ไม่ว่าแอร์โฮสเตส หรือสาวๆ ที่โดยสารมาในชั้นเดียวกัน พวกหล่อนพยายามส่งสายตาให้เขา แต่ออสตินอารมณ์เสียเกินกว่าจะสานสัมพันธ์ เขาเร่งเดินทางเมื่อเครื่องแลนดิ้งลงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ และสิ่งเดียวที่เขาโมโหจนแทบกระอักคือขบวนรถยาวเหยียดบนท้องถนน กับควันพิษที่ลอยฟ่องในอากาศเหนือศีรษะ เขาหงุดหงิด เขาโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ...
ออสตินภาวนาให้ตัวเองไปทันเวลา!!
เขามองผ่านกระจกรถยนต์ พร้อมกับสบถในคอ
“โว้ย! จะไปไหนกันหนักหนาวะ...”
มันเป็นความโชคร้ายที่ออสตินเดินทางมาในวันเปิดเทอมวันแรกของนักเรียน...ไม่แปลกหรอกที่รถยนต์ในกรุงเทพฯ จะมีมากขนาดนี้ เมื่อคนแห่ไปซื้อรถยนต์ส่วนตัวมาใช้ เพราะการจัดโปรของรัฐบาล ช่วงหนึ่ง! มันจึงทำให้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย มีรถยนต์ใช้เกือบทุกบ้าน...
แต่มันเป็นความซวยของออสติน!!
กว่าห้าชั่วโมงบนท้องถนน เขามาถึงโดยสวัสดิภาพ โซเยอร์เอ็นเตอร์ไพรส์ สาขาประเทศไทย...ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เขาแหงนมองคอตั้งบ่า...ก่อนจะเดินอาดๆ เข้าไปในนั้น
เป็นปรกติที่ไม่ว่าออสตินจะปรากฏตัวที่ไหน? เขามักจะได้รับความสนใจจากสาวๆ เมื่อเขาคือสุภาพบุรุษสุดเวหา...ที่ความหล่อเหลาเทียบเท่าดาราฮอลลีวูดชื่อดังหลายคน
ผมสีน้ำตาลอมทองจัดทรงตามสมัยนิยมเปี๊ยบ! หวีเรียบกริบ แต่อาจจะยุ่งสักนิดเพราะแรงลม ดวงตาสีฟ้าสวยแพรวพราว ไรเคราจางๆ ที่ปลายคางกับจมูกโด่งแหลม...กับสูทยี่ห้องดังในมาดผู้บริหาร...แรงดึงดูดที่ใหญ่หลวงของออสติน คือนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองฝังเพชรรุ่นอันลิมิเต็ดที่ส่องแสงพริบพราวยามเมื่อเขายกข้อมือขึ้นดูเวลา
เขามาทัน...
ชายหนุ่มได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดีเยี่ยม เขาถูกพาเข้าลิฟต์ พนักงานประชาสัมพันธ์สุดอึ๋มพาส่งถึงที่ แต่ดันปวดฉี่เสียก่อน จึงขอตัวเดินออกมาจากห้องประชุมใหญ่แล้วก็หลงทาง
เวรกรรม!
อัจฉรามองผู้ชายที่หมุนซ้ายหมุนขวาตรงหน้าด้วยความสนใจ เขาดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่ใบหน้าหงิกๆ นั่นทำให้เธอไม่อยากเข้าใกล้...แต่เขามาทำอะไรตรงหน้าห้องเก็บเอกสาร
หญิงสาวเข็นรถเข็นที่บรรทุกเอกสารมาเต็มคันรถ เธอมองผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ แต่จะให้เลยไปโดยไม่สนใจก็ไม่ได้เมื่อเป็นทางผ่านของตัวเอง
“ต้องการความช่วยเหลือไหมคะ?”
อัจฉราถามด้วยความหวังดี เมื่อเข็นรถเข็นตัวเองไปถึงพอดี
ชายหนุ่มกวาดตาขึ้นๆ ลงๆ ผู้หญิงคร่ำครึ! แต่งตัวเหมือนอยู่ในโบสถ์นางชี ใส่กระโปรงยาวกรอมเท้าสีทึมๆ กับเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวจรดข้อมือ ผมสีดำถูกรวบด้วยตาข่ายคลุมผมสีดำ เขาเลิกคิ้วขึ้น นึกอึ้งๆ ในใจ ยังมีคนใช้อุปกรณ์คลุมผมแบบนี้อยู่อีกหรือ? เมื่อคะเนจากหน้าตา ผู้หญิงตรงหน้าไม่น่าจะเกินสามสิบเมื่อเธอหน้าใสวิ้ง! เพียงแต่แต่งกายโบราณไปสักนิด
“ฉันหลงทาง...กำลังจะหาทางไปห้องประชุมผู้บริหารอยู่ ถ้าเธอช่วยได้ก็ดี!” เสียงไว้ตัวจนอัจฉรารู้สึกหมั่นไส้
“ค่ะ...รู้ เดี๋ยวฉันพาคุณไปส่งเอง...แปลกนะคะ อายุอานามก็น่าจะเกินเด็ก ปุ่มสัมผัสทิศของคุณบกพร่องหรือไงคะ? ทำไมหลงมาไกลได้ขนาดนี้”
ออสตินหนวดกระตุก ยัยป้าหน้าเด็กนี่มีสิทธ์อะไรมาวิจารณ์เขา...ก็แค่เดินตามแม่สาวทรวดทรงดินระเบิด ที่เวลาเดินแต่ละทีแก้มก้นขยับซ้าย ขยับขวาดึ๋งดั๋งชวนมอง เลยหลงมาไกลสุดกู่ คลำทางหาทางกลับไปที่ห้องเดิมไม่ได้ แถมแม่สาวคนนั้นก็หายลับไม่เห็นแม้แต่เงา แต่กลับมาเจอยัยป้าแต่งตัวไร้รสนิยมแทน
“ฮึม! รังเกียจฉันเหรอ?” ออสตินคำรามเสียงก้อง เขากระชากยัยป้าหน้าเด็ก เข้าไปในห้องเก็บเอกสารที่มืดสนิท แค่อยากขู่ไม่ได้คิดเกินเลย…จริงๆ ให้ตาย
แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินออกมาจากกายบอบบางทำให้การยับยั้งของเขาไม่ทำงาน ปลายจมูกโด่งๆ จึงฝังซอกซอนลงไปตามลำคอเรียว พร้อมกับสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ เก็บเอาไว้ในปอด โอบรัดร่างบอบบางให้แน่นขึ้น เบียดกายกำยำเข้าหา ตะโบมจูบแรงๆ ให้เธอรู้สึกเจ็บ! และริมฝีปากร้อนผ่าวก็ทาบทับกลีบปากอิ่ม ก่อนจะบดคลึงช้าๆ ใช้ไรฟันแย้มริมฝีปากนุ่มนิ่ม ดูดซึมความหวานละไมในอุ้งปากของเจ้าหล่อนอย่างลำพอง
เสียงแหบต่ำถูกเค้นออกมาจากลำคอหนา “เป็นไง...รสจูบของฉัน พอจะทำให้เธอเปลี่ยนความคิดได้หรือเปล่า” “คุณ! ไอ้บ้า จูบห่วยๆ แบบนี้ฉันไม่สนใจหรอกยะ”
อัจฉราตวาดเสียงขุ่น เธออยากยกมือขึ้นเช็ดปาก เมื่อคราบน้ำลายเหนอะหนะยังคงค้างอยู่ตรงนั้น แต่ข้อมือตัวเองถูกตรึงด้วยอุ้งมือแข็งแรง เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ แววตาของเขาขุ่นมัวจนเธอสะท้อนใจ
“แล้วเธอจะเสียใจยัยป้ามหาภัย...ที่เธอพูดออกมาแบบนั้น” ออสตินพูดแล้วเขาก็กดจูบแรงๆ ลงบนปากจิ้มลิ้มนั้นอีกครั้ง คราวชายหนุ่มตั้งใจจริง เขาคิดจะล้างคำสบประมาทเกี่ยวกับจูบของตัวเอง
ครั้งนี้เขาตั้งใจจะทำให้ยัยป้าคร่ำครึ! สั่นสะท้าน และพร่ำละเมอหาแต่เขาแค่คนเดียว
ออสตินจึงไม่รอช้าปลายนิ้วเพรียวยาวของเขาตรึงท้ายทอยของสาวเคร่งเอาไว้ บีบบังคับกลายๆ ให้เธอแหงนหงายใบหน้าขึ้นรับจุมพิตของเขา...ให้ถนัดถนี่มากขึ้น ปลายลิ้นสากๆสอดแทรกเข้าไปในอุ้งปาก เริ่มซอกซอนเลาะเล็ม ดูดดื่มความหวานและเย้าหยอกเรียวลิ้นเล็กๆ ไล่ต้อนจนอัจฉราหัวหมุน หลงลืมตัว ฝ่ามือเล็กๆ ที่พยายามผลักดันกายใหญ่ออกไปให้หลุดพ้นไปจากตัวเอง ขณะนี้เธอกลับสวมกอดเขาเสียแนบแน่น เรียวขาเพรียวยาวสั่นพรั่บๆ เนื้อตัวสั่นสะท้าน กึ่งกลางร่างกายดูดตอดถี่ๆ เธอกระหายบางอย่างที่ไม่อาจตรัสรู้ได้? เป็นความรัญจวนที่ยากจะบรรยาย รู้แค่ว่าอยากให้ผู้ชายบ้ากามคนนี้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
ลมหายใจหอบๆ เป่ารดซอกคอหอมๆ หนักหน่วง เมื่อเขาลากริมฝีปากมาที่แก้มและคางของเธอ ออสตินอ้าปากงับเนื้ออ่อนๆ ตรงซอกคอ เขาลากปลายลิ้นเลาะเล็มผิวกายที่โผล่พ้นชายผ้าออกมาจนเปียกชื้น มือหนาลูบไล่ไล้แผ่นหลังบอบบาง บีบบี้คลึงเคล้นอย่างรุนแรง
อัจฉราหัวหมุน เธอตั้งรับไม่ทันกับการจู่โจมของคนแปลกหน้า ทำได้เพียงขยุ้มเสื้อสูทตรงกลางอกของอีกฝ่ายไว้ ชายหนุ่มช้อนสะโพกสวยกลมกลึง ยกร่างของเธอขึ้นจากพื้น และดันจนลำตัวเธอตรึงอยู่กับตู้เก็บเอกสารใบใหญ่ เพื่อพยุงร่างกายหล่อนไม่ให้รูดลงไปกองที่พื้นสกปรก
“ยะ อย่า” หญิงสาวร้องห้ามเสียงอ่อนแรง เมื่อชายหนุ่มพยายามแกะกระดุมเสื้อกลางอกของเธอออกไปให้พ้นทาง ออสตินเหลือบมองใบหน้าจืดชืดของยัยป้ามหาภัยด้วยแววตาโชนแสง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบปร่า...
“มีอะไร? หรือว่าป้ายังไม่เคย?” ชายหนุ่มถามเหยียด เขาคะเนว่ายัยป้าครึๆ ยัง ซิง!
เพี้ยะ! ใบหน้าคร้ามคมสะบัดจนหันเพราะแรงตบจากฝ่ามือเล็กๆ ของอัจฉรา อารมณ์เธอขาดผึ่งเพราะถ้อยคำดูแคลนจากปากโสโครกของอีกฝ่าย
“มือหนักเหมือนกันนี่คุณป้า แต่อย่าคิดว่าแค่นี้จะหยุดฉันได้”
“คุณจะเป็นใคร? ฉันไม่รู้ แต่ที่นี่ที่ทำงานไม่ใช่โรงแรมม่านรูด...คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!” อัจฉรากัดฟันพูด เธอผวาเยือก เมื่อชายหนุ่มกระชากเสื้อเธอแรงๆ จนรังดุมหลุดกระจาย
“ว้าย! อย่าบ้านะ”
“เปลี่ยนบรรยากาศไม่ชอบหรือไงคนสวย...รับรองป้าจะลืมวันนี้ไม่ลง”
“หยุดนะ! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายบริการจะได้คอยสนองความยากให้คุณได้ทุกที่” เธอเค้นเสียงแหบแห้งตอบกลับ
“จะเอาเท่าไรล่ะ ฉันยินดีจ่าย? บอกตามตรงนะป้า อยากเปิดซิงป้าอ่ะ ฉันเอาตำแหน่งเป็นประกันเลย ฉันเป็นCEO มาใหม่ หากทำให้ป้าถึง...ไม่ได้ ตามไปด่าได้ถึงห้องได้เลยนะคุณป้า”
“ทุเรศ! คิดต่ำๆ ไม่อยากเชื่อว่า CEO ของโซเยอร์เอ็นเตอร์ไพรส์จะคิดได้แค่เรื่องใต้สะดือ”
“แล้วป้าจะรู้ว่าสิ่งที่ฉันจะทำ มันเร้าใจเกินกว่าจะปฏิเสธ”
พูดจบออสตินก็กระแทกริมฝีปากของเขาบดขยี้กลีบปากของเธอแรงๆ เขาไม่สนใจเสียงร้องกระอึกกระอักในลำคอ ตั้งใจตะโบมกดเบียดริมฝีปากตัวเองและริมฝีปากของอีกฝ่าย ดูดซึมความหวานโดยไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือพอใจหรือเปล่าด้วยซ้ำ