เนวินเห็นเพื่อนหนุ่มร้องไห้ออกมาแบบนั้นก็ทำหน้าเศร้าออกมา เพราะมันก็สมควรที่จะร้องไห้อยู่หรอก ก็เมียที่รักดันมาหักหลังแบบนี้ แต่ความจริงก็คือความจริง ยังไงเพื่อนของเขาก็ต้องผ่านมันไปให้ได้
“ฉันรู้ว่าแกเสียใจแต่แกอย่างร้องไห้แบบนี้สิวะ…เข้มแข็งหน่อยสิวะคีริน ตอนนี้แกก็รู้แล้วว่าคุณไหมเขาเป็นหนอนบ่อนไส้ แกจะเอายังไงต่อวะ จะให้ฉันสืบดูให้ครบทุกครั้งเลยไหม หรือจะพอแค่นี้…” เนวินเอ่ยถามออกไป เพราะแค่ภาพนั้นมันก็ชัดเจนแล้วว่าแพรไหมคือคนที่เอาข้อมูลของคีรินนั้นไป เขาก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะทนดูต่อไปได้ เพราะแค่ตอนนี้มันก็น้ำตาไหลมาขนาดนี้แล้ว
“อืม สืบต่อให้ครบเลย ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไหมเขาแอบทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว…” คีรินพูดออกไปแล้วก็เอามือปาดน้ำตาของเขา เพราะไหนๆก็เจ็บใจและเสียใจแล้วเขาก็อยากจะเอาให้มันสุดๆไปเลย เขาจะรู้ว่าเธอทำแบบนี้กับเขามากี่ครั้งแล้ว
“อืม…งั้นฉันจะดูให้ละกัน…แปปนึง….” เนวินตอบไปแค่นั้นเขาก็หันหน้าไปหาหน้าจอคอมทันที ก่อนจะเริ่มค้นหาให้เพื่อนหนุ่มด้วยการกดเข้าไปดูก่อนวันที่คีรินจะประมูลทุกครั้ง และเลือกดูก่อนวันที่คีรินจะประมูลอาทิตย์หนึ่ง
ผ่านไปสักพัก ทั้งสองหนุ่มก็ได้เห็นว่าเป็นแพรไหมทุกครั้งที่แอบเข้ามาถ่ายภาพข้อมูลพวกนี้ออกไป รวมๆทั้งหมดก็สี่ครั้งตามที่คีรินนั้นแพ้การประมูลให้กับภัคพลไป ทำให้เนวินนั้นหันมาพูดกับเพื่อนหนุ่มด้วยเสียงเศร้าๆเลย เพราะตอนนี้มันค่อนข้างชัดเจนเลยว่าแพรไหมจงใจทำแบบนี้กับคีรินแบบมีสติครบถ้วนเลย
“คุณไหมเขาแอบเข้ามาถ่ายเอกสารการประมูลของแกสี่ครั้งเลยว่ะคีริน ฉันว่าแบบนี้มันไม่ใช่แล้วนะโว้ย…” เนวินพูดออกไปอย่างใจอ่อนเลย เพราะแพรไหมแอบทำแบบนี้มาสี่ครั้งแล้ว อย่างนี้เรียกว่าเธอยิ่งกว่าตั้งใจทำเรื่องนี้ซะอีก
“หักหลังฉันครั้งเดียวฉันยังพอที่จะให้อภัยได้เพราะฉันคิดว่าเขาคงจะมีเหตุผลของเขาที่พอจะให้ฉันยกโทษให้ แต่นี่เขาแอบหักหลังฉันครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ เขาคงไม่ได้รักอะไรฉันเลย…แล้วเขามาแต่งงาน มามีลูกกับฉันทำไมวะ” คีรินพูดไปเมื่อเขาได้รู้อย่างชัดเจนแล้วว่าแพรไหมนั้นแอบหักหลังเอาข้อมูลของเขาไปให้ภัคพล แล้วเขาก็รู้สึกน้อยใจมากที่เธอทำแบบนี้กับเขา ตอนนี้เขาเหมือนไม่รู้จักอะไรในตัวเมียเขาเลย เขาก็เอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงเจ็บใจพร้อมกับหำหมัดแน่น
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ะ ว่าเมียแกจะแอบเอาข้อมูลของแกไปให้นายภัคพลนั่นทำไมวะ…หรือเขาแอบรู้จักกับนายภัคพลเป็นการส่วนตัวโดยที่พวกเราไม่รู้วะ…” เนวินพูดออกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเขานั่งดูไปแล้วก็คิดไปก็คิดไม่ออกเลยว่าเหตุจูงใจในการทำแบบนี้ของแพรไหมคืออะไร
“ฉันเคยเจอนายภัคพลนี่ไปเยี่ยมไหมเขาตอนคลอด ตอนนั้นไหมเขาบอกฉันว่าไอ้หมอนี่มันตามจีบธิชาน้องสาวของไหมเขาอยู่ ฉันก็ไม่ได้เอะใจอะไร แกว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่ธิชาจะให้ไหมเขามาแอบเอาข้อมูลพวกนี้ไปให้นายภัคพลน่ะ” คีรินพูดไปแล้วเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มไปตามที่เขาคิด เพราะภัคพลมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับธิชาอยู่ บางทีเธออาจจะขอร้องให้แพรไหมมาทำแบบนี้ก็ได้
“อืม…มันก็เป็นไปได้ถ้าเกิดว่านายภัคพลมีความสนิทสนมกับน้องสาวของเมียแกน่ะ แต่ว่าแกเป็นสามีเป็นคนรักของคุณไหมเขานะไอ้คีริน ฉันว่าต่อให้เขาจะรักน้องสาวของเขาแค่ไหน เขาก็ไม่น่าจะหักหลังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อช่วยคนที่มาจีบน้องสาวของเขาหรอกมั้ง…” เนวินพูดออกไปตามการวิเคราะห์ของเขา เพราะแบบนั้นมันก็ตื้นเขินเกินไป เขาว่าระหว่างแพรไหมและภัคพลมีอะไรที่น่าสงสัยอยู่นะ
“มันก็จริงอย่างที่แกว่า…ถ้าอย่างงั้นแกคิดว่าไหมเขาทำไปทำไม แกเอาความคิดจริงๆของแกเลยเนวิน…ฉันรู้ว่าแกยังมีอะไรที่ยังอยากจะพูดกับฉันอีก” คีรินพูดไปแล้วมองหน้าเพื่อนหนุ่มแบบจดจ้อง เพราะเพื่อนของเขาพูดแบบนี้แสดงว่ามันมีปัจจัยอื่นๆให้มันคิดไปอีกทาง
“มันก็มี แต่ว่าฉันขอให้แกเล่าเหตุการณ์ที่นายภัคพลไปเยี่ยมเมียแกตอนคลอดให้ฉันฟังแบบละเอียดหน่อยได้ไหม แล้วฉันก็อยากจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของนายภัคพลกับน้องสาวของเมียแกน่ะ เขาสองคนไปถึงขั้นไหมกัน” เนวินพูดบอกไปเพราะเขาจะมาปักปรำไปตามความคิดของเขาอย่างเดียวไม่ได้ เขาก็ต้องฟังและวิเคราะห์ไปพร้อมๆกับข้อมูลที่เขาได้จากเพื่อนหนุ่ม
จากนั้นคีรินก็พยักหน้าเข้าใจแล้วเขาก็ค่อยๆเล่าให้เพื่อนหนุ่มฟังไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในห้องว่าเขาได้ยินเสียงชลธิชาเอะอะโวยวาย แต่พอเขาเข้าไปทุกคนก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วเขาก็พูดเล่าไปเรื่อยๆจนไปจบที่เขานั้นเห็นชลธิชานั้นทำท่าเหมือนจะมีปัญหากัน
“เท่าที่แกเล่ามา…ฉันว่าน้องเมียแกก็คงจะไม่ได้ชอบอะไรนายภัคพลนี่เท่าไหร่เลย แล้วแบบนี้แกคิดว่าเขาจะมาขอร้องพี่สาวเขาให้หักหลังสามีตัวเองเพื่อนายภัคพลอย่างนั้นเหรอ” เนวินพูดออกไปแล้วมองหน้าเพื่อนไปแบบอยากรู้ว่าเพื่อนจะตอบมาว่ายังไง
“งั้นแกก็คิดว่าไหมเขาทำแบบนี้เพื่อนายภัคพลเองเหรอวะ” ฮัสลานได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยพูดออกไปอย่างอยากรู้ว่าเพื่อนหนุ่มกำลังจะสื่อถึงคือแบบนี้ใช่ไหม
“มันก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างชลธิชากับนายภัคพลคืออะไร ก่อนที่เราจะไปสรุปว่าเมียแกเขาทำแบบนี้เพื่อนายภัคพลน่ะ ฉันว่าเราต้องสืบหาความจริงให้ได้ก่อน เริ่มจากน้องเมียของแกเลย เราต้องสืบให้ได้ว่าน้องเมียแกน่ะคบกับนายภัคพลนี่อยู่ไหม…เราถึงจะสรุปได้ว่าที่เมียแกหักหลังแกน่ะ เพราะอะไร” เนวินพูดบอกไปแบบไม่ต้องการที่จะด่วนสรุป เพราะถ้าไม่ใช่เขาก็เสียชื่อตำรวจหมดน่ะสิ ดังนั้นเขาต้องสืบให้แน่ชัดก่อนแล้วค่อยพูดความจริงออกไป
“อืม…วันนี้ธิชาเขาจะมาส่งไหมกับลูกกลับที่บ้านฉันพอดี ฉันจะหาจังหวะคุยกับธิชาเรื่องนายภัคพลนี่…” คีรินพูดบอกไปแบบเข้าใจที่เพื่อนหนุ่มพูด เขาจึงคิดว่าเขาควรจะสืบจากชลธิชาให้รู้ก่อน และเขาก็ภาวนาให้เธอนั้นคบกับภัคพล เพราะมันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้แพรไหมมาหักหลังเขาก็ได้ คีรินคิดไปอย่างยังอยากจะเข้าข้างแพรไหมเพราะเขารักเธอ และเขาก็ไม่อยากให้เธอทำแบบนี้กับเขาด้วย
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี แกก็สืบมาให้ได้ก็แล้วกัน แล้วเรื่องที่เรารู้ว่าคุณไหมเขาแอบเอาข้อมูลของแกไปน่ะ แกก็อย่าพึ่งไปบอกหรือถามอะไรเขา เพราะไม่งั้นมันจะแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้วเราจะคว้าน้ำเหลว แล้วฉันจะช่วยแกสืบอีกแรง” เนวินพูดบอกไปเพราะเขายังมีเรื่องที่สงสัยอยู่ในใจของเขา
“ขอบใจแกมากนะเนวิน…” คีรินพูดบอกไปก็มองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างขอบคุณที่มันมาช่วยเขาแบบนี้ มันก็ทำให้เขานั้นได้คิดและวิเคราะห์อะไรๆได้ดีขึ้น
“อืม…แกก็อย่าคิดมากล่ะ มีอะไรก็โทรมาหาฉันได้เลย…งั้นเดี๋ยวฉันจะกลับไปให้น้องน้องสืบเรื่องนี้ให้ ไว้มีอะไรคืบหน้าแล้วฉันจะนัดแกออกไปเจอกันข้างนอกก็แล้วกัน สู้ๆนะโว้ย….” เนวินพูดบอกไปแล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วก็กอดเพื่อนหนุ่มอย่างปลอบใจ ก่อนจะเอามามือขยี้ผมเพื่อนหนุ่มแล้วก็ขยุ่มผมของเพื่อนหนุ่มมาแล้วก็ถอนกอดออกมา
“เออ แค่นี้ไม่ตายหรอกค่ะก็แค่ช้ำใจแค่นั้นเอง ในเมื่อมันเป้นเวรเป็นกรรมของฉันที่ต้องเจอ ฉันก็คงต้องทำใจแล้วล่ะ…”คีรินพยายามพูดไปแบบนั้นทั้งที่ในใจของเขานั้นมันชาไปหมดแล้ว
“ดีแล้วล่ะ ทำใจไว้ตั้งแต่ตอนนี้ อีกหน่อยทำใจได้แล้วเวลารู้เรื่องอะไรแล้วจะได้ไม่เสียใจ…ฉันไปล่ะ แล้วเจอกันล่ะ” เนวินพูดไปแล้วเขาก็กำมือที่จับผมของคีรินไว้แน่น แล้วเขาก็หนักหน้าลาเพื่อนหนุ่มไป แล้วก็เดินออกจากห้องทำงานของคีรินไปทันที
พอเนวินออกมาจากห้องทำงานของคีรินแล้วเขาก็เอามือขึ้นมาแล้วก็แบดูแล้วเขาก็เห็นเส้นผมของเพื่อนหนุ่มหลายเส้นติดมือของเขามา เขาก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นมาแล้วก็สะบัดผมของเพื่อนหนุ่มลงไปบนผ้าเช็ดหน้าของเขาแล้วพับไว้อย่างดี
จากนั้นเนวินก็เดินไปที่ห้องเลี้ยงเด็กที่คีรินมันทำไว้สำหรับเลี้ยงลูกโดยเฉพาะ เขาก็เข้าไปในนั้นแล้วพยายามหาหลักฐานที่พอจะไปเป็นตรวจดีเอ็นเอของเด็กและเพื่อนหนุ่มได้ แล้วเขาก็พยายามที่จะมองหาเส้นผมของหลานชายจากหมอนแบบจดจ้อง ก่อนจะหยิบขึ้นมาแล้วเขาก็เพ่งหาจนได้ผมของเคนโซ่มาสี่ห้าเส้น เขาก็ยิ้มออกมาแล้วก็เอาใส่ผสมไปผมของคีรินที่ดกดำแลหนากว่าของเด็กน้อยที่ผมเป็นเส้นบางเบาไม่เหมือนของผู้ใหญ่ เสร็จแล้วเขาก็ออกไปทันที เพราะเขาจะต้องรีบไปสืบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
พอเพื่อนหนุ่มออกไปแล้วคีรินก็ดูภาพที่แพรไหมนั้นเข้ามาแอบถ่ายเอกสารการประมูลของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะหักหลังเขาได้ลงคอ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจและเสียใจไปพร้อมกันที่ผู้หญิงที่เขารักและไว้ใจนั้นหักหลังเขาอย่างไม่น่าให้อภัยอย่างนี้
"คุณทำแบบนี้กับผมทำไมไหม…” คีรินพูดไปแบบนั้นแล้วคิดในหัวไปอย่างเศร้าๆว่าเธอทำแบบนี้กับเขาทำไม ในเมื่อเขาก็ดีกับเธอมาตลอด แม้แต่จะนอกใจสักครั้งก็ไม่มี แล้วทำไมเธอถึงต้องหักเขาด้วยอย่างนี้ด้วย คีรินนั่งคิดไปแบบเศร้าๆอย่างนั้นไป
ห้าชั่วโมงมาต่อ…
ชลธิชาก็มาส่งพี่สาวและหลานชายตัวน้อยของเธอที่บ้านคีรินในช่วงเย็น เธอก็ลงมาช่วยขนของของพี่สาวให้กับแม่บ้านไป
“พี่ไหมคะ งั้นธิชากลับก่อนนะคะ แล้วเจอกันเสาร์หน้านะคะ น้าไปก่อนนะเคนโซ่ จุ๊บ…คนเก่งของน้า อย่างอแงนะครับ” ชลธิชาพูดบอกพี่สาวไปแล้วก็เข้าไปหอมแก้มหลานชายที่พี่สาวอุ้มอยู่อย่างอดไม่ได้ จนแพรไหมนั้นยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู จนน้องสาวถอนตัวห่างออกไป
“ขอบคุณที่มาส่งพี่นะธิชา…ขับรถกลับดีๆล่ะ ถึงคอนโดแล้วก็ส่งข้อความมาบอกพี่ด้วยนะ” แพรไหมมองหน้าน้องสาวแล้วพูดบอกไปแบบเป็นห่วง
“ได้ค่ะพี่ไหม พี่ไหมพาหลานเข้าบ้านเถอะค่ะ ช่วงนี้ยุงยิ่งเยอะอยู่ด้วยเดี๋ยวหลานจะโดนยุงกัดเอา แม่บ้านขนของเสร็จแล้วธิชาก็จะกลับแล้วล่ะค่ะ” ชลธิชาพูดบอกไปเพราะแม่บ้านยังขนของพี่สาวและหลานชายไปยังไม่หมด เพราะมีพวกรถเข็นอะไรพวกนี้ด้วย
“อ่อ โอเคๆ งั้นพี่ไปนะธิชา…” แพรไหมพูดตอบไปแล้วเธอก็เดินอุ้มลูกชายเข้าไปในบ้านทันที เนื่องจากตอนนี้ก็เย็นแล้ว เธอกลัวว่าคีรินนั้นจะเป็นห่วงเพราะเขาน่ะหวงและห่วงลูกมากเลย แต่แปลกที่วันนี้เขาไม่โทรตามเธอเลย ปกติเธอกับลูกหายไปไม่ยอมกลับนี่เขาต้องโทรตามหรือต้องไปรับกลับมาแล้ว แต่วันนี้เขาโทรมาแค่ตอนเช้าแล้วก็เงียบไปเลย
“รอสักครู่นะคะคุณธิชา วันนี้แม่บ้านลากันหลายคนเลย เหลือแค่ดิฉันกับแม่บ้านอีกคนเท่านั้นค่ะ” แม่บ้านพูดบอกไปขณะที่พากันขนของไปไว้ในบ้าน เพราะจะมาวางตรงนี้ก็เป็นของใช้ของคุณหนูตัวน้อยทั้งนั้น จะวางเรื่อยราดก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนดุเอา
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้ธิชาช่วยขนเข้าไปก็ได้นะคะ มาค่ะ…” ชลธิชาพูดบอกไปเพราะจะได้เสร็จเร็วๆ เธอก็เดินไปทางหลังรถของเธอ
“ไม่ได้ค่ะคุณธิชา…เดี๋ยวพวกดิฉันขนกันเองค่ะ คุณธิชารอแปปนะคะ” แม่บ้านพูดบอกไปก็ยิ้มกับความน่ารักของหญิงสาว ที่พวกเธอนั้นเจอเป็นประจำเพราะชลธิชานั้นมักจะมารับพี่สาวของเธอกลับบ้านหรือไปเที่ยวเสมอ
“ไหนก็มาแล้ว…อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิธิชา จะรีบกลับไปไหนล่ะ” คีรินเอ่ยพูดออกไปด้วยสีหน้านิ่งๆแล้วเขาก็มองไปที่ธิชาที่ยืนอยู่ที่ท้ายรถกับแม่บ้านของเขา ก่อนที่แม่บ้านจะเดินขนของเข้าไปในบ้าน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่คีริน ไว้วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้ธิชามีนัดทานข้าวเย็นกับเพื่อนแล้วน่ะค่ะ” ชลธิชาหันมาตอบคีรินไปด้วยรอยยิ้มสดใสที่เขานั้นออกมาชวนเธอเข้าไปทานข้าวด้วย แต่เธอมีนัดกับเพื่อนๆของเธอแล้วดังนั้นเธอคงอยู่ทานด้วยไม่ได้
“เพื่อนเหรอ ใช่นายภัคพลอะไรนั่นหรือเปล่า…เขาตามจีบธิชาอยู่นิ ตอนนี้เป็นแฟนกันหรือยังล่ะ” คีรินเห็นเธอตอบมาแบบนั้นเขาก็เอ่ยถามเธอไปอย่างเข้าประเด็นเลย
“อ่อ ธิชาไม่ได้ไปทานข้าวกับพี่ภามเขาหรอกค่ะ ธิชาไปทานกับเพื่อนสนิทของธิชาน่ะค่ะ แล้วเรื่องพี่ภามน่ะพี่คีรินลืมไปได้เลยนะคะ เพราะเขาไม่ได้ตามจีบธิชาแล้วค่ะ และธิชาก็ไม่มีวันเป็นแฟนกับผู้ชายแบบนั้นหรอกค่ะ แล้วทำไมอยู่ๆพี่คีรินถึงถามเรื่องพี่ภามกับธิชาล่ะคะ…” ชลธิชาพูดตอบไปเพราะตอนนี้มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เธอก็ไม่คิดว่าคีรินจะยังจำได้ เธอจึงปฎิเสธไปทันทีเพราะเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนแบบนั้นอีก แต่เธอก็สงสัยที่อยู่ๆคีรินก็ถามถึงภัคพล เธอจึงเอ่ยถามเขาออกไปอย่างอดไม่ได้
“พอดีพี่เจอเขาในงานประมูลบ่อยๆน่ะก็เลยอยากรู้ว่าเขาตามจีบธิชาสำเร็จหรือยัง จะได้ชวนมาทานข้าวทำความรู้จักกันน่ะ…เพราะหลังๆมานี้เขาประมูลชนะพี่บ่อยมากเลย รู้จักกันไว้หน่อยก็ดี…” คีรินพูดตอบไปแล้วก็ฝืนยิ้มมุมปากออกมา เพื่อไม่ให้ชลธิชานั้นสงสัยอะไรเขา
“นี่พี่ภามเขาประมูลชนะพี่คีรินบ่อยมากเลยเหรอคะ” ชลธิชาได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าขมวดคิ้วทันที ก่อนจะเอ่ยถามออกไปเพราะเธอก็ไม่ได้ตามข่าวของคีรินเท่าไหร่ จึงไม่รู้ว่าเขานั้นแพ้การประมูล
“อืม…หกเดือนมากนี้ก็ชนะพี่ไปสี่ครั้งแล้ว แต่ล่ะโครงการก็ใหญ่ๆทั้งนั้นด้วย พี่ถึงอยากให้ธิชาชวนเขามาทานข้าวทำความรู้จักกับพี่นี่ไง…” คีรินเห็นเธอถามมาด้วยสีหน้าแปลกใจแบบนั้นเขาก็เอ่ยพูดไปทันที
ชลธิชาได้ยินแบบนั้นแล้วก็ครุ่นคิดทันทีว่าภัคพลจะชนะด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง หรือว่าจะเป็นเพราะพี่สาวของเธอแอบช่วยเขาแบบคราวนั้นอีก ชลธิชาคิดไปก็มองหน้าคีรินแล้วยิ้มแห้งๆให้เขาไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าภัคพลยังไม่ได้เลิกติดต่อกับพี่สาวของเธอตามที่เขาบอกไว้
“อ่อ ธิชาคงช่วยพี่คีรินไม่ได้หรอกค่ะ เพราะธิชาไม่ได้คบหรือติดต่ออะไรเขาค่ะ ขอโทษด้วยนะคะพี่คีริน…” ชลธิชาพูดบอกไปแล้วก็มองหน้าของเขาไปแบบสงสาร เพราะเธอมีลางสังหรณ์ว่าพี่สาวของเธอยังไม่หยุดคบกับภัคพลแน่
คีรินก็หน้าเศร้าออกมา เพราะชลธิชาดูยืนกรานว่าเธอไม่ได้คบหรือติดต่อกับภัคพลแบบชัดเจนเลย แถมแววตาและสีหน้าตอนที่พูดถึงภัคพลเธอก็ดูไม่ชอบเอามากๆ มันจึงทำให้ความสงสัยเขาพยายามพุ่งมาที่เธอนั้นหันเหไปทางแพรไหมแบบที่เพื่อนเขาบอกจนได้
“งั้นธิชากลับก่อนนะคะพี่คีริน สวัสดีค่ะ” ชลธิชาเห็นเขาเงียบไปก็มองเขาแบบเกรงๆ ก่อนจะเอ่ยบอกเขาแล้วเธอก็ยกมือไหว้เขาไปทันที เพราะยิ่งอยู่ต่อเธอก็ยิ่งเจอกับคำถามที่ชวนให้เธอนั้นสงสารเขามากขึ้น เห้นทีว่าเจอพี่สาวเธออาทิตย์หน้า เธอจะต้องพูดกับพี่สาวของเธอเรื่องของภัคพลอีกครั้งแล้วล่ะ
“อืม…” คีรินตอบไปสั้นๆก็มองเธอรีบเดินไปขึ้นรถและขับออกไปแบบรวดเร็วด้วยท่าทางเกรงๆอย่างนั้นก็มองอย่างสงสัยว่าเธอจะรีบกลับทำไม เขาว่าเธอต้องรู้อะไรแน่ๆ
คีรินคิดไปก่อนจะหันไปมองข้างในบ้าน เพราะตอนนี้เขาไม่อยากจะมองหน้าแพรไหมเลย เขาไม่รู้ว่าจะพูดหรือคุยกับเธอให้เป็นปกติยังไง ในเมื่อวันนี้เขานั้นจับได้คาหนังคาเขาเลยว่าเธอน่ะแอบหักหลังเอางานของเขาไปให้ภัคพล ความรู้สึกที่เขาเคยรักเคยไว้ใจเธอแบบเต็มร้อยตอนนี้มันก็ถูกพังทลายลงไปแล้ว และมันก็ยากที่จะสร้างขึ้นมาให้เหมือนเดิม
“คุณคีริน คุณมายืนทำอะไรตรงนี้คะ ฉันก็หาตั้งนานว่าคุณอยู่ที่ไหน…” แพรไหมเดินออกมาหาคีรินด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เพราะเธอเข้าไปในบ้านก็ไม่เจอเขา ไปที่ห้องทำงานก็ไม่เจอเขาอีก จนเธอเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ก็เลยเดินเข้ามาหา
“ผมแวะมาทักทายธิชาเขาน่ะ พอดีผมอยากจะให้เขานัดนายภัคพลมาทานข้าวกับผมน่ะ….” คีรินพูดตอบไปแล้วเขาก็ดูท่าทีและสีหน้าของแพรไหมทันที
“หึ..? คุณจะนัดทานข้าวกับคุณภัคพลเขาไปทำไมคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” แพรไหมทำหน้าตกใจออกมาก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติไปแบบเนียนๆ
“ผมก็แค่อยากจะรู้จักเขามากขึ้นก็เท่านั้นเอง เพราะตอนนี้เขาประมูลชนะผมมาหลายรอบแล้ว ถือได้ว่าเขากลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอีกคนของผมแล้วล่ะ ผมก็ควรจะรู้จักเขาเอาไว้ ในเมื่อเขากำลังจีบน้องสาวของคุณอยู่ ผมก็เลยจะวานให้ธิชาเขาชวนนายภัคพลนั่นมาทานข้าวกับเราน่ะ” คีรินพูดลองเชิงแพรไหมไปทันที เพราะเขาอยากจะรู้ว่าเธอจะตอบยังไง
“อ่อ…แต่ฉันได้ยินยัยธิชาบ่นว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยจะว่างเลยนะคะ ไว้เราให้ธิชานัดเขาตอนที่ว่างๆดีกว่านะคะ” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มออกไปอย่างอ่อนโยน จนคีรินนั้นมองแล้วก็ยิ้มกัดฟันออกไปอย่างเจ็บใจอย่างอดไม่ได้ เพราะชลธิชาบอกเขาว่าเธอไม่ได้ติดต่ออะไรกับนายภัคพลแล้ว แต่แพรไหมกลับพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง
“แต่เมื่อกี้ธิชาบอกผมว่าเขาไม่ได้คบหรือติดต่ออะไรกับนายภัคพลนั่นแล้วนะ…คุณไปฟังน้องสาวของคุณบ่นว่าเขาไม่ว่างตอนไหนเหรอไหม” คีรินเอ่ยถามเธอออกไป เพราะท่าทางและสีหน้าของเธอตอนนี้มันดูร้อนรนกับคำถามของเขามาก
“อ่อ ยัยธิชาบอกคุณแบบนั้นเหรอคะ สงสัยจะไม่ได้ติดต่อกันจริงๆแล้วมั้งคะ เพราะ…เพราะยัยธิชาก็บ่นมานานแล้วล่ะค่ะ แต่ฉันนึกได้ก็เลยเอามาพูดบอกคุณไงคะ ไหมว่าเราอย่ามาพูดเรื่องคนอื่นเลยค่ะ มาพูดเรื่องของเราวันนี้ดีกว่าค่ะ ทำไมคุณหายเงียบไม่โทรหาฉันกับลูกเลยคะ” แพรไหมพูดแก้ตัวออกไป แล้วเธอก็พูดเปลี่ยนเรื่องไปเป็นอย่างอื่นอย่างเนียนๆ ดีนะที่เธอยังแก้ตัวได้ไม่ได้ปล่อยโป๊ะอะไรไปน่ะ
จนคีรินนั้นยิ่งมั่นใจว่าภรรยาของเขาอาจจะมีรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ที่ยากจะคาดเดากับภัคพล มันจึงทำให้เขานั้นนั้นกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูนเลย ก่อนจะฝืนใจพูดตอบเธอไป
“ผมยุ่งๆน่ะ เดี๋ยวผมไปทำงานต่อก่อนนะ คุณทานข้าวเย็นเลยก็แล้วกัน วันนี้ผมจะออกไปข้างนอกกับเพื่อน” คีรินพูดบอกไปแล้วเขาก็เดินเข้าไปในบ้านแล้วก็เข้าไปทางห้องทำงานของเขาทันที
“เป็นอะไรของเขากันนะ ทำไมวันนี้ดูเย็นชาจัง หรือว่างานของเขามีปัญหา เขาถึงได้อยากจะเจอภาม” แพรไหมมองตามเขาไปแล้วเธอก็คิดในใจออกมาอย่างสงสัยว่าเขาทำไมมีท่าทีแบบนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขานั้นจะพูดจาเอาอกเอาใจและออดอ้อนเธอจะตายไป แต่ทำไมวันนี้เขาดูเย็นชากับเธอจัง