ตอนที่ 7

3552 Words
6 เดือนผ่านไป… คีรินก็ออกมางานวันเกิดเพื่อนในกลุ่มของเขาที่จัดในคลับหรูแห่งหนึ่ง แต่เขากลับมานั่งทำหน้าเซ็งอย่างไม่มีความสุขเอาซะเลย เพราะตลอดหกเดือนมานี้เขาประมูลงานแพ้ให้กับภัคพลไปสี่งานแล้ว และราคาที่บริษัทของเขาและภัคพลเสนอไปมันก็เฉียดกันไปมาแค่นิดเดียวเอง มันจึงทำให้เขานั้นเจ็บใจมาก ที่เขานั้นประมาทเด็กใหม่อย่างหมอนี่ “อย่าทำหน้าบึ้งแบบนั้นสิวะคีริน งานนี้แพ้เดี๋ยวงานหน้าก็ประมูลได้แหละว่ะ วันนี้มาฉลองวันเกิดให้ไอทินมัน แกก็มีอารมณ์ร่วมสนุกกับเพื่อนๆหน่อยเถอะว่ะ…” เนวินพูดบอกไปแล้วเอามือตบไหล่เพื่อนหนุ่มอย่างปลอบใจ เพราะวันนี้คีรินนั้นแพ้การประมูลอีกแล้ว “แกจะให้ฉันร่าเริงยังไงวะ บริษัทฉันแพ้การประมูลให้ไอ้หมอนั่นมาสี่งานแล้วนะโว้ย แล้วแต่ล่ะรอบมันก็ทำราคาต่ำกว่าฉันแค่ไม่เท่าไหร่เอง ฉันว่าบริษัทของฉันต้องมีหนอนบ่อนไส้แน่ๆ” คีรินทำหน้าขุ่นหมองออกไปพร้อมกับพูดไปตามความคิดของเขาในตอนนี้ “อืม…มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะโว้ย…แต่ฉันจำได้ว่าแกเก็บเอกสารการประมูลไว้ที่บ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาขโมยไม่ใช่เหรอวะ ฉันว่าน่าจะไม่ใช่คนในบริษัทหรอก ฉันว่าน่าจะเป็นคนในบ้านของแกมากกว่าว่ะ..” เนวินพูดบอกไปอย่างวิเคราะห์ตามสิ่งที่เขารู้ “คนในบ้านของฉันเหรอวะ…” คีรินครุ่นคิดไปตามคำพูดของเพื่อนหนุ่มอย่างนึกในใจว่าคนในบ้านของเขาที่จะกล้าเป็นหนอบ่อนไส้จะมีใครบ้าง “ใช่..คนในบ้านของแกนั่นแหละน่าสงสัยที่สุด เพราะซองการประมูลแกเอาไปเก็บไว้ที่นั่น แล้วเรื่องราคาอะไรพวกนี้คนในบริษัทของแกก็ไม่มีใครมารู้ด้วยไม่ใช่เหรอ ดังนั้นถ้าจะใครเป็นหนอนบ่อนไส้จริงๆก็คงจะเป็นคนในบ้านแกนั่นแหละ…แกได้ติดกล้องวงจรปิดในที่ที่แกเก็บเอกสารไหมล่ะ” เนวินพูดบอกไปอย่างแนะนำเพื่อนหนุ่มไป เพราะเวลาเขาสืบคดีความ เขาก็จะดูเหตุและผลความน่าน่าจะเป็นต่างๆอย่างรอบคอบ “อืม…ฉันเอาเก็บไว้ในห้องทำงาน…ที่นั่นมีกล้องวงจรปิดแอบอยู่แล้ว พรุ่งนี้แกว่างไหมล่ะ เข้าไปช่วยฉันสืบหน่อยสิวะ แกเป็นตำรวจนิ หูตาแกก็คงจะสอดส่องได้ดีกว่าฉัน…” คีรินพูดบอกเพื่อนหนุ่มไปแบบไม่ปิดบัง แล้วขอให้เพื่อนหนุ่มช่วยเขาสืบเรื่องนี้ “ฉันว่าแล้วว่าคงไม่พ้นฉันแน่ๆ เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่ายๆก็แล้วกัน ตอนเช้าฉันต้องไปเข้าเวรว่ะ” เนวินพูดบอกไปแบบยอมๆ เพราะเขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกัน “แกสองคนนี่เจอกันทีไรก็เอาแต่คุยเรื่องเครียดๆ มาคุยเรื่องสนุกๆหน่อยไม่ได้เหรอวะ…อ่าว…มาชนกันหน่อยสิวะ…นานๆเมียจะให้ออกบ้านมาดื่ม…” ทินกรหันมาเอาศอกสะกิดเนวินแล้วเขาก็พูดกับเพื่อนสนิททั้งสองไป เพราะวันนี้เขามาฉลองวันเกิดย้อนหลังกับพวกเพื่อนๆหลังจากที่เมื่อวานฉลองกับครอบครัวของเขาไปแล้ว “แกใช้คำว่านานๆเหรอวะ วันก่อนแกยังเมามาเจอด่านตรวจของฉันอยู่เลยนะ แกจำไม่ได้แล้วเหรอวะ…แล้ววันนี้ถ้าแกเมาแล้วขับอีก ฉันจะให้แกไปนอนในห้องขังยันเช้าเลย และจะไม่โทรตามเมียแกมาประกันตัวด้วย..” เนวินพูดขู่เพื่อนหนุ่มออกไป เพราะคราวก่อนทินกรเมาแล้วขับและมาเจอเขาตั้งด่านพอดี ทำให้เขาจำต้องจับเพื่อนหนุ่มไปตามหน้าที่เพื่อไม่ให้ลูกน้องนั้นครหาว่าเขานั้นใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด “แกมันไอ้เพื่อนใจร้าย จับได้แม้กระทั่งเพื่อนของตัวเอง ชิ…วันนี้แกไม่ได้แอ้มฉันหรอกโว้ย เมียสุดที่รักของฉันให้คนขับรถมารอรับฉันแล้วโว้ย…วันนี้ฉันเมาได้เต็มที่ ถึงเวลาเดี๋ยวคนขับรถก็พาฉันกลับเองแหละว่ะ” ทินกรพูดบอกไปเพราะเมียเขานั้นกลัวเขาโดนจับเมาแล้วขับอีกก็เลยให้คนขับรถมารอรับเขากลับเลย เป็นไงล่ะเมียเขา โคตรเป็นเมียดีเด่นเลย ตัดไปที่เพื่อนสนิทของเขาสิ มันเล่นจับเขาขึ้นไปนอนในห้องขังนู้น เพื่อนรักจริงๆ ทินกรคิดไปแบบประชดๆแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรเพื่อนเพราะเพื่อนของเขาก็ทำไปตามหน้าที่ ถ้ามันช่วยเขานี่สิมันจะถูกลูกน้องมองไม่ดีเอา เขาก็เข้าใจตรงนี้และไม่ได้โกรธอะไรเพื่อนหนุ่ม จากนั้นคีรินก็พยายามที่จะดื่มกับพวกเพื่อนๆไปอย่างไม่อยากจะคิดอะไรมากมายแล้ว เพราะยังไงเรื่องนี้เขาก็ต้องสืบให้ได้ว่าไอ้หมอนั่นมันเก่งจริงๆหรือว่ามีหนอนบ่อนไส้คอยส่งข้อมูลของบริษัทให้มันให้รู้หรือไม่ เพราะถ้าใช่ เขาจะเล่นงานมันให้สาสมกับที่มันมาโกงคนอย่างเขาเลย ณ บ้านของตระกูลพิธรรมไท ชลธิชาก็กลับบ้านมาทานอาหารกลับพ่อแม่ของเธอตามกฎที่ตั้งเอาไว้ทุกคนจะต้องมาทานข้าวด้วยกันอย่างน้อยอาทิตย์ล่ะครั้ง ทำให้แพรไหมที่แต่งงานออกไปแล้วก็กลับมาทานข้าวกับพ่อแม่ของเธอ พร้อมกับหอบหลานมาด้วย เพราะวันนี้คีรินไปงานวันเกิดเพื่อนพอดีแพรไหมเลยมาค้างคืนที่บ้าน และตอนนี้ทุกคนก็มานั้งดูทีวีกันที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเล่นหยอกเย้ากับเคนโซ่ไปด้วย “หลานยายนี่โตไวจริงๆ ดูสิ จ้ำหม่ำน่ารักจริงๆเลยเชียว…จุ๊บ…” พานทองเอ่ยพูดไปขณะที่เธอนั้นอุ้มหลานตัวน้อยในอ้อมอก แพรไหมมองแล้วก็ยิ้มออกมาที่พ่อแม่ของเธอนั้นรักและเอ็นดูลูกของเธอ “ถ้ามีหลานอีกสักคนก็คงจะดีนะ…บ้านเราจะได้ครึกครื้นมากขึ้น…ว่าไงเรา..ชวนคุณคีรินเขามีอีกสักคนสิลูก มีหัวปีท้ายปีดีนะ…เขาจะได้โตไปพร้อมกันไง…” ชลเทพที่นั่งอยู่ข้างๆภรรยาเอ่ยพูดไปแล้วก็มองไปที่แพรไหมทันที เพราะเธอคือความหวังเดียวที่จะให้เขานั้นมีหลานอีกคน เพราะลูกสาวคนเล็กน่ะเหรอ เขาคงจะหมดหวังไปแล้วล่ะ เพราะจนป่านนี้ยังไม่มีแฟนเลยสักคน ชลธิชาก็มองหน้าพ่อของเธอที่เอ่ยถามพี่สาวแล้วถอนหายใจออกมา เพราะคนแรกเป็นลูกของชู้แล้ว ถ้าคนต่อไปเป็นลูกของพี่คีรินล่ะก็ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเด็กโตไปแล้วความจริงปรากฏขึ้นมา หลานคนโตของเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง “คุณคีรินเขาก็อยากจะมีอีกคนเหมือนกันค่ะ แต่ว่าหนูอยากให้เคนโซ่โตกว่านี้ก่อนค่ะ คุณพ่อคุณแม่คงต้องไปเชียร์ธิชาให้รีบมีแฟนแล้วล่ะค่ะ จะได้มีหลานมาให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มอีก…รับรองเลยว่าบ้านเราไม่เหงาแน่นอนค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะคีรินก็รบเร้าเธอให้มีลูกกับเขาอีก แต่เธอก็เลือกที่จะอ้างว่าเธอเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก ทั้งที่จริงเธอไม่ได้อยากจะมีลูกกับเขา เพราะถ้าวันหนึ่งเธอต้องเลิกกับเขาแล้วไปอยู่กับภัคพล เธอก็จะต้องเสียลูกที่มีกับเขาไป เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ดังนั้นเธอจึงต้องเลี่ยงที่จะมีลูกกับเขาให้ได้ “อย่าโยนมาให้ธิชาสิคะพี่ไหม…ธิชาชอบใช้ชีวิตโสดแบบนี้มากกว่า ธิชาไม่ได้อยากจะมีครอบครัวหรือมีลูกค่ะ…” ชลธิชาได้ยินพี่สาวพูดแบบนั้นก็รีบเอ่ยปฎิเสธทันที เพราะเธอยังไม่เจอคนที่ใช่สำหรับเธอเลย “เฮ้อ…เนี่ยๆ เพราะคุณคนเดียวเลยนะคุณชลเทพ ดูสิคะ คุณปลูกฝังลูกให้ไม่ชอบผู้ชาย ดูสิคะว่าตอนนี้ลูกเราอายุยี่สิบแปดแล้วแต่ยังไม่มีแฟนเลย…” พานทองพูดต่อว่าสามีของเธอไป ที่เสี้ยมสอนลูกสาวคนเล็กไม่ให้คบผู้ชายมาตั้งแต่เด็กๆ “อ่าวคุณมาโทษผมได้ยังไงล่ะ ผมเป็นพ่อ ผมก็ต้องสอนลูกให้รักนวลสงวนตัวสิ ใครจะคิดว่าลูกเราจะเชื่อฟังซะจนตอนนี้ล่ะ ธิชา เราก็รีบๆมีแฟนเถอะ พ่อขี้เกียจฟังแม่เราบ่นเรื่องนี้แล้วเนี่ย…”ชลเทพพูดบอกไปก็หันไปยักคิ้วลิ่วตาใส่ลูกสาวคนเล็กอย่างให้ช่วยเขา “ไม่ต้องมาทำตาแบบนั้นใส่ธิชาเลยนะคะคุณพ่อ เรื่องอื่นน่ะธิชาใจอ่อนได้ แต่เรื่องนี้ไม่ค่ะ ธิชาไม่มีแฟน…ธิชาจะใช้ชีวิตโสดให้คุ้มก่อนค่ะ แล้วค่อยหาคนดีๆสักคนมาเป็นสามีก็ยังไม่สายค่ะ” ชลธิชาพูดบอกไปแล้วก็นั่งพิงโซฟาพร้อมกับกินขนมไปแบบชิวๆ แล้วยักคิ้วใส่พ่อของเธอแบบกวนๆ “ถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครเอาลูกสาวพ่อแล้วล่ะ หนังก็คงจะยานหมดแล้วล่ะ” ชลเทพพูดประชดลุกสาวไปแบบขำๆ เพราะบ้านเขาชอบพูดอะไรหยอกล้อกันแบบนี้ประจำ “ก็คงจะยานน้อยกว่าคุณพ่อแหละค่ะ เพราะหนูพึ่งจะยี่สิบแปดเอง ไม่ได้อายุหกสิบแบบคุณพ่อนิคะ..” ชลธิชาพูดตอบกลับไปแบบกวนๆ แล้วก็ยิ้มใส่พ่อของเธอไป “งั้นพ่อก็จะให้แม่เราพาไปฉีดอะไรนะ โบท็อกใช่ไหมคุณ ที่คุณชอบไปทำมาแล้วหน้าตึงๆน่ะ” ชลเทพพูดไปก็หันมาถามภรรยาของเขาทันที เพราะภรรยาเขาไปทำทีไร กลับมาก็สวยสาวทุกครั้งเลย “ค่ะ แต่กว่าหน้าของคุณจะตึงแบบฉันนี่คงใช้เวลานานเลยนะคะ…อย่าไปทำให้เปลืองเงินเลยค่ะ เดี๋ยวคุณทำแล้วหล่อขึ้นมา สาวๆมาติดคุณ ฉันขี้เกียจหึง” พานทองพูดประชดสามีไปแบบขำๆ “ฮ่าๆ… รุ่นนี้ไม่น่าจะมีหึงแล้วนะคะแม่” แพรไหมพูดเสริมแม่ของเธอออกไปด้วยรอยยิ้มขำๆอย่างมีความสุข “ยัยไหม เราก็เอากับเขาอีกคนเหรอ พากันรุมพ่อกันหมดเลยนะ ชิ…ไม่ง้อหรอก เพราะหลานตาไม่รุมตาแบบที่ยายกับแม่แล้วก็น้าธิชาเขาทำกับตาใช่ไหมคนเก่ง….” ชลเทพหันไปมองลุกสาวแบบค้อนๆแล้วพูดไป ก่อนจะหันไปหาหลานชายอย่างต้องการที่พึ่งพา เพราะสามสาวนั้นพากันรุมเขากันหมด “หึๆ อีกหน่อยหลานโตไปก็จะมาช่วยฉันรุมคุณอีกคนค่ะ…ไม่ต้องมาทำหน้าออดอ้อนหลานเลย…เอาหน้าออกไปค่ะ หนวดไม่โกนอย่ามาใกล้หลานของฉันนะคะ” พานทองเอามือปิดที่แก้มหลานชายเพื่อไม่ให้สามีหอม เพราะกลัวว่าหนวดของสามีจะทิ่มแทงผิวอันบอบบางของเด็กน้อยจนเป็นรอยแดงน่ะสิ เธอจึงพูดใส่เขาไปแบบดุๆ “หวงอย่างกับจงอางหวงไข่ นี่หลานนะคุณ ไม่ใช่ลูก..” ชลเทพเงยหน้าขึ้นมามองหน้าภรรยาแบบค้อนๆที่เธอไม่ยอมให้เขาหอมหลาน “รู้ค่ะ ฉันเลยต้องหวงไงคะ อยากจะหอมหลานก็ไปโกนหนวดเลยค่ะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องหอม” พานทองพูดเสียงเข้มไปแบบจริงจัง “โอเคๆ ผมไปเดี๋ยวนี้แหละ ทันทีเลย…” ชลเทพพูดตอบรับภรรยาไปด้วยสีหน้าท่าทางล้อเลียนภรรยาแบบกวนๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจริงๆ “คุณแม่จะไปแกล้งคุณพ่อทำไมคะเนี่ย ไม่ต้องโกนหนวดก็หอมได้ไหมคะ ลูกไหมไม่ได้ผิวบอบบางอะไรขนาดนั้นสักหน่อย วันๆนึงเขาโดนพ่อเขาฟัดไม่รู้กี่ครั้ง ตอนนี้หน้าเขาคงจะชินกับหนวดแล้วมั้งคะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มออกมา “ให้โกนน่ะดีแล้ว หนวดสามีเราไม่ได้ยาวแบบพ่อเราสักหน่อย แล้วนี่พรุ่งนี้คุณคีรินเขาจะมารับลูกกลับเองเลยหรือเปล่า…” พานทองเอ่ยถามออกไป เพราะตั้งแต่แพรไหมคลอดลูกมา คีรินก็จะมานอนค้างที่บ้านของเธอพร้อมกับลูกสาวตลอด มีแค่คืนนี้ที่คีรินนั้นไม่ได้มานอนด้วย “ไม่ค่ะ หนูบอกเขาว่าจะให้ธิชาไปส่งน่ะค่ะ วันนี้เขาไปดื่มกับเพื่อนๆก็คงจะเมาแน่ๆ หนูก็เลยไม่อยากให้เขาต้องตื่นมารับหนูกับลูกแต่เช้าน่ะค่ะ หนูก็อยากอยู่บ้านกับพ่อแม่แล้วก็น้องนานๆนิคะ มานอนแค่อาทิตย์ล่ะครั้ง หนูไม่หายคิดบ้านเลยค่ะ” แพรไหมพูดอ้อนแม่ของเธอออกไปอย่างน่ารัก “เรานี่นะ อ้อนเก่งจริงๆเลย…แม่ก็อยากให้ลูกมานอนที่บ้านเราบ่อยๆ ถ้ามีโอกาสก็ขอมานอนบ้านเราทั้งเสาร์อาทิตย์เลย แม่จะได้เปลี่ยนกฎใหม่ให้เรามาเจอกันเสาร์อาทิตย์เลย” พานทองพูดบอกไป เพราะตอนนี้จะทุกคนจะมารวมตัวกันแค่วันอาทิตย์เท่านั้น “ไม่ไหวมั้งคะแม่ แบบนี้หนุ่มๆบาร์โฮสของหนูเขาก็ขาดรายได้ไปอีกคืนหนึ่งเลยสิคะ มานอนแค่วันอาทิตย์ก็พอแล้วล่ะค่ะ…แม่ก็รู้นิคะว่าหนูชอบเที่ยววันศุกร์เสาร์อาทิตย์น่ะ…” ชลธิชาพูดบอกไปแบบขำๆ เพราะปกติเธอก็นอนบ้านและคอนโดสลับกัน “แม่ว่าไม่ใช่แค่สามวันนะ แต่แม่ว่าลูกน่ะน่าจะเที่ยวทุกวันเลยมากกว่า มานอนบ้านแต่ก็กลับดึกดื่มตลอด นี่ลูกไม่คิดจะชวนแม่ไปเที่ยวด้วยบ้างหรือไง แม่ก็อยากไปนะบาร์โฮสอะไรเนี่ย” พานทองพูดแซวลูกสาวไปก่อนจะบอกลูกสาวให้ชวนเธอไปด้วยแบบขำๆ “ขืนหนูพาคุณแม่ไปคุณพ่อได้เพ่งกระบานหนูพอดีอ่ะ เดี๋ยวธิชาจะเที่ยวเผื่อแม่ก็แล้วกันนะคะ รับรองเลยค่ะว่าจะเปย์แต่น้องที่น่ารักที่เอาใจเก่งๆเท่านั้น ไม่เยอะค่ะ ฮ่าๆ” ชลธิชาพูดปฎิเสธไปแล้วก็หัวเราะออกมา เพราะถ้าแม่เธอไปใจแตกตอนแก่จะทำยังไง เด็กๆมันยิ่งน่ารักและขี้อ้อนอยู่ด้วย ดังนั้นเธอให้แม่เธอไปไม่ได้ แค่เธอคนเดียวก็พอแล้ว “เรานี่มันใจร้ายจริงเลยๆ” พานทองได้ยินคำตอบของลูกสาวแล้วมองบนใส่ทันที ก่อนจะพูดงอนๆใส่ไป ทั้งที่เธอนั้นก็พูดไปเล่นๆขำๆอย่างนั้นแหละ เธอจะไปที่อโคจรแบบนั้นได้ยังไงกัน แค่ลูกสาวเธอไปคนเดียวก็เสียเงินไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว “กริ้งๆ…กริ้งๆ…อ่อ คุณคีรินโทรมาน่ะค่ะ เดี๋ยวหนูขอไปรับสายคุณคีรินก่อนนะคะ” เสียงโทรศัพทของแพรไหมดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองทันที แพรไหมจึงเอ่ยพูดออกไป แล้วโชว์โทรศัพท์ให้แม่และน้องสาวดูว่าเป็นชื่อของคีรินโทรมาหาเธอจริงๆ “อืม…ไปเถอะลูก” พานทองพยักหน้าใส่แล้วบอกให้ลูกสาวคนโตไปคุยกับสามี แล้วแพรไหมก็พยักหน้าตอบแล้วก็ลุกออกไปทันที ส่วนชลธิชาก็แลสายตาไปมองตามไปเพราะเธอเห็นว่าเป็นชื่อของคีรินจริงๆ มันก็ทำให้เธอเริ่มมั่นใจว่าพี่สาวของเธอคงจะเลิกติดต่อกับภัคพลแล้วจริงๆ เพราะตั้งแต่เธอเจอกันที่โรงพยาบาลตอนที่เคนโซ่คลอดใหม่ๆนั้น เธองอนพี่สาวไปเป็นเดือนเลยกับเรื่องของภัคพล จนพี่สาวของเธอมาขอโทษและปรับความเข้าใจด้วย และพี่สาวของเธอก็สัญญาจะเลิกยุ่งกับภัคพลแบบเด็ดขาด เธอจึงยอมให้อภัยแล้วกลับมารักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของเคนโซ่ไม่ใช่ลูกของคีรินเธอก็ไม่ได้เอ่ยถึงอีกและเรื่องนี้จะต้องเป็นความลับต่อไป เพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์ของพี่สาวและหลานของเธอ ด้านแพรไหมที่เดินออกมาหน้าบ้านแล้วเธอก็มองซ้ายมองขวาอย่างกลัวว่าจะมีใครอยู่แถวนี้ พอเธอเห็นทางสะดวกเธอก็กดรับสายทันที “ฮัลโหลไหม…คุณว่างคุยกับผมหรือเปล่า” เสียงของภัคพลเอ่ยออกมา เพราะเขาโทรหาเธออยู่นานกว่าเธอจะรับสาย เขาจึงคิดว่าเธออาจจะไม่ว่างคุยกับเขา “อ่อ ว่างค่ะภาม พอดีเมื่อกี้ไหมอยู่บ้านกับครอบครัวไหมน่ะค่ะ คุณโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ” แพรไหมตอบไปแล้วก็เอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม เพราะตอนนี้เธอเลิกแชทคุยกับเขาแล้ว และเธอก็เลือกที่จะมาโทรคุยกันแทน เพราะมันปลอดภัยกว่า และเธอก็เลือกที่จะพิมพ์ชื่อเบอร์ของภัคพลว่าคีริน และเธอก็จะเลือกเวลาโทรคุยกับเขาตอนที่คีรินไม่อยู่ตลอดหกเดือนมานี้ “ผมแค่อยากเห็นหน้าคุณกับลูกน่ะ เปิดกล้องคุยกับผมหน่อยได้ไหม ผมคิดถึงคุณ” ภัคพลพูดบอกไปเพราะเขาโทรแบบเฟสไทม์มาหาเธอ ซึ่งมันสามารถเปิดกล้องคุยกันได้สะดวกเลย “ค่ะ…ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ลูกอยู่ในบ้านกับแม่ของฉันน่ะค่ะ ไว้เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วฉันจะโทรหานะคะ คุณจะได้ดูลูกได้เต็มที่เลย วันนี้คุณคีรินเขาไม่ได้มานอนที่บ้านด้วยค่ะ เขาไปงานวันเกิดเพื่อน เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันสามารถโทรคุยกับคุณได้นานค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วมองหน้าเขาผ่านกล้องอย่างมีความสุข “โอเค คืนนี้ผมจะเฝ้าคุณกับลูกนอนเอง…งั้นตอนนี้คุณกลับเข้าไปในบ้านก่อนก็ได้ ไว้คุณขึ้นห้องแล้วค่อยโทรมาหาผม…แค่ได้เห็นหน้าคุณแค่นี้ผมก็หายคิดถึงแล้วล่ะ” ภัคพลพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้แพรไหมไปอย่างรักใคร่ “โอเคค่ะ…เดี๋ยวฉันโทรกลับนะคะ บ้ายบายค่ะ” แพรไหมพูดบอกไปก็ยกมือมาบ้ายบายเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกดวางสายไป แล้วเธอก็เดินกลับเข้าบ้านด้วยรอยยิ้มมีความสุข เพราะการที่เธอได้คุยกับเขาแค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว… พอแพรไหมเข้าบ้านไปสักพักเธอก็ขอตัวพาลูกของเธอไปนอนเพราะมันก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน แพรไหมก็พาลูกมานอนที่ห้องนอนของเธอ แล้วเธอก็กดล็อคประตูห้องและเธอก็โทรไปเฟสไทม์ไปหาภัคพล แล้วก็ให้เขานั้นได้พูดหยอกล้อกับลูกน้อยที่ยังไม่ได้หลับไปอย่างมีความสุข จนกระทั่งเธอให้นมลูกเขาก็ยังคนนอนมองเธอและลูกผ่านกล้อง มันก็ทำให้เธอนั้นมีความสุขมาก จนเธอและลูกนั้นเผลอหลับไป ภัคพลที่นอนมองแพรไหมให้นมลูกจนหลับไปแบบนั้นก็ยิ้มออกมา และเขาก็หวังว่าสักวันเขาจะได้นอนกอดลูกเมียของเขาได้แบบจริงๆ ไม่ใช่ทำได้แค่มองผ่านโทรศัพท์แบบนี้ “ฝันดีนะแพร ฝันดีนะลูกรักพ่อ…” ภัคพลพูดออกไปเบาๆแล้วเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่กล้องอย่างอดไม่ได้ แล้วเขาก็นอนมองแพรไหมและลูกจนเขานั้นเผลอหลับไป และพวกเขาก็โทรหากันทิ้งไว้แบบนั้นจนกระทั่งเช้าอีกวัน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD