ต้านรักบ่วงกามเทพ บทที่1.
สาวแกร่งแห่งหน้าประวัติศาสตร์
“ยัยอัจ! ฉันถามแกจริงๆ แกไม่คิดจะมี ‘ผัว’ เหรอไงหะ”
เสียงเพ็ญศรีเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มีสามีไปตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ แถมเวลานี้เธอยังมีภาระคือบุตรชายสองคน กับสามีจอมเจ้าชู้ที่ขยันสร้างเรื่องไม่รู้จักจบจักสิ้น
“เพ็ญ! แกก็รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ผู้ชายไม่ดี... ไม่มีเสียยังดีกว่า สบายใจสบายตัว ไม่มีเรื่องให้ปวดหัวด้วย” เธอพูดเสียงเรียบเฉย ตอบคำถามนี้กับเพื่อนเป็นร้อยครั้ง ก็ในเมื่อหาคนดีไม่ได้ สู้เธอครองตัวเป็นโสด ไม่ดีกว่าเหรอไง?
“แกไม่เหงาเหรอ? ฉันถามแกจริงๆ”
เหงาเหรอ? ไม่นะ เธอมีงานทำ มีบ้านอยู่ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ที่สำคัญมีสุนัขแสนรู้เป็นเพื่อน ก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะเหงานี่นา
“ไม่นี่...ฉันมีอะไรๆ ให้ทำจนไม่มีเวลาเหลือพอให้เหงา”
“ความจริง.. แกโสดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอัจ หากฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็คงไม่เอาหรอก ‘ผัว’ นี่ มันมีแต่เรื่อง” เพ็ญศรีพูดพร้อมกับถอนลมหายใจพรวดๆ ไอ้ผัวตัวดีหายหน้าไปสามวัน ยังไม่โผล่มาให้เห็นหัว ทิ้งให้เธอวุ่นวายกับลูกชายที่ซนเหมือนลิง เพียงลำพัง
“ไอ้เปรตธงนั่นหายตัวไปอีกแล้วสิ!” ธงชัยเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทั้งสองคนตัดสินใจอยู่กินหลังเรียนจบ โดยไม่ผ่านพิธีใดใดทั้งสิ้น ใหม่ๆ ก็รักกันเหนียวแน่นดี แต่หลังเพ็ญศรีมีบุตรคนแรก ธงชัยก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คงเป็นเพราะเขาหันไปยึดอาชีพเซลส์แมน...จึงทำให้มีช่องทางมากพอที่จะเถลไถล และอัจฉราก็รับรู้มาโดยตลอด
“อืม...สามวันแล้ว ยังไม่ส่งข่าวมาเลยจ้ะ”
“แกไม่เตือนผัวแกบ้างล่ะเพ็ญ?”
“ฉันพูดจนปากจะฉีก มันฟังที่ไหนกันล่ะ! แต่ก็ยังดีนะที่ธงยังแบ่งเงินเดือนของเขามาให้ฉันใช้บ้าง”
ใบหน้าของเพื่อนหมองเศร้าและดูแก่กว่าวัย เมื่อแบกความทุกข์เอาไว้ในใจจนหลังแทบหัก
“หมายความว่าไงเพ็ญ?”
“เห้อ! ช่างมันเถอะอัจ...ธงมันไม่ก่อเรื่อง...ก็นับว่าดีแล้ว”
“แล้วแกจะปล่อยให้มันทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอไง?”
อัจฉราไม่เข้าใจ เมื่อผลพวงของความรักคือบุตรชาย ทั้งสองคนต้องร่วมกันรับผิดชอบสิ ไม่ใช้ทิ้งให้เป็นภาระของผู้หญิงคนเดียว มันเห็นแก่ตัวเกินไป และไม่ยุติธรรมสักนิด เพราะต่างคนต่างทำงาน แต่หน้าที่รับผิดชอบส่วนใหญ่ ทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายแบกรับไว้เพียงคนเดียว
“เป็นฉัน...ฉันไม่ทนหรอกเพ็ญ”
“อัจ...แกโชคดีแล้วล่ะที่ไม่มีภาระกวนตัว...แล้วถ้าฉันไม่ทน...ลูกฉันจะเป็นไงล่ะ เพราะถ้าทะเลาะกัน มันก็ต้องจบด้วยการแยกทาง...ถึงธงมันจะเลวแกวยังไง...มันก็ยังเป็นพ่อของลูกฉันนะ”
ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายทน เพราะไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา จึงต้องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่บ้าง ปล่อยให้สามีออกไปสำเริงสำราญนอกบ้าน...แต่...มันไม่ยุติธรรม!
ในอดีต...ขุนแผน...มีเมียห้าคน
พระอภัยมณีก็ไม่ได้น้อยหน้า มี ห้าคน เช่นกัน
พระลอมีเมียแล้ว...ก็ยังมาหลงรักพระเพื่อน พระแพง
ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน...ผู้ชายหาดีไม่ได้สักคน...
แล้วอย่างนี้จะให้เธอยอมตกนรกทำไม? สู้เธอชิลๆ แบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ เมื่อหาความซื่อสัตย์ในกมลสันดานของเพศชายไม่ได้เลย
แล้วมันจะแปลกตรงไหนหากเธอจะต้านลิขิตกามเทพ ด้วยการไม่มีคู่ครอง...
อัจฉราตั้งมั่นชาตินี้เธอจะไม่มี ‘ผัว’
ผู้ชายที่จะกระชากอัจฉราลงจากคาน
“เธอๆ เห็นข่าวลือ แว่วๆ ว่าCEO คนใหม่ที่จะมานี่หล่อสะเด็ดเลย!! จริงหรือหลอกล่ะจ๊ะ”
เสียงซุบซิบของสาวๆ ในออฟฟิต เมื่อมีการเปลี่ยนโผผู้บริหารครั้งใหม่และสาวๆ ที่โสดพากันตื่นตัว มีเสียงเล่าลือหนาหู เมื่อผู้ชายในหัวข้อสนทนา โสดสนิท แถมเป็นผู้บริหารระดับสูง หากสาวคนไหนโชคดี ถูกตาต้องใจ จะกลายเป็นคุณนายเลยเชียวแหละ เมื่อออสติน ไรเดอร์ มีปูมหลังที่หน้าสนใจ เขาเป็นลูกหลานของอัศวินในอดีต นามสกุลเขาถูกพระราชทานโดยกษัตริย์...และทรัพย์สมบัติติดตัวของเขาก็มีไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นสาวๆ จึงฟันธงให้เขาเป็นผู้ชายสุดเพอร์เฟค แต่อัจฉราเฉยๆ
เมื่อออสตินเป็นผู้ชายในแบบที่เธอกากบาทสีแดงคาดไว้ตรงกลางหน้าผาก เขาคือผู้ชายอันตราย! ไม่สมควรอยู่ใกล้ให้เกิดอันตรายกับตัวเอง สายตาของเขาเหมือนใบมีดโกน ที่พร้อมจะปาดกระโปรงของผู้หญิงให้หลุดร่อนลงไปกองที่พื้น โปรไฟล์ของเขาสวยหรูพอที่จะหลอกล่อแมลงเม่าหน้าโง่ให้บินเข้าไปล้อเล่นกับเปลวไฟ แล้วก็ถูกเผาทำลายด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง
“จริงสิ...ฟันธง! ตอนนี้ก็แค่รอว่าเอกสารแต่งตั้งจะตกมาวันไหน วันนั้นฉันจะยอมลงทุน แต่งหน้าทำผมชุดใหญ่ เผื่อสะดุดตาท่านประธานบ้าง...แค่หันมามองฉันก็ดีใจแล้วล่ะ”
อัจฉรากลอกตา สาวๆ พวกนี้คิดอะไรกัน ยอมควักกระเป๋าลงทุนกับเรื่องไร้สาระ หากผู้ชายคนนั้นไม่หันมามองเล่า มันจะเปล่าประโยชน์หรือเปล่า ก็เมื่อเห็นพูดกันปาวๆ ว่าทั้งหล่อและรวย คนในสังคมเดียวกันกับเขา ไม่มีคนสวยคนงามบ้างหรือไร แล้วเขาจะมามองอะไรกับพนักงานระดับล่างให้เสียสายตาทำไม? ไม่มีซิลเดอเรลร่าในยุคนี้สมัยนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่โชคดีได้เจ้าชายมาเป็นคู่ครอง เพราะยุคนี้ สมัยนี้ ผู้ชายมักจะสวมหนังแกะเพื่อหลอกตา เขาปกปิดปีศาจหมาป่าไว้เบื้องหลังหนังแกะอ่อนนุ่ม หลักฉีกกระชากพรหมจรรย์ของสาวๆ หน้าโง่ไปจนหมด เขาถึงจะเผยตัวตนจริงๆ ให้เห็น เธอมีบทเรียนให้มองเห็นจนนับไม่ถ้วน จากคนใกล้ตัว หรือเพื่อนๆ ในที่ทำงาน ไม่มีผู้หญิงคนไหนมีสีหน้าซ่านสุข หลังความหวานจืดจางลง เธอมีแต่ใบหน้าอมทุกข์ที่ค้างคาอยู่
อัจฉราจึงไม่สนใจ เมื่อเธออยู่แผนกบัญชีที่แทบจะไม่ได้พบเจอผู้บริหารระดับสูงอย่า CEO เลย
“แกไม่สนใจCEO คนใหม่บ้างเหรออัจ?” เสียงเพ็ญศรีถาม หลังจากเธอเดินกลับมาที่ห้องทำงาน เมื่อออกไปถ่ายเอกสารกองโตด้านนอก
“ไม่! คนอย่างเขาไม่มองแค่คนระดับเราหรอกเพ็ญ หวังโดยไม่มีหวัง จะเสียเวลาทำไม?”
เพ็ญศรียิ้ม ในหลักความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น ไม่มีเศรษฐีที่ไหนมองคนที่ต่ำกว่าตัวเอง ส่วนมากมันต้องเงินต่อเงิน มันถึงจะเจริญก้าวหน้า มีแต่ในหนังสือนวนิยายเท่านั้น ที่มหาเศรษฐีจะมองคนยากจนมันเป็นแค่จินตนาการแค่นั้นเอง
“เห็นสาวๆ ข้างนอกพากันกรี๊ด!”
“ก็น่ากรี๊ดหรอก ดูจากโปรไฟล์เขา มันน่าสนหยอกเมื่อไร สมบูรณ์แบบ เพอร์เฟค”
อัจฉรายิ้ม เธอจัดเอกสารลงแฟ้ม แล้วก็หมดความสนใจเรื่องของออสติน เมื่อเขาเปรียบเหมือนเจ้าชายที่อยู่บนยอดหอคอยงาช้าง ไม่มีวันลงมาเฉิดฉายแถวๆ แผนกบัญชี
แต่ใครจะรู้? โชคชะตามักจะเล่นตลกกับวิถีชีวิตของมนุษย์ มันจึงไม่แปลกที่เจ้าชายบนหอคอยงาช้าง จะแวะมาโฉบใกล้ๆ มนุษย์เดินดินธรรมดาอย่าง...อัจฉรา...
มันคือโชคชะตา หรือว่าพรหมลิขิต?
เจ้าชายกับยัยป้า
ออสตินกำลังเซ็ง เมื่อต้องผละจากคู่ขาสุดอึ๋มเพื่อมารายงานตัวรับตำแหน่งใหม่ที่ประเทศไทย ประเทศเล็กๆ ที่ชายหนุ่มไม่เคยคิดจะแวะเวียนมา เพราะอากาศและยังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างที่เขาเคยชิน...แต่ต้องจำใจมาเมื่อเพื่อนเลิฟ ขาโหดบีบบังคับ...ความจริงชายหนุ่มปฏิเสธไปก็ได้ แต่ถ้อยคำของปาร์คเกอร์ โซยอร์พูดเปรยๆ มันกระตุ้นต่อมผยอง เขาไม่ชอบให้ใครดูถูก เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมมา มาเพื่อพัฒนาสาขาในประเทศไทย ให้ผงาดขึ้นไปเทียบทุกสาขาที่เขาเคยบริหารมาก่อน
โดยมีเดิมพันคือวันหยุดยาวๆ กับเรือสำราญที่มีสาวน้อย สาวอึ๋มเต็มลำเรือ...ท่ามกลางบรรยากาศของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสรวงสวรรค์ที่ไร้คนสอดส่อง!
ชายหนุ่มมัวสนุกจนลืมเวลา และเมื่อจวนตัวจึงจำต้องมาแบบไม่ได้ส่งข่าวมาล่วงหน้า เขาทนนั่งขดตัวบนชั้นประหยัด เมื่อตั๋วเฟริ์สคลาสดันเต็ม และเวลากระชั้นเข้ามาทุกที มันเป็นสันดานของนักบริหารมือดี พวกเขารักษาเวลา และเป็นคนเคร่งครัด ออสตินก็เช่นกัน