และแน่นอนว่าเขาคือฮีโร่ในสายตา ในความรู้สึกของเธอ
เบญจมินทร์เป็นคนสุภาพมาก ๆ เขาพูดน้อยแต่ทำเยอะ งานในส่วนไหนที่ทำไม่ทัน เขาจะลงมาทำด้วยตัวของเขาเองจนเสร็จสิ้น
และมีหลายงาน หลายชิ้นที่เขาขอแรงจากเธอ ซึ่งเธอก็ตอบรับ ช่วยเขาทุกงานด้วยความเต็มใจ
เธอกับเบญจมินทร์พัฒนาความสัมพันธ์จากพี่น้องที่เขามอบให้ในที่ทำงาน ก่อนจะเลื่อนขั้นเป็นคนรู้ใจในที่สุด
เมื่อในวันหนึ่งเขาชวนเธอออกไปกินข้าวที่ร้านข้างบริษัทหลังเสร็จงานชิ้นใหญ่ ก่อนจะบอกกับเธอว่าเขาชอบเธอ อยากขอคบหาเธอ คบกันแบบที่ไม่ใช่แค่แฟน แต่เขาจริงจังถึงขั้นอยากแต่งงานด้วย เขาอยากมีครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น โดยมีเธออยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
วสุกัญญาที่มีเขาอยู่เต็มทุกห้องของหัวใจอยู่แล้วจะปฏิเสธเขาอย่างนั้นหรือ เธอตอบตกลงคบหากับเขาหลังจากนั่งเงียบไปหลายนาที จากนั้นอีกเกือบปีเธอกับเขาก็ตกลงจดทะเบียนสมรสและย้ายไปอยู่ด้วยกัน
เธอรู้ตอนหลังจากหลงรักเขาไปแล้วว่าเบญจมินทร์มาจากครอบครัวที่มีฐานะ และเธอก็ไม่ได้ชอบเขาเพราะเรื่องนี้เลย เธอชอบนิสัยของเขา บุคลิกสุขุมรอบคอบและนิสัยที่อบอุ่นใจดีใจกว้าง นั่นต่างหากที่ทำให้เธอรักเขาหมดหัวใจ
เบญจมินทร์เคยจะพาเธอไปพบกับครอบครัวของเขา แต่แล้วก็ถูกที่บ้านของเขาปฏิเสธไม่ให้เข้าบ้าน วสุกัญญารู้ตัวเองดีว่าเธอมาจากครอบครัวแตกแยกและโตมาแบบไม่ค่อยอบอุ่นนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มีชีวิตที่เหลวแหลก เธอใฝ่ดี เธออยากมีชีวิตที่ดี ๆ อยากมีครอบครัวที่ดี ๆ
เธอไม่เคยเรียกร้องอยากไปพบครอบครัวของเขาอีกเมื่อรู้ว่าทางนั้นไม่ยินดีที่จะรับรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเบญจมินทร์
เธออยากยืนหยัดเคียงข้างเขา
แต่แล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่วาดฝันเอาไว้ จนต้องฝืนใจขอหย่าขาดจากเขา เมื่อทุกอย่างมาถึงทางตัน
คิดมาถึงตรงนี้เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนก็แผดเสียงดังขึ้น
เบญจมินทร์ไม่ได้สนใจเสียงนั่น สายตาของเขาจับจ้องมองอยู่ที่เธอ รอคอยคำตอบจากเธอ วสุกัญญาเม้มปากน้อย ๆ พาตัวเองออกจากเรื่องราวในอดีตแล้วมองไปยังโทรศัพท์ของเขาแทนการสบตาตอบเขา
“รับสายเถอะค่ะ เดี๋ยวยัยรินจะตื่นขึ้นมาอีก”
“ไม่ใช่สายสำคัญ” เขาบอกพร้อมกับเดินไปหยิบขึ้นมาดู คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเพียงนิดเดียว เมื่อมองจ้องที่หน้าจอแล้วเลื่อนมือปาดไปมา เป็นการตัดสายสนทนาและปิดโทรศัพท์ในขั้นตอนต่อจากนั้น
ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหา วสุกัญญาขยับออกห่าง รู้สึกได้ว่าเขากำลังคุกคามเธอ
“พี่ไม่มีทางยอมให้หนูไปแต่งงานกับคนอื่นหรอกนะ”
“แต่คุณทำได้อย่างนั้นหรือ”
“แล้วใครผลักไสไล่ส่งให้พี่ทำแบบนั้น หนูลืมไปแล้วหรือยังไง”
วสุกัญญาเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้เขารื้อฟื้นเรื่องในอดีตอีก แต่แล้วก็ตกหลุมพรางของเขา เมื่อพูดตอบโต้ด้วยเรื่องที่เป็นรอยบาดหมางในหัวใจของเธอเอง
เบญจมินทร์ยื่นมือออกมาจับที่ข้อมือของเธอแล้วดึงเข้าไปหาเขา ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากเขาไม่มาก แล้วเสียงขรึมก็กระซิบถามอย่างคนที่เจ็บปวดใจไม่ต่างกันกับเธอ “ผลักไสพี่ไปจากหนูทำไม ทำทำไม บอกพี่สิ”
“อย่าทำแบบนี้ค่ะ”
เบญจมินทร์เห็นท่าทีต่อต้าน รวมถึงคำพูดไม่ไยดีแล้ว ก็รู้สึกอยากยั่วเธอกลับไปบ้าง “เมื่อก่อนตอนเราอยู่ด้วยกัน พี่ทำมากกว่านี้อีกนะ หนูจำได้ไหม”
วสุกัญญาร้อนไปหมดทั้งหน้า เธอช้อนตาขึ้นมองเขาพบแววตาเจ้าเล่ห์เป็นประกายวาววับก็เข้าใจได้ในทันทีถึงคำพูดสองแง่สองง่ามของเบญจมินทร์ เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเสียหน่อย เขาพูดมันออกมาได้อย่างไร
“หยุดพูดจาคุกคามฉันสักที”
เมื่อไม่มีใครยอมใคร อารมณ์ของเบญจมินทร์ก็กลับมาคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง เขาออกแรงดึงเธอให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา รัดแขนโอบรอบลำตัวของเธอ พร้อมกับยื่นหน้าลงหาเสียใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน “จำคำพูดของพี่เอาไว้นะว่าพี่ไม่มีวันปล่อยหนู ไปแต่งงานกับใครที่ไหนทั้งนั้น ส่วนไอ้เรื่องปัญญาอ่อนที่เคยหลอกพี่ว่าจะไปแต่งงานกับคนอื่นก็หามุกใหม่ได้แล้ว พี่รู้ว่าหนูไม่แต่งงานกับไอ้หมอเวรนั่นหรอก ถ้าแต่งก็แต่งตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่ทิ้งเวลาให้นานขนาดนี้แน่ ๆ”
“คุณไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตของฉัน”
วสุกัญญาออกแรงกระชากแขนของตัวเองออกจากมือของเขาจนหลุดแล้วเดินหนีแต่เบญจมินทร์ก็ตามเข้ามาดักที่เบื้องหน้าของเธอ
“พี่ให้เวลาหนูมาหกปีแล้ว และหลังจากนี้ก็เป็นเวลาของพี่บ้าง พี่ต้องการลูก ต้องการหนู คิดหรือว่าเงื่อนไขที่ให้พี่ทำนั่น พี่จะยอมตลอดไปน่ะ”
“แต่คุณแต่งงานแล้ว มีภรรยาอยู่แล้วนะ น่าจะนึกถึงหัวอกเธอบ้าง”
“พี่นึกถึงหัวอกของเมียพี่เสมอ อยากรู้ไหมว่าเมียชื่ออะไร วสุกัญญาไง คุ้นไหมชื่อนี้”
เธอไม่อยากคุยกับเขาอีก เลยหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไป ข่มอารมณ์ตัวเองเป็นนาน โดยมีเด็กหญิงสวรินทร์นอนคั่นกั้นอยู่ตรงกลาง เบญจมินทร์เดินตามเข้ามานอนยังนอนฟากของเขาในเวลาต่อมา รู้ดีว่าคืนนี้คงไม่มีใครได้นอนหลับเป็นแน่ เพิ่งมีปากเสียงกันแบบนั้น ใครล่ะจะหลับได้ลง
เสียงกรนเบา ๆ เงียบลงพักใหญ่ก่อนที่เจ้าของเสียงจะรู้สึกตัวตื่นในที่สุด วสุกัญญาพบว่าตัวของเธอกำลังนอนพาดอยู่บนแผ่นอกของใครสักคน
แล้วมันจะเป็นแผงอกของใครได้ ถ้าไม่ใช่ของเบญจมินทร์
ส่วนลูกที่นอนกั้นกลางอยู่เหตุใดจึงได้ย้ายไปนอนที่อีกฟากของเขาแล้ว ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าเบญจมินทร์นอนคั่นกลางระหว่างเธอกับลูกสาว