบรัด นางตัดสินใจที่จะบอกความจริงแม้จะเป็นเพียงครึ่งเดียว
คนรู้น้อยมากเท่าไหร่จะยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
“คะ คุณหนู ทะ ท่าน” เสี่ยวอวี้ตาเบิกโพลง น้ำตาไหลพราก ๆ โธ่คุณหนูของข้า ท่านช่างน่าสงสารนัก
“ขอบคุณท่านเทพ ที่คุ้มครองคุณหนูของข้า”