7

1158 Words
แต่แล้วเสียงเล็ก ๆ ก็เถียงสู้แทนเขาก่อนที่เส้นเสียงของเขาจะทำงานเสียอีก “คุณลุงใส่ชุดของคุณแม่ได้นี่คะ หมอนก็นี่ ผ้าห่มก็นี่” แม่ตัวดีตบไปตามของที่จัดหาไว้รอท่าคุณลุงไปพลางขณะตอบโต้กับเธอ คุณลุงของยายตัวแสบพยักหน้ารับเห็นด้วย “เป็นความคิดที่ดีมากครับ” เธอเห็นแววตาของเขาเป็นประกายคล้ายกับกำลังขันที่เธอต้องมารับมือกับลูกในสถานการณ์เช่นนี้ ก็เงียบก่อนพูดออกไปว่า “เอาแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวให้คุณลุงกลับบ้านก่อน เห็นว่ามีธุระหรือประชุมเช้าใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยถามกวาดสายตาไปยังเบญจมินทร์ พยักพเยิดหน้าถามเขา แต่แล้วเบญจมินทร์กับส่ายหน้าว่าเขาไม่ได้ติดงานอะไรเลย ว่างไปถึงปีหน้าก็ยังได้ ยิ่งสร้างความหงุดหงิดใจให้เธออีกครั้ง “ว้า อะไรก็เอาแต่อ้างว่าคุณลุงติดธุระ” ร่างกลมจอมบงการร้องโวยอย่างที่ดูออกว่าไม่ถูกใจกับคำอ้างของเธอ ก่อนจะทู่ซี้ยื่นเงื่อนไขไม่ยอมจบเรื่องที่นอนของคุณลุงเบญ “น้องว่าคนที่มีปัญหาก็คือแม่นะคะ และน้องก็ขอเสนอว่าให้เรานอนรวมกันสามคนในห้องเลย ดีไหมคะ” “ลุงว่าดีมาก / แม่ว่าไม่ได้” เสียงตอบของเธอกับเบญจมินทร์ดังไล่เลี่ยกัน เด็กหญิงยิ้มตาเกือบปิดแล้วร้องบอกไปว่า “น้องเอาคำตอบคุณลุงก็แล้วกันนะคะ เอาเป็นว่าพวกเรานอนด้วยกันสามคนในห้องของน้องดีกว่า” ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เบญจมินทร์ต้องการ วสุกัญญาออกไปเตรียมที่นอนมาปูตรงพื้น ส่วนเสื้อผ้าเธอหาตัวที่ใหญ่ที่สุดมาให้เขาสวมใส่นอนในคืนนี้ “คุณลุงใส่ชุดแบบนี้แล้วน่ารักจังเลยค่ะ” ลูกสาวตัวดีของเขากล่าวชมพร้อมกับมองเบญจมินทร์ในชุดนอนตัวยาวไซส์ใหญ่ที่เธอชอบใส่ “รอบหน้าลุงจะเอาเสื้อผ้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมอน ผ้าห่ม ที่นอน ผ้าเช็ดตัว เอามาไว้ที่นี่ด้วย น้องว่าดีไหมครับ” นี่เขายังคิดว่าจะมีรอบหน้าให้นอนที่นี่ได้อีกอย่างนั้นหรือ วสุกัญญานึกฉุนนิด ๆ กับคำบอกของเบญจมินทร์ “ดีค่ะ เวลาคุณลุงมานอนจะได้ไม่ต้องใช้ของคุณแม่อีก แม่จะได้ไม่บ่น แม่ขี้บ่นค่ะ” คำหลังเจ้าตัวทำปากขมุบขมิบกับเบญจมินทร์ เธอเห็นแล้วอดเลิกคิ้วกับท่าทีของลูกไม่ได้ แต่ก็เงียบไม่ได้พูดว่าอะไรออกไป ประเดี๋ยวจะหาว่าเธอขี้บ่นเอาอีก “ลุงชอบนะเวลาคนบ่น” เขาบอกพร้อมกับลากสายตามามองเธอ แววตาของเขาลุ่มลึกจนเธอเห็นแล้วก็รีบเบือนหน้าหนี พร้อมเอ่ยเสียงขรึมกับลูกไปว่า “ดึกมากแล้ว นอนเถอะค่ะ” จบเสียงบอกของเธอแล้วแม่ตัวดีก็ลงไปนอนพร้อมดึงมือเบญจมินทร์ให้ลงนอนตาม โดยที่ตนนั้นนอนคั่นกลางระหว่างแม่กับลุงเอาไว้ ภายในห้องไม่เล็กไม่ใหญ่นัก แต่มีสามคนอัดอยู่ข้างในนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยในความคิดของเด็กหญิงสวรินทร์ ไม่นานจากนั้นเจ้าตัวก็หลับไปอย่างง่ายดาย วสุกัญญานอนตะแคงหันหลังให้ลูกเพราะไม่อยากมองไปที่เขา พร้อมกับคิดถึงช่วงเวลาตลอดหกปีมานี้ ที่เธอตัดสินใจขอหย่าจากเบญจมินทร์ ตั้งแต่จดปากกาเซ็นชื่อลงในใบหย่า เบญจมินทร์ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอมานอนที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว คงเพราะว่านับวันแม่ตัวดีมีแต่จะโตขึ้น ยิ่งโตก็ยิ่งน่าเอ็นดู เขาเลยอยากมานอนกับลูกของเขาบ้าง คิดแล้วก็อดถอนลมหายใจออกมายาว ๆ อีกครั้งไม่ได้ วสุกัญญาเริ่มทำงานเป็นพนักงานการเงินที่โรงเรียนอนุบาลของลูกตั้งแต่พาลูกเข้าไปเรียนชั้นเตรียมอนุบาล พอเริ่มได้ทำงานเธอก็หลับยากขึ้น นอกจากงานในภาระหน้าที่ ก็ยังมีประชุมเครียด ๆ อีกด้วย ไหนจะเอกสารต้องทำอีกตั้งหลายรายการ รวมถึงเรื่องของเบญจมินทร์ที่เข้ามาสร้างความหนักใจให้เธออีก เลยทำให้ยิ่งหลับไม่ลง เธอนอนลืมตาในความมืดอยู่อย่างนั้นเป็นนานสุดท้ายก็ขยับตัวออกจากผ้าห่มลุกออกจากที่นอนบนพื้นออกไปเงียบ ๆ มาที่ด้านนอกแล้วก็เปิดไฟตรงโต๊ะ ลงมือทำงานที่หอบกลับมาด้วยต่อที่กลางบ้าน แต่แล้วก็พบว่าเธอไม่ได้มีสมาธิเท่าไรนัก “ต้องทำงานดึก ๆ แบบนี้ทุกวันเลยหรือ” เสียงถามราวกระซิบดังมาจากหลังเก้าอี้ที่เธอนั่งทำงานอยู่ วสุกัญญาขยับตัวออกห่างจากเขาทันที แล้วจึงตอบไปว่า “ไม่หรอกค่ะ เฉพาะงานที่เพิ่งได้รับมาเมื่อเย็นก็จะทำต่อจนเสร็จเท่านั้นเองค่ะ” “หรือทำเฉพาะวันนี้ ที่พี่มาขอนอนด้วย” วสุกัญญาเก็บงานเข้าที่เดิมโดยไม่เอ่ยโต้แย้งอะไรกับเขา เบญจมินทร์มองเธอเงียบ ๆ อึดใจเดียว ก่อนส่งเสียงขรึมเข้มถามต่อจากนั้นไปว่า “บอกเรื่องที่มันเป็นความจริงสักทีได้ไหม ไม่ใช่เพราะจะแต่งงานกับไอ้หมอนั่นแน่ ๆ มันอะไรที่ทำให้หนูต้องขอหย่าจากพี่” จากปากที่ปิดเงียบอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว วสุกัญญาเม้มปากตัวเองให้สนิทยิ่งกว่าเดิม ราวกับกลัวว่าจะเผลอไผลหลุดตอบเขาออกไป เมื่อก่อนเธอหัวอ่อนมาก ๆ เชื่อฟังคนง่าย เธอจบจากมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีชื่อเสียงนัก จบแล้วก็เตร่หางานอยู่ตั้งหลายเดือนจึงได้งานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เธอได้เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานทั่วไป ตอนนั้นวสุกัญญายังจำความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนที่รับเธอเข้าทำงานได้เป็นอย่างดี เธอขอบคุณเขาไม่หยุด และซาบซึ้งใจมาก ๆ ที่เขาตัดสินใจรับเธอเข้าทำงาน เขามองเห็นคุณค่าในตัวเธอ เมื่อได้เริ่มงานที่นั่นวสุกัญญาจึงอยากช่วยเหลือทุกหน้าที่ด้วยความเต็มใจ ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำงานที่นั่น เธอช่วยงานทุกอย่างและพร้อมที่จะเรียนรู้งาน แล้วก็รู้ด้วยว่าหัวใจของเธอเองนั้นตกหลุมรักเจ้าของบริษัทเข้าเต็มเปาโดยที่เขาไม่ได้ลงมือจีบอะไรเธอเลย เบญจมินทร์คือเจ้าของบริษัทแห่งนั้น เขารับเธอเข้าทำงาน สอนงานให้เธอ สอนให้เธอใช้ชีวิต สอนให้เธอรู้ทันคน วสุกัญญาเรียนรู้ทุกอย่างจากเขา ได้รับโอกาสการทำงานจากเขา ได้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเขา และแน่นอนว่าเขาคือฮีโร่ในสายตา ในความรู้สึกของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD