วันต่อมา
“อ่าวคีริน วันนี้แกไม่ได้ไปทำงานเหรอวะ…พี่ก็คิดว่าแกจะออกไปทำงานแล้วซะอีก…” คิรากรพี่ชายของคีรินเอ่ยถามออกไป เพราะปกติน้องชายเขาจะไปนอนบ้านแพรไหมแล้วก็จะเลยไปทำงานเลย แต่แปลกที่วันนี้น้องชายของเขากลับอยู่ที่บ้าน
“เมื่อคืนผมไปงานวันเกิดของไอ้ทินมันมาน่ะก็เลยไม่ได้ไปนอนบ้านไหม กลับดึกดื่นแบบนั้นผมก็เกรงใจพ่อตาแม่ยายของผมเหมือนกันนะพี่…แล้วนี่พี่ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไง ผมว่าพี่คืนดีกับพี่อั้มเขาได้แล้วมั้ง….” คีรินพูดบอกไปก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหารทันที ก่อนจะเอ่ยถามพี่ชายไปอย่างอดไม่ได้ เพราะนี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วที่พี่ชายกลับมาอยู่ที่บ้าน ไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านตัวเองสักที
“แกรู้ได้ยังไงว่าฉันทะเลาะกับอั้มเขาน่ะ…หรืออั้มเขามาพูดอะไรกับแกหึคีริน…” คิรากรเห็นน้องชายพูดแบบนั้นก็เอ่ยถามออกไปอย่างอยากรู้ทันที
“เปล่า พี่อั้มเขาไม่ได้มาพูดอะไรกับผมเลย แต่ทุกครั้งที่พี่ทะเลาะกับพี่อั้ม พี่ก็ถูกเขาไล่ออกมาทุกทีไม่ใช่เหรอ คราวนี้พี่ทำอะไรผิดอีกล่ะ” คีรินตอบไปก็เอ่ยถามพี่ชายไปอย่างรู้ทัน เพราะสาเผตเดียวที่ทำให้พี่ชายของเขานั้นกลับมานอนบ้านได้ก็เพราะโดนเมียไล่ออกจากบ้านมานั่นแหละ
“เฮ้อ…ฉันแค่ลืมวันครบรอบที่คบกันแค่นี้ อั้มเขาก็งอนฉันบ่นว่าฉันไม่รักอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ไล่ฉันไม่ให้นอนที่บ้านด้วย แกดูสิวะฮัสลาน มนุษย์เมียนี่เป็นอะไรที่เข้าใจยากที่สุดเลย คบกันมาสิบกว่าแล้วใครจะไปจำได้ตลอดวะ วันครบรอบที่คบกัน วันครบรอบแต่งงาน วันครบรอบที่ขอเป็นแฟน ขอแต่งงาน แล้วก็อีกอะไรเยอะแยะ ฉันจะไปจำให้หมดได้ยังไงวะ…แล้วนี่จะอาทิตย์แล้วนะ เขายังไม่คิดจะโทรตามฉันกลับบ้านเลย ไม่รู้จะงอนอะไรนักหนา….”คิรากรพูดไปแบบบ่นๆ เพราะเขานั้นจำไม่ได้และไม่มีของขวัญอะไรให้เธอก็งอนแล้วไล่เขาออกมาเลย จนตอนนี้เธอยังไม่โทรมาตามเขากลับบ้านเลย
“อืม…ก็พี่เคยจำได้แล้วก็ให้ความสำคัญกับวันพวกนี้มาตลอดนิ มันก็ทำให้พี่อั้มเขาคิดว่าพี่จะทำให้เขาแบบนั้นทุกปีๆสิ แล้วเขาไม่โทรตามพี่กลับบ้านพี่ก็จะไม่กลับหรือไง…ผมว่าพี่กลับไปง้อพี่อั้มเขาเถอะ อย่าปล่อยให้ห่างเหินกันแบบนี้เลย…เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นพ่อม่ายหรอก” คีรินพูดบอกไปอย่างให้คำปรึกษากับพี่ชาย
“ไม่มีวันซะหรอก…ถึงเมียฉันจะขี้งอนขี้บ่นแค่ไหนแต่พวกฉันกับอั้มก็ไม่เคยคิดหย่ากับกันเลยนะโว้ย…
งั้นวันนี้ฉันลองกลับไปที่บ้านหน่อยดีกว่าว่ะ แต่ถ้าอั้มเขายังงอนฉันอยู่ ฉันจะทำยังไงวะ…” คิรากรพูดไปแล้วก็คิดว่าเขาก็ควรจะกลับบ้านแบบที่น้องชายพูดได้แล้วล่ะ แต่ถ้าเมียเขายังงอนเขาอยู่ล่ะ เขาจะทำยังไง
“พี่ก็ใช้วิธีเดิมของพี่นั่นแหละ พี่อั้มเขาอยากจะได้อะไรพี่ก็จัดไปเลย…จะแพงแค่ไหนก็อย่าไปสน เมียอยากได้ก็จัดไปซะ…เขาจะได้มีความสุข…” คีรินพูดบอกไป เพราะพี่สะใภ้ของเขาน่ะชอบสะสมกระเป๋าแบรนด์หรูมาก ยิ่งหายากแค่ไหนก็ยิ่งชอบ
“ห้ะ…อีกแล้วเหรอวะ…คราวก่อนฉันเจอกระเป๋าใบละสองล้านเลยนะคีริน…คราวนี้ฉันจะหากระเป๋าอะไรไปง้อเขาอีกวะเนี่ย…” คิรากรพูดออกไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะง้อเมียแต่ล่ะทีเขาต้องเสียเงินเป็นล้านเลย
“พี่ก็ไปหาเอาละกันเพราะวันนี้ไหมเขาก็ไม่อยู่ด้วย ผมคงจะแนะนำอะไรพี่ไม่ได้ พี่ก็ไปเลือกเอาคอลเลคชั่นใหม่ๆ ที่หายากๆแค่นั้นเอง ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอก…. ฮ่าๆ” คีรินพูดแซวพี่ชายไปแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“เฮ้อ…แกไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันเลย แล้วนี่แกจะตามไปหาเมียกับลูกแกไหมเนี่ย” คิรากรพูดไปแล้วมองค้อนใส่น้องชาย ก่อนจะถามเรื่องน้องชายบ้าง
“ไม่ไปแล้วพี่ ไหมเขาจะให้ธิชามาส่งที่บ้านน่ะ อีกอย่างผมก็มีธุระสำคัญที่จะต้องจัดการด้วย” คีรินพูดบอกไปเพราะเขายังไม่อยากให้เรื่องนี้ให้ใครรู้ เขาอยากจะสืบหาความจริงก่อนเขาถึงจะบอกกับทุกคน
“อืม…โอเค งั้นก็จัดการธุระของแกไปก็แล้วกัน ฉันจะออกไปหาซื้อของไปง้อเมียฉันก่อน แล้วเจอกันไอ้น้องชาย..” คิรากรพูดบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วเอามือตบไหล่ของน้องชายเบาๆจากนั้นเขาก็เดินออกไป
ส่วนคีรินก็นั่งทานอาหารเช้าของเขาไปแบบหิวๆเพราะนี่ก็สิบโมงกว่าแล้วเขาพึ่งจะได้ลงมาทานข้าวเช้า พอทานอาหารเสร็จเขาก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้องนั่งเล่นแล้วก็เปิดทีวีดูแบบสบายๆ เพราะช่วงนี้พ่อแม่ของเขาไปเที่ยวยุโรปกันหลายเดือนเลย ทำให้ไม่มีใครมารบกวนเขา
บ่ายโมง…
เนวินก็เข้ามาในบ้านของคีรินตามที่นัดกันไว้พร้อมกับใส่ชุดตำรวจมาแบบเต็มยศเพราะวันนี้เขาไปเข้าเวรและเข้าประชุมด้วย จนคีรินนั้นมองเพื่อนหนุ่มแล้วเอ่ยแซวทันที
“หึๆ วันนี้มาซะเต็มยศเลยนะโว้ย….ปกติเห็นแกใส่แต่ชุดนอกเครื่องแบบ พอเห็นแกใส่แบบนี้แล้วแกดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยว่ะ” คีรินพูดไปก็มองเพื่อนแล้วก็ยิ้ม เพราะมันใส่ชุดตำรวจแล้วดูดีไม่น้อยเลย
“พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ช่วยหาหนอนบ่อนไส้ซะหรอก…ฉันใส่อะไรก็ดูดีโว้ย” เนวินพูดตอบไปแล้วทำหน้ามองบนใส่เพื่อนหนุ่มไป
“ไอ้เน แกอย่าเสียงดังสิวะ เดี๋ยวมีคนได้ยินหรอก ป่ะ ไปคุยกันในห้องทำงานของฉันกัน….ตามฉันมา” คีรินรีบมองซ้ายมองขวาแล้วพูดไปด้วยเสียงจริงจังมากขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วก็เดินนำเพื่อนหนุ่มไปที่ห้องทำงานของเขา
“หึๆ ไอ้นี่มันเปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วจริงๆ….” เนวินพูดไปก็ยิ้มส่ายหน้าไปมาทันที ก่อนจะเดินตามเพื่อนหนุ่มไปที่ห้องทำงาน
พอเดินเนวินเดินตามคีรินเข้ามาในห้องทำงานแล้วเขาก็มองสำรวจไปทั่วห้องทำงานของเพื่อนหนุ่มอย่างสังเกต ส่วนคีรินก็ล็อคประตูแล้วก็เดินมาหาเพื่อนของเขา
“แกซ่อนกล้องวงจรปิดไว้ตรงไหนวะ ทำไมฉันไม่เห็นมีเลยสักตัว” เนวินเอ่ยถามออกไป เพราะเขามองไปรอบๆแล้วไม่เห็นมีกล้องวงจรปิดเลยสักตัว
“กล้องวงจรปิดของฉันก็อยู่ที่กล้องถ่ายรูปที่ตั้งโชว์ตรงนั้น แล้วก็ตรงมุมนั้นไง ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันมีกล้องวงจรปิดที่นี่ก็เลยให้ช่างเขาดัดแปลงกล้องถ่ายรูปนั่นให้เป็นกล้องวงจรปิดน่ะ….”คีรินพูดบอกไปก็ชี้กล้องวงจรปิดที่เขานั้นดัดแปลงให้เป็นกล้องถ่ายรูปที่เขาตั้งโชว์เอาไว้แบบแนบเนียน
“โอ้โห…แกนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกันนะโว้ย…ถึงกับทำดัดแปลงขนาดนี้เลยเหรอวะ…สุดยอดเลยว่ะคีริน…” เนวินพูดชมเพื่อนหนุ่มไปแล้วยิ้มออกมา เพราะการทำแบบนี้ทำให้คนที่คิดจะมาขโมยอะไรนั้นสังเกตไม่ได้ ขนาดเขายังไม่รู้เลยถ้าคีรินไม่บอกเขาน่ะ
“ก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมบ้างสิวะ ที่บริษัทฉันก็มีกล้องแอบไว้เหมือนกัน เพราะบางทีมันอาจจะมีคนทำลายกล้องตัวหลักก็ได้ใครจะไปรู้ ดังนั้นฉันต้องทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ จะได้ไม่มีใครมาเหยียบบนจมูกเสืออย่างฉันได้ไงวะ….แกอย่ามัวแต่พูดมากเลย…รีบสืบดูได้แล้วไป…” คีรินพูดบอกไปแล้วก็มองเพื่อนหนุ่มแบบจริงจัง
“เออๆ งั้นเริ่มจากดูกล้องวงจรปิดที่แกซ่อนเอาไว้นั่นแหละ มุมกล้องที่แกซ่อนไว้ทั้งสองตัวก็เหมาะมากๆ ตัวหนึ่งส่องด้านหน้า อีกตัวส่องด้านข้าง…ฉันว่าถ้ามีใครมาแอบขโมยดูงานของแกก็คงจะเห็นชัดเจนเลย” เนวินพูดวิเคราะห์ไปตามความคิดของเขา
“งั้นฉันจะเข้ารหัสกล้องวงจรปิดให้แกดูละกัน…” คีรินพูดบอกไปก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา ก่อนจะกดเปิดคอมแล้วก็นั่งรอให้มันเริ่มทำงาน พอหน้าจอสว่างขึ้นพร้อมที่จะใช้งานแล้ว คีรินก็กดเข้ารหัสกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ในคอมทันที
“อ่ะ ฉันเข้าให้แกเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ต้องเป็นแกแล้วล่ะ” คีรินพูดบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วเขาก็ยกหน้าที่นี้ให้เพื่อนหนุ่มทันที เพราะเรื่องสืบค้นหาข้อมูลพวกนี้เขาไม่ถนัด
“โอเค เดี๋ยวฉันจัดการเอง แล้วแกจะรู้ว่าฉันน่ะโคตรเก่งเลย….ฮ่า…เริ่มจากที่แกประมูลผลงานแพ้นายภัคพลนั่นครั้งแรกเลยก็แล้วกัน งั้นเราก็ย้อนไปก่อนหน้านั้นสักเดือนนึงก็แล้วกัน ดูสิว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นไหม…” เนวินพูดบอกไปก็นึกวันที่ที่เขาไปร่วมงานประมูลกับคีรินวันนั้นแล้วก็เลื่อนขึ้นไปดูวันที่และเดือนที่มันผ่านมาแล้วกว่าเจ็ดถึงแปดเดือนเลย
คีรินก็ยืนดูเพื่อนหนุ่มอย่างตั้งใจ แล้วเขาก็เห็นเพื่อนหนุ่มเร่งสปีดความเร็วของกล้องวงจรปิดในแต่ล่ะวันไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดและมีแพรไหมเอาอาหารมาให้เขาบ้างบางครั้ง ก็ไม่มีใครมายุ่งกับโต๊ะทำงานของเขาเลย จนพวกเขานั้นดูกันจากวันกลายเป็นเดือนแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอพิรุจอะไรเลย
“เฮ้อ…จะเจอไหมวะวันนี้..ไล่ดูทีล่ะอันแบบนี้มันเสียเวลาไปไหมวะไอ้เน…ฉันเริ่มจะเมื่อยแล้วนะเนี่ย อีกนานไหมวะ….” คีรินพูดบอกไปเพราะเขายืนดูอยู่นานจนเขานั้นเมื่อยขาไปหมดแล้ว จนเนวินนั้นกดหยุดภาพหน้าจอแล้วหันมาเงยหน้ามองค้อนใส่เพื่อนหนุ่มทันที
“แล้วใครให้แกมายืนดูตรงนี้ล่ะวะ…แกก็ไปนั่งรอตรงนู้นสิไป หรือแกจะหาเก้าอี้มานั่งกับฉันตรงนี้ก็แล้วแต่ เพราะเราสืบหาตัวคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ของแกอยู่นะ จะนานแค่ไหนแกก็ต้องรอ เพราะถ้าไม่ไล่ดูไปทีล่ะวันเราก็จะไม่รู้เลยว่าเราพลาดอะไรไป…ตอนนี้ฉันยังไม่เจอใครน่าสงสัยเลย เพราะมีแค่เมียแก แม่บ้าน แล้วก็พ่อแม่ของแกเข้ามาเป็นครั้งคราว ฉันก็ไม่เห็นว่าใครจะน่าสงสัยเลย ยังไงก็ต้องดูไปก่อน…” เนวินพูดมองหน้าเพื่อนหนุ่มแล้วพูดออกไปแบบอธิบาย เพราะถ้าไม่ไล่ดูหลักฐานและวิเคราะห์คนที่น่าสงสัยแล้วจะหาตัวหนอนบ่อนไว้เจอได้ยังไง
“ที่แกพูดมาน่ะคนในครอบครัวของฉันทั้งนั้นเลย นอกจากแม่บ้านแล้วจะมีใครน่าสงสัยอีกวะ เพราะพวกเขาเข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานของฉันกันทุกวัน แกแค่ดูให้ดีว่าคนไหนก็พอ…” คีรินพูดบอกไปแบบไม่สงสัยพ่อแม่และเมียของตัวเองเลยสักนิด เพราะทั้งสามไม่มีใครทำกับเขาแบบนั้นแน่ๆ ถ้าจะมีก็คงเป็นแม่บ้านที่พลัดเวรกันเข้ามาทำความสะอาดนี่แหละ จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบเก้าอี้มานั่งข้างๆเพื่อนหนุ่ม
“เออๆ ฉันก็ดูอยู่นี่ไงวะ…แกก็ใจเย็นๆสิวะ…ก็มันยังไม่มีใครน่าสงสัยอะไรเลยเนี่ย…แกจำได้ไหมวะว่าแกเอาเอกสารมาเก็บไว้ประมาณวันไหน…” เนวินพูดบอกไปแล้วมองเพื่อนหนุ่มไปอย่างอยากรู้
“อืม…น่าจะก่อนวันประมูลประมาณอาทิตย์หนึ่งนะถ้าฉันจำไม่ผิด แกลองเข้าไปดูสิวะ” คีรินพูดบอกไปก็พยักหน้าให้เพื่อนนั้นไป
“อืม…ก่อนวันประมูลอาทิตย์หนึ่งก็คงจะเป็นวันนี้…ไหนดูสิว่ามีอะไรผิดปกติไหม” เนวินกดเข้าไปดูก็เร่งสปีดเวลาดูแบบจดจ้อง แล้วเขาก็เห็นภาพที่เพื่อนหนุ่มนนั้นเดินถือเอกสารเข้ามาในห้องแล้วก็เดินเอาเอกสารนี้มาวางไว้บนโต๊ะ แล้วคีรินก็กำลังจะเปิดลิ้นชักเอาเอกสารไว้ แต่อยู่ๆแพรไหมก็เดินเข้ามายืนพูดคุยกับคีรินในตอนนี้นั้นทำให้เนวินนั้นมองแบบจดจ้องแล้วเขาก็กดหยุดภาพทันที
“วันนั้นตอนที่แกจะเก็บเอกสาร แกคุยอะไรกับเมียแกวะ” เนวินหันมาถามเพื่อนหนุ่มอย่างอยากรู้ว่าเพื่อนหนุ่มคุยอะไรกับแพรไหมบ้าง เพราะแพรไหมนั้นเขามาอยู่ในช่วงที่มันเอาเอกสารมาพอดี
“นี่แกสงสัยเมียฉันเหรอวะ…ไหมเขาไม่มีทางหักหลังฉันแน่ๆ…” คีรินมองหน้าเพื่อนหนุ่มแบบจดจ้องแล้วเขาก็พูดบอกไป เพราะมันถามเขาแบบนี้แสดงว่ามันสงสัยเมียเขาน่ะสิ
“ฉันก็ไม่ได้ว่าเมียแกเขาเป็นหนอนบ่อนไส้สักหน่อย ก็เขาเข้ามาในตอนที่แกเอาเอกสารมา ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าแกคุยอะไรกับเขา ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องการประมูลหรือเปล่า แกก็แค่ตอบฉันมาตามตรง…” เนวินมองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างเข้าใจ แต่เขาก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นเมียมันน่ะ เธอก็แค่อยู่ในค่ายน่าสงสัยก็เท่านั้นเอง
“วันนั้นไหมเขาตามฉันเข้ามาในห้องแล้วถามว่าฉันจะทานอะไรตอนเย็น แล้วเขาก็ทักว่าว่าเอกสารที่ฉันเอามาคืออะไร ฉันก็แค่บอกว่าเป็นเอกสารการประมูลก็เท่านั้น แล้วไหมเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วฉันก็เอาเอกสารไว้ แล้วฉันกับเขาก็ออกไปด้วยกัน ก็แค่นั้น” คีรินนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้แล้วเขาก็เล่าให้เนวินฟังไปแบบไม่ปิดบัง
“อืม…ฉันเข้าใจแล้ว…งั้นก็ดูกล้องวงจรปิดต่อไปก็แล้วกัน..” เนวินได้ยินเพื่อนหนุ่มพูดแบบนั้น มันก็ทำให้เขานั้นพุ่งความสงสัยไปที่แพรไหมยังไงไม่รู้ แต่เขาก็ไม่อยากจะพูดให้เพื่อนหนุ่มคิดมา เขาจึงเลือกที่จะกดดูภาพในกล้องวงจรปิดต่อไป และภาพในนั้นมันก็เร่งสปีดขึ้นไปโดยทั้งสองยืนคุยกันแล้วก็พากันเดินออกไปแบบที่เพื่อนหนุ่มว่าจริงๆ
เนวินก็นั่งเอามือกอดหน้าอกมองดูภาพที่มันเร่งสปีดไปแบบข้ามวันไปเรื่อยๆก็เห็นว่ามันเป็นภาพกิจวัตรประจำวัตรที่แม่บ้านมาทำความสะอาด แต่ก็ไม่มีใครมายุ่งลิ้นชักของคีรินเลยสักคน จนกระทั่งภาพในช่วงกลางคืนก่อนวันประมูลแค่คืนเดียวมีภาพเหงาเหมือนมีคนเข้ามาในห้องทำงานของคีรินช่วงดึก
“มีคนเข้ามาในห้องทำงานของแกตอนดึกด้วยว่ะ…” เนวินพูดออกไปแล้วรีบกดหยุดการเร่งสปีดให้ช้าลงทันที แล้วเขาก็มองหน้าจออย่างจดจ้องว่าเป็นใคร แต่มันก็มืดจนเขานั้นมองไม่ชัด
“แม่ง…ทำไมมันมืดแบบนั้นวะ….เหมือนจะเป็นคนอ้วนเลยนะ แกว่าไหม” คีรินพูดบอกไปแล้วมองอย่างลุ้นๆเช่นกัน แล้วเขาก็ดูเหมือนว่าคนที่แอบเข้าห้องของเขานั้นจะมีรูปร่างอ้วนเลย
“อืม…แต่ในบ้านแกไม่มีแม่บ้านอ้วนเลยสักคนเลยไม่ใช่เหรอวะ อาจจะเป็นคนนอกที่แอบเข้ามาดูข้อมูลของแกก็ได้…” เนวินพูดออกไป แล้วเขาก็มองดูแบบตั้งใจจนไฟในห้องสว่างขึ้นทำให้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแบบชัดเจน
“ไหม! / คุณไหม!...” เสียงของคีรินและเนวินร้องอุทานออกมาพร้อมกับเมื่อได้เห็นแพรไหมที่หน้าจอ ทั้งสองก็หันมามองหน้ากันทันที เพราะไม่ใช่คนอ้วนอย่างที่คิด แต่เป็นแพรไหมที่ท้องอยู่ในขณะนั้น
เนวินก็มองเพื่อนหนุ่มอย่างรู้สึกหนักใจเลยทีเดียว เพราะเซ้นส์ของเขามันบอกว่าแพรไหมนั้นอาจจะเป็นคนขโมยข้อมูลของคีรินแบบไม่ต้องเดาเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะแอบเข้ามาในห้องทำงานของคีรินตอนดึๆแบบนี้ด้วยท่าทางลับๆล่อๆแบบนี้ทำไมกัน
“แกจะดูต่อไหมวะคีริน” เนวินเอ่ยถามออกไปเพราะเขากดหยุดเอาไว้ เผื่อว่าเพื่อนของเขาจะไม่อยากจะดูภาพต่อไปนี้ เพราะเขาเป็นตำรวจมานาน พอเจอสไตล์นี้แล้วเขาก็เดาได้แล้วว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป เขาก็มองเพื่อนหนุ่มอย่างสงสารขึ้นมาเลย ที่ถูกเมียตัวเองหักหลังแบบนี้
“อืม…มาถึงขนาดนี้แล้วนิวะ…เปิดต่อเลย…ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไหมเขาจะทำอะไรต่อ…” คีรินพูดตอบไปด้วยเสียงสั่น เพราะตอนนี้ใจเขานั้นมันตกไปอยุ่ที่ตาตุ่มแล้ว เมื่อได้เห็นผู้หญิงที่เขารักนั้นเข้ามาในห้องทำงานของเขาในยามวิกาลอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นเวลาที่เธอไม่ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับในนี้เลย เขาก็ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรอย่างที่เขาคิดในตอนนี้เลย
จากนั้นคีรินก็หันไปมองที่หน้าจออีกครั้ง แล้วเนวินก็กดให้ภาพมันรันต่อไป แล้วพวกเขาทั้งสองก็ได้เห็นภาพที่แพรไหมนั้นเอากุญแจที่คีรินซ่อนเอาไว้มาไขลิ้นชัก แล้วเธอก็เปิดลิ้นชักเอาซองเอกสารการประมูลออกมาดู และเธอก็ดึงมันออกมาแล้วเธอก็เอาโทรศัพท์มือถือถ่ายเอาไว้หลายแผ่นเลย พอเสร็จเธอก็รีบเอาเอกสารใส่ซองไว้และก็เอาใส่ลิ้นชักไปแล้วล๊อคไว้แบบเดิม จากนั้นเธอก็เอากุญแจไปแอบซ่อนไว้ที่เดิม
คีรินมองการกระทำของแพรไหมด้วยสีหน้าจดจ้อง เพราะเขาไม่คิดว่าจะเป็นเธอ เธอเป็นเมียของเขา เป็นแม่ของลูก เป็นผู้หญิงที่เขารักและเชื่อใจมากที่สุด แต่เธอกลับมาหักหลังเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน…คีรินคิดไปแล้วนั่งทำหน้าเศร้าและเสียใจจนพูดไม่ออกเลย
ด้านเนวินที่ได้เห็นก็หันไปมองเพื่อนหนุ่มที่ทำหน้าเศร้าออกมาอย่างสงสาร เพราะถ้าเป็นเขาเขาก็คงจะเจ็บใจและเสียใจมากๆที่คนที่รักทำกันแบบนี้ เนวินจึงเอามือไปตบไหล่ของเพื่อนหนุ่มเบาๆอย่างไม่รู้จะปลอบใจยังไงเลย
“ไหมเขาทำแบบนี้กับฉันทำไมวะ…” คีรินพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นแล้วก็น้ำตาคลอเบ้าเลย พร้อมกับตั้งคำถามในหัวว่าแพรไหมทำแบบนี้ทำไม ที่ผ่านมาระหว่างเธอกับเขามันคืออะไรกัน… เขาคิดว่าเธอรักเขา แต่การที่เธอทำแบบนี้ มันทำให้เขาคิดเลยว่าเธอรักเขาจริงหรือเปล่า…คีรินคิดไปแล้วน้ำตาลูกผู้ชายมันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้