“ค่ะพี่ ไม่ทราบพี่เพ็ญมีอะไรให้เค้กรับใช้คะ” หญิงสาวมักจะล้อเลียนเลขาเจ้านายแบบนี้บ่อยครั้ง
“ดูพูดเข้าสิคะ ใครจะกล้าใช้ไดเร็กวาทศิลป์อร์คนสวยกันคะ ท่านประธานโน่นค่ะ แกเชิญน้องเค้กที่ห้องค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ”
“พี่เพ็ญพอจะทราบมั้ยคะ ว่าจะคุยเรื่องอะไร เค้กจะได้เตรียมเอกสารไปถูกค่ะ”
“ท่านไม่ได้บอกไว้ค่ะ แต่ถ้าให้เดา ก็น่าจะเรื่องตำแหน่งใหม่ของน้องเค้กมั้งคะ”
“โอเคค่ะพี่”
นัดดากรคว้าไอแพดส่วนตัวติดมือไปด้วย แม้ไม่รู้ว่าเจ้านายใหม่จะเรียกคุยเรื่องอะไรกันแน่ก็ตาม มันรู้สึกแปลกๆ ตอนเดินออกประตูไป เพราะโต๊ะของเพ็ญศรีก็ตั้งอยู่ห่างจากหน้าห้องเธอไม่กี่ก้าว เมื่อก่อนเจ้านายเก่าใช้เลขาด้วยกัน
ส่วนตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าผังงานจะเป็นยังไง และปกติแล้ว เธอไม่ค่อยเห็นเจ้านายทั้งสองเดินไปหากัน โดยผ่านประตูหน้า แต่จะใช้ประตูกลางตรงผนังมากกว่า
แล้วเธอจะไปใช้ได้ยังไง ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้านายนี่นา หรือถ้าเป็นมันก็นานมาแล้ว และเธอก็คงเป็นหนึ่งในร้อย หรือหลายร้อยของผู้หญิง ที่เขาใช้เงินซื้อหาไปบำรุงบำเรอความสุขเท่านั้น
คิดถึงตอนนี้ก็เกิดอาการเจ็บจี๊ดๆ อยู่กลางอก แต่ถ้าจะคิดให้ดีและถี่ถ้วนขึ้น การที่เขามีผู้หญิงผ่านมาในชีวิตเยอะ มันก็ดีอีกแบบ โอกาสที่เขาจะจำเธอไม่ได้ ก็น่าจะมีสูงขึ้น
“เชิญค่ะน้องเค้ก ท่านประธานอยู่ข้างในค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่เพ็ญ”
นัดดากรไม่อยากจะคิดไปเอง แต่ก็รู้สึกว่าวันนี้ เพ็ญศรีมองมาหาด้วยสายตาเอ็นดู ท่าทีก็อ่อนหวานกว่าเมื่อก่อน อันที่จริงบุคลิกเหล่านี้ก็มีติดตัวเลขาใหญ่อยู่แล้ว
เรียกได้ว่าทำตัวเป็นกลาง ไม่สนว่าใครจะขัดแย้งกับใคร หรือใครจะอยู่ฝ่ายไหน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เดินมาหน้าห้องนี้ เพ็ญศรีก็จะมีแต่ความเป็นมิตรมอบให้ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนเกรงใจและไม่กล้าหือ
เพราะฝีมือการทำงานกับผู้บริหารระดับใหญ่ๆ มาไม่น้อยกว่าสามสิบปี และการวางตัวที่เหมาะสม มีความเป็นผู้ใหญ่สูง ไม่ใช่แก่แค่อายุ แต่นิสัยเด็กๆ เหมือนพวกผู้หญิงทางฝ่ายบางคนที่เธอเห็น
“เชิญครับ”
พอเข้าไปในห้อง ท่านประธานก็ผายมือเชื้อเชิญด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ แม้จะไม่กล้ามองตรงๆ แต่เห็นแค่แวบเดียว นัดดากรก็ยังรู้สึกว่าเขาหล่อระเบิดไม่เปลี่ยนเลย หรืออาจจะหล่อกว่าเดิม และมาดเข้มยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“ห้องทำงานใหม่เป็นยังไงบ้างครับ ถูกใจคุณเค้กหรือเปล่าครับ?”
ท่านประธานรูปหล่อยิ้มน้อยๆ ให้ไดเร็กเตอร์ป้ายแดง วันนี้มาในชุดสีชมพูอ่อนๆ กระโปรงทรงสอบสั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อยเวลายืน แต่ถ้านั่งลงแล้วไม่มีอะไรบังไว้ เขาบอกได้คำเดียวว่า
‘กลับไปเปลี่ยนได้มั้ยที่รัก’ ถ้าต้องไปนั่งกับผู้ชายอื่น แต่ถ้านั่งกับเขานั้นไม่เป็นไร เขาโนสนโนแคร์
ส่วนเสื้อนั้นเป็นแขนยาว คอกลม มีกระดุมเม็ดใหญ่ๆ หุ้มด้วยผ้าแบบเดียวกับชุด ติดไว้ทั้งซ้ายขวาข้างละสี่เม็ด เท่าที่มองดูนั้นไม่มีรังดุม แปลว่าต้องติดแบบหลอกๆ ไว้ คงจะเป็นแบบซิปที่ซุกไว้ด้านหลัง หรือไม่ก็ข้างแน่ๆ จะเป็นยังไงกันนะ ถ้าเขากำลังใช้มือค่อยๆ รูดมันออก
เอวเล็กๆ นั้น มีเข็มขัดสีทองเส้นเล็กคาดเอาไว้ ส่งให้สะโพกดูผายตึง น่าแตะต้องไม่น้อย และด้วยความสวยของเธอที่เตะตาโดดใจใครต่อใครเวลาได้พบเห็น โดยเฉพาะเพศตรงข้าม
เขาไม่แปลกใจเลย ว่าถ้าเธอไปติดต่องานแล้วจะไม่มีใครปฏิเสธ เจ้าของเดิมถึงได้เอ่ยปากชมเธอไม่ขาด และเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ จนเขาได้ยินแว่วๆ ว่าอาจจะชวนเธอไปทำงานด้วยกันที่ใหม่ก็เป็นได้
นั่นเป็นอะไรที่เขาไม่คิดจะยอม ต่อให้เธอไม่ได้เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยง ที่หารายได้เข้ามาให้แม้แต่บาทเดียว เขาก็ไม่สน หรือต่อให้เธอทำอยู่แผนกครัว ที่วันๆ ไม่ต้องเจอแขกสักคน เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอหลุดมือไปไหนอีกแล้ว
เธอเป็นของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง และจะยังต้องเป็นตลอดไป ใครหน้าไหนก็จะมายุ่งไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้าผู้จัดการฝ่ายขาย ที่ขยันมาขายขนมจีบให้เธอ ลองดูสิ! ก็เขาให้เข้ามานั่งทำงานในห้องติดกับเขาขนาดนี้แล้ว มันยังจะกล้ามาข้องแวะอีกหรือเปล่า
“มีห้องทำงานส่วนตัว ใครจะไม่ถูกใจล่ะคะ? แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ ว่าคุณ เอ๊ย ท่านประธาน ให้ฉันเข้ามานั่งในห้องนั้นทำไมคะ”
“ก็คุณเค้กถูกโปรโมตขึ้นมาเป็นระดับไดเร็กเตอร์แล้วนี่ครับ ผมต้องมีห้องส่วนตัวให้อยู่แล้วครับ อีกหน่อยก็จะมีห้องสำหรับไดเร็กเตอร์คนอื่น ที่ผมกำลังหาอยู่มาอีกหลายห้องครับ เดี๋ยวช่างคงจะมาทำห้องในไม่ช้านี่ล่ะครับ รอบๆ ชั้นที่เราอยู่ทั้งหมด จะเต็มไปด้วยห้องส่วนตัวของไดเร็กเตอร์ทุกคนครับ”
“ค่ะ”
นัดดากรดีใจไม่น้อย ที่ไม่ได้ถามเขาไปมากกว่านี้ เพราะคิดว่าเขาจงใจให้เธอมาใช้ห้องนี้คนเดียว แต่ในเมื่อจะมีห้องของคนอื่นตามมา เขาก็คงจะจำเธอไม่ได้กระมัง น่าจะทำไปตามแผนงานกระมัง
“ก่อนจะคุยเรื่องอื่น ผมขอเริ่มเรื่องเงินเดือนก่อนก็แล้วกันนะครับ”
“ค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณเค้กอยากจะขอเพิ่มอีกเท่าไหร่ครับ?”
“ฉัน...”
“ได้โปรดแทนตัวเองว่าเค้กกับผมเถอะครับ ผมชอบ”
“เอ่อ...ค่ะ”
“คุณเค้กอยากได้เพิ่มอีกเท่าไหร่ครับ สักสามหมื่นจะพอใช้มั้ยครับ?”
“คะ?”
นัดดากรไม่มีวันลืมคำพูดของเขา ที่สั่งเธอในวันนั้นแน่ แล้วก็จ้องมองหน้าเขา เพื่อค้นหา ว่าจริงๆ แล้วเขาจงใจพูดออกมาหรือแค่บังเอิญกันแน่
“ตัวเลขไม่โอเคเหรอครับ ไม่ชอบสามหมื่นเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ”
“หรือว่าคุณเค้กอยากได้เพิ่มอีกเหรอครับ?”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้างั้นก็ตกลงเพิ่มอีกสามหมื่นนะครับ ผมจะได้ลงในสัญญาว่าจ้างนี้เลย”
นัดดากรมองเอกสารบนโต๊ะ วางอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความงง ว่ามันมาอยู่ได้ยังไง แต่นักธุรกิจอย่างเขามีเวลาน้อย คงสั่งเลขาจัดหามารอแล้วแน่ๆ
“ค่ะ”