ณ สถานีตำตรวจ
เนวินกกลับมาที่สถานีตำรวจอีกครั้งทำให้ลูกน้องที่เข้าเวรนั้นพากันงงใหญ่เลยที่อยู่ๆผู้กองมาที่สถานีในช่วงเย็นแบบนี้ และพอมาถึงเนวินก็เรียกกีรติผู้หมวดคนสนิทของเขานั้นเข้าไปคุยในห้องทำงานของเขาเป็นการส่วนตัว เพราะเขาต้องการสืบเรื่องของแพรไหมและภัคพลอย่างเร่งด่วน และกีรตินั้นเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยเขาได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับผู้กอง ทำไมอยู่ๆถึงได้เข้ามาสถานีอีกล่ะครับ…” กีรติเอ่ยถามออกไปแล้วมองผู้บังคับบัญชาของเขาอย่างสงสัยว่ามีเรื่องด่วนอะไร
“พอดีผมมีธุระส่วนตัวอยากจะให้หมวดช่วยผมหน่อยน่ะ เอาเส้นผมในผ้าเช็ดหน้านี่ไปตรวจดีเอ็นเอให้ผมที บอกกับทางโรงพยาบาลว่าเราต้องการผลตรวจแบบด่วนที่สุด แล้วก็ให้สายสืบของเราไปสืบมาหน่อยว่าสองชื่อนี้เขามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันหรือเปล่า….ขอแบบละเอียดยิบได้เลยยิ่งดี” เนวินพูดบอกไปแล้วก็ทำหน้าจริงจังออกมา
“ได้ครับผู้กอง…จัดให้เดี๋ยวนี้เลยครับ…อ่อ แล้วเรื่องที่จะไปตรวจท่าเรือส่งของล่ะครับวันมะรืนนี้ล่ะครับ ผู้กองจะไปตรวจด้วยไหมครับ” กีรติพูดบอกไปแล้วเขาก็เอ่ยถามเจ้านายของเขาไป
“ผมก็ไปตามปกตินั่นแหละ ทำไม…ที่ท่าเรือมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ..” เนวินเอ่ยถามออกไป เพราะกีรติพูดมาแบบนี้เขาว่ามันต้องมีมีอะไรแน่ๆ
“พอดีสายข่าวของเรารายงานมาว่ามีการลักลอบขนแรงงานต่างชาติเข้ามาน่ะครับ ถ้าผู้กองไปด้วยผมก็สบายใจหน่อย เพราะผมเป็นแค่หมวดชั้นผู้น้อย ถ้าเจอตอขึ้นมาผมก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้าผู้กองไปก็คงจะงัดกับตอได้หน่อยน่ะครับ” กีรติพูดบอกไปเพราะถึงเนวินจะมียศผู้กองแต่เขาก็พ่วงตำแหน่งลูกชายของนักการเมืองชื่อดังที่เป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่งเลย ทำให้เวลาทำงานเจอยศที่ใหญ่กว่าเนวินก็ไม่เคยไว้หน้าใครเลย
“อืม ผมเข้าใจแล้ว…” เนวินได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจ เพราะงานพวกนี้มักจะมีพวกคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังอยู่เสมอ ถ้าโชคดีก็จัดการเคลียร์ได้ ถ้าโชคไม่ดีก็คงต้องเจอปัญหาใหญ่อยู่เหมือนกัน
ด้านคีรินที่นั่งอยู่ในห้องทำงานไม่ออกไปไหนแม้กระทั่งทานอาหารเย็น เขาก็นั่งเงียบๆอย่างคิดไม่ตกว่าทำไมแพรไหมต้องหลักหลังเขาด้วยการเอาข้อมูลของเขาไปให้ภัคพลด้วย เขาคิดไปก็เจ็บใจและเสียใจจนเขานั้นไม่อยากจะเจอหน้าแพรไหมเลย เพราะเขาเห็นเธอแล้วเขาก็รู้สึกจุกที่อกจนพูดไม่ออกเลย
“ก๊อกๆ…คุณคีรินคะ นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะคะ ฉันว่าคุณไปอาบน้ำนอนได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานแต่เช้านะคะ” แพรไหมเคาะประตูห้องทำงานของเขาแล้วเธอก็เดินเข้ามาข้างในพร้อมกับพูดบอกเขาไป เพราะนี่มันก็ดึกมากๆแล้ว
“อืม…ผมรู้แล้ว แต่คุณนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำงานเสร็จแล้วผมจะไป…” คีรินเงยหน้ามามองเธอที่มาเอ่ยถามเขาด้วยท่าทางห่วงใยนี่ด้วยสายตาเจ็บปวด เพราะเขาไม่รู้ว่าที่เธอทำอยู่เนี่ย เธอห่วงเขาจริงๆหรือว่างเธอแกล้งกันแน่ คีรินคิดในใจไปอย่างอดไม่ได้
“งานอะไรกันคะ ทำไมคุณถึงต้องทำจนดึกดื่นแบบนี้คะ หรือว่าจะมีการประมูลใหม่อีก…” แพรไหมเอ่ยถามเขาออกไป เพราะปกติเขาจะไม่ทำงานที่บ้านจนดึกดื่นแบบนี้ หรือว่าเขาจะเตรียมงานการประมูลครั้งใหม่ ถึงได้ซีเรียสแบบนี้
คีรินได้ยินแบบนั้นก็สะอึกไปเลย เพราะเขาพึ่งจะมาสังเกตได้ว่าที่ผ่านมาแพรไหมมักจะถามเรื่องงานของเขาเป็นประจำ และเขาก็ตอบเธอไปอย่างไม่มีอะไรปิดบังเพราะเห็นว่าเธอคือภรรยาของเขา แต่ตอนนี้เขากลับเห็นความห่วงใยที่ใสซื่อของเธอนั้นกลายเป็นมีดแหลมคมที่คอยทิ่มแทงข้างหลังของเขา
“ใช่…ผมถึงต้องทำงบการประมูลใหม่นี่ให้ดีไง เพราะที่ผ่านมาน่ะผมแพ้การประมูลให้กับนายภัคพลมาหลายรอบแล้ว ไม่รู้ว่าหมอนี่มันมีอะไรดี มันถึงได้ชนะผมติดต่อกันหลายต่อหลายครั้งแบบนี้…ทั้งๆที่มือใหม่แบบนั้น….เมื่อกี้ผมถึงได้อยากจะให้น้องสาวคุณนัดเขามาทานอาหารกับผมหน่อย เผื่อผมจะได้รู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น น่าเสียดายที่น้องสาวคุณไม่ได้สนใจเขา ไม่งั้นคงช่วยผมได้เยอะเลย…” คีรินจงใจพูดออกไปให้เธอได้ยิน เพราะเขาอยากจะให้เธอรู้ว่าเขารู้เรื่องนี้แล้ว และเขาก็อยากจะรู้ว่าเธอนั้นมีท่าทางยังไงกับที่เขาพูด
“อ่อ เขาเป็นแค่มือใหม่ในสายงานนี้บางทีเขาอาจจะฟลุ๊คก็ได้นะคะ หรือไม่ก็เขาอาจจะเสนอราคาประมูลต่ำๆเพื่อจะได้งานก็ได้ค่ะ… ฉันว่าคุณอย่าเครียดเลยนะ คุณน่ะเก่งอยู่แล้วค่ะ รอบต่อไปคุณต้องชนะแน่นอนค่ะ…” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้เขาไปอย่างอ่อนโยน เพราะต่อไปเธอจะไม่ช่วยส่งข้อมูลการประมูลให้ภัคพลแล้ว เพราะแค่ที่ผ่านมามันก็ทำให้บริษัทเขานั้นฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีเลย เธอก็ไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องหักหลังกับคีรินอีก และตอนนี้มันก็เริ่มที่จะเสี่ยงมากขึ้นแล้ว
“คุณคิดว่าผมจะชนะจริงๆเหรอ งานนี้เป็นงานที่ใหญ่กว่างานที่ผ่านมาเลยนะ ถ้าใครได้ไปกำไรมากกว่าครึ่งแน่ๆ…ผมถึงได้มานั่งเครียดอยู่นี่ไง เพราะวงในที่ผมรู้จักเขาเสนอตัวเลขที่ทางนั้นต้องการมาแล้ว ผมก็เลยว่าจะใส่ตัวเลขให้ใกล้เคียงกับที่พวกเขาตั้งเอาไว้หน่อยๆ โอกาสที่ผมจะได้ก็คงจะมี ถ้าไม่มีใครเสนอน้อยกว่าที่ผมเสนอไป….ถ้าผมแพ้การประมูลคราวนี้ บริษัทของผมคงจะแย่…” คีรินพูดบอกไปเป็นเรื่องเป็นราว เพราะมันมีการประมูลใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งเขานั้นจะยอมเสียงานนี้ไปไม่ได้ เขาจึงอยากจะพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าแพรไหมนั้นจะกล้าหักเขาอีกไหม ในเมื่อเธอรู้ว่าถ้าเธอทำแล้วบริษัทของเขาจะแย่
“แต่บริษัทของคุณมันก็มีฐานการเงินที่ดีนิคะ ธุรกิจของคุณก็ไม่ได้มีแค่นี้ด้วย ฉันว่ามันก็คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ” แพรไหมได้ยินคีรินพูดอธิบายบอกมาแบบนั้นก็เริ่มคิดตามเขาไปแบบช่างใจ ก่อนจะเอ่ยถามออกไป เพราะบริษัทของเขาไม่ได้เล็ก มันจะแย่ได้ยังไงกันล่ะ
“มันก็ใช่ แต่ถ้ามันยังประมูลงานไม่ได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของผมก็ต้องปิดตัวลง เพราะไม่มีรายได้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าใช้จ่ายให้พนักงานและอื่นๆล่ะ ผมถึงบอกนี่ไงว่าการประมูลครั้งต่อไปน่ะสำคัญกับผมมาก…ผมก็หวังว่าผมจะได้งานนี้…” คีรินพูดบอกไปแล้วเขาก็มองหน้าเธอแบบจริงจัง เพื่อย้ำให้เธอรู้ว่ามันสำคัญกับเขา เขาก็หวังว่าเธอจะไม่หักหลังเขาอีกเป็นครั้งที่ห้า…ทั้งที่จริงแล้วบริษัทของเขามันก็ไม่ได้จะแย่อะไรหรอกถ้ายังประมูลไม่ได้ แต่เขาจะไม่ยอมให้เขาแพ้ให้กับนายภัคพลนั่นอีก เขาถึงได้วางหมากไว้แบบนี้ เผื่อแพรไหมคิดจะหักหลังเขาอีก เขาจะได้ไม่ต้องโดนปาดหน้างานของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันเป็นกำลังใจให้คุณนะคะคุณคีริน…คุณต้องทำได้แน่นอนค่ะ…” แพรไหมพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มอ่อนๆให้เขาไป เพราะเธอมัวแต่ช่วยภัคพลจนลืมไปเลยว่าคีรินเองก็อาจจะต้องเดือดร้อน แต่เธอไม่คิดว่ามันจะถึงขนาดนี้ เพราะฐานบริษัทของเขานั้นค่อนข้างจะมั่นคงมาก
“อืม…ผมก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้นแหละ…คุณไปนอนเถอะ วันนี้ผมรู้สึกไม่สบาย ผมจะไปนอนที่ห้องรับแขกละกัน…ผมไม่อยากจะให้ลูกติดหวัดผมไปด้วย…เดี๋ยวคุณให้แม่บ้านเอาชุดนอนมาให้ผมสักสามสี่ชุดก็แล้วกัน อ่อ ชุดทำงานด้วยนะ…” คีรินพูดบอกไปแล้วเขาก็ทำหน้านิ่งๆออกไป ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นไข้หวัดอะไรหรอก เขาแค่ไม่อยากจะอึดอัดใจตอนที่อยู่กับเธอก็เท่านั้น
“อ่อค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้ค่ะ…งั้นฉันให้แม่บ้านต้มน้ำขิงร้อนๆมาให้คุณดื่มก่อนนอนด้วยก็แล้วกันนะคะ คุณจะได้ดีขึ้น…แล้วก็อย่าทำงานหนักนะคะ เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำนอนพักนะคะ…” แพรไหมพูดบอกไปอย่างห่วงใยเขา
“อืม…ขอบคุณนะไหม…” คีรินพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มใส่เธอไป เพราะถ้าเธอห่วงเขาจากใจจริงๆเขาก็ดีใจ แต่ถ้าเธอทำแค่หน้าที่ภรรยาของเขาเท่านั้น มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก
“ค่ะ งั้นไหมไปก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ…จุ๊บ…” แพรไหมพูดบอกไปก็ทำปากจุ๊บส่งไปให้เขาแบบน่ารักๆ แล้วเธอก็เดินออกจากห้องทำงานของคีรินไปแบบโล่งใจที่เขานั้นไม่ได้เอ่ยอะไรน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องประมูล
“แท้จริงแล้วคุณเป็นคนแบบไหนกันนะไหม…” คีรินพูดออกไปเพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำท่าทางรักใคร่และห่วงใยเขาขนาดนี้ แล้วเธอจะมาหักหลังเขาทำไมกัน เขาล่ะยังไม่เข้าใจกับเรื่องนี้จริงๆ คีรินคิดไปก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ ก่อนจะกดปิดคอมพิวเตอร์แล้วเขาก็นั่งนิ่งๆสักพัก
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาไปยังห้องนอนที่ใช้ไว้รับแขกของที่บ้าน เนื่องจากห้องด้านบนนั้นเต็มไปหมดแล้วทั้งห้องของพ่อแม่และพี่ชายที่มาอยู่บ้างไม่อยู่บ้าง เขาก็ไม่อยากจะไปวุ่นวาย จึงเลือกที่จะนอนที่ห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่างเพราะมันมีหลายห้องเลย และเขาก็เลือกไปพักที่ห้องพักริมสระว่ายน้ำเพราะมันสงบดี พอแม่บ้านเอาชุดมาให้แล้วคีรินก็ไปอาบน้ำและพยายามนอนหลับแต่ใจเขามันกระวนกระวายกับเรื่องที่แพรไหมหักหลังเขาจนเขานั้นนอนไม่หลับเลย กว่าจะฝืนตัวเองให้หลับได้ก็ปาเข้าไปเกือบจะตีสสามแล้ว
เช้าวันใหม่….
คีรินก็ตื่นแต่เช้าแล้วออกไปทำงานเลยเพราะเขาไม่อยากจะเจอหน้าแพรไหม เขาก็ไปนอนต่อที่บริษัทของเขาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเลย กว่าเขาจะตื่นมาอีกทีก็เก้าโมงแล้ว พอเลขาของเขาเข้ามาปลุกบอกว่าเนวินเพื่อนของเขาที่เป็นตำรวจนั้นมาขอพบ คีรินก็อนุญาตให้เพื่อนหนุ่มเข้ามาได้ แล้วเขาก็ค่อยๆลุกไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขา
“นี่แกถึงขั้นมานอนที่บริษัทเลยเหรอวะคีริน…” เนวินเดินเข้ามาแล้วมองเพื่อนหนุ่มที่หน้าตาเหมือนคนเพ่งตื่นนอนด้วยสภาพที่อิโดรยราวกับได้นอนนั้นอย่างสงสาร
“เออ..ตั้งแต่ที่รู้เรื่องฉันก็นอนไม่หลับเลยว่ะ หลับก็หลับไม่เต็มตื่น เฮ้อ…แล้วนี่แกได้เรื่องอะไรแล้วใช่ไหม แกถึงได้มาหาฉันที่นี่น่ะ” คีรินพูดบอกไปก็มองเพื่อนหนุ่มอย่างจดจ้อง เพราะคิดว่าเนวินมาหาเขาแบบนี้ก็หมายความว่ามันจะต้องได้ข่าวอะไรมาแล้วล่ะ
“อืม…ได้มาแล้ว แบบละเอียดยิบเลย…” เนวินพูดบอกไปก็ชูเอกสารให้เพื่อนของเขาเห็น เพราะเขาเห็นข้อมูลปุ๊บเขาก็อยู่ไม่เป็นสุขเลย จึงต้องรีบหลบงานออกมาหาเพื่อนหนุ่มก่อน เพราะเขาอยากจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนของเขาด้วยตัวเอง
“ทำไมเร็วจังวะ….ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะมาฟังเลยว่ะ” คีรินเห็นเพื่อนหนุ่มชูเอกสารมาแบบนั้นก็ถอนหายใจทันที ก่อนจะทำหน้าเคร่งเครียดออกมาแล้วพูดไป
“แต่แกก็ต้องฟังเพราะมันคือความจริงที่แกจะต้องรับให้ได้ เพราะแกเป็นเพื่อนรักของฉัน และฉันจะไม่ยอมให้แกถูกใครหลอกด้วย….มาเริ่มกันก็แล้วกันนะ…” เนวินตอบเพื่อนหนุ่มไปแล้วเขาก็นั่งลงตรงเก้าตรงข้ามกับเพื่อนหนุ่ม ก่อนจะเอามือเปิดซองเอกสารที่เข้าได้มาจากหมวดกีรติเมื่อเช้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
“อืม…” คีรินพยักหน้าตอบไปแบบยอมรับ ก็นั่งนิ่งๆอย่างรอฟังเพื่อนหนุ่มว่ามันจะบอกอะไรกับเขา เพราะดูจากสีหน้าของมันนั้นดูไม่ค่อยโอเคเลย เรื่องที่มันจะบอกเขามันก็คงจะไม่โอเคสินะ คีรินคิดในใจไปอย่างเดาออกเลย
“เฮ้อ…เรื่องแรกก่อนก็แล้วกันนะ…จากที่คุณไหมเขาแอบเอาข้อมูลของแกไปให้นายภัคพลน่ะ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไม…นายดูนี่แล้วนายจะเข้าใจเอง….คุณไหมกับนายภัคพลคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่พอนายภัคพลไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งสองก็เลิกรากันไปแล้วคุณไหมเขาก็มาคบกับแก...” เนวินถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ ก่อนจะเริ่มพูดออกไปแบบตรงๆพร้อมกับเอารูปภาพให้เพื่อนหนุ่มดูประกอบว่าแพรไหมและภัคพลนั้นเคยคบกัน
คีรินก็มองภาพของแพรไหมและภัคพลนั้นถ่ายด้วยกันอย่างหวานซึ้งด้วยสายตาจดจ้อง บวกกับคำพูดของเพื่อนหนุ่มที่เล่าบอกมานั้นมันก็ทำให้เขาเดาอะไรได้หลายๆอย่างเลย
“ไหมเขาแอบเอาข้อมูลการประมูลไปให้แฟนเก่าของเขาอย่างนั้นเหรอ…วันนั้นที่ฉันเจอไอ้หมอนี่ที่โรงพยาบาล ไหมกลับบอกฉันว่าไอ้หมอนี่มันมาตามจีบน้องสาวของไหม…พรึบ…ถ้าเขายังรักมันแล้วเขามาแต่งงานกับฉันทำไมวะ…ทำไมไม่กลับไปคบหรือแต่งงานกับมันไปซะ…จะมาทำให้ฉันรักแบบนี้ทำไมกัน” คีรินพูดไปก็บีบขยำรูปของแพรไหมและภัคพลที่เขาถือไว้อย่างแค้นใจ จนตาของเขานั้นแดงก่ำเลย
เนวินเห็นเพื่อนหนุ่มพูดมาแบบนั้นก็ช่างใจอยู่ว่าเขาควรจะเอาให้เพื่อนหนุ่มดูต่อไหม แต่มันมาถึงขนาดนี้แล้วนะ ก็ให้คีรินมันรู้ไปเลยว่าเมียมันไม่ใช่ผู้หญิงแสนดีอย่างที่มันคิด เนวินจึงเอาภาพเซทต่อไปที่เขาได้มาให้กับเพื่อนหนุ่มดู พร้อมกับอธิบายออกไป
“พอนายภัคพลกลับมาจากต่างประเทศ เขาก็นัดเจอกับคุณไหมเขาบ่อยๆ…แล้วนี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงแรมที่ฉันได้มาเพิ่มเติม…ฉันคงไม่ต้องบอกแกต่อแล้วนะว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเป็นยังไงต่อ ฉันว่ามันคงจะเป็นเหตุผลที่เขาหักหลังแกนั่นแหละ…คุณไหมเขาเป็นชู้กับนายภัคพล…” เนวินพูดไปแบบชัดเจน เพื่อให้เพื่อนหนุ่มที่หลงรักแพรไหมให้ได้สติว่าคนที่มันรักนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์กับมันเลยสักนิด
“ระยำ! ที่แท้ก็แอบเป็นชู้กันนี่เอง ไม่น่าล่ะไหมถึงได้กล้าหักหลังฉัน แม่งเอ้ย….ทำไมเลวระยำกันได้ขนาดนี้วะ…ฉันอุตส่าห์รักและเชื่อใจ สุดท้ายไหมเขาก็ตอบแทนความรักของฉันแบบนี้เหรอวะ…ฉันทำอะไรผิดวะไอ้เน…” คีรินสถบออกมาอย่างแค้นใจกับสิ่งที่เขาได้รู้จนมือของนั้นกำรูปภาพพวกนั้นไว้แน่นจนมันแทบจะแหลกคามืออยู่แล้ว
เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่ใสซื่อและเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างแพรไหม จะแอบลักลอบคบชู้กับผู้ชายคนอื่น ทั้งที่เขาก็ดีกับเธอทุกๆอย่างแต่ทำไมเธอถึงได้กล้านอนกายนอกใจเขาได้ลงคอ เธอไม่สงสารเขากับลูกบ้างเลยหรือไง…
“แกไม่ได้ทำอะไรผิดเลยคีริน แกทำดีที่สุดแล้วต่างหาก แต่คุณไหมเขาไม่รู้จักพอเอง…เรื่องนี้แกไม่ต้องโทษตัวเองหรอก…ถ้าจะโทษก็โทษสองคนนั้นเถอะที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ควร…ถ้าแกจะหย่ากับคุณไหม…ภาพพวกนี้สามารถช่วยให้แกฟ้องหย่าเขาได้นะ…ในเมื่อแกรู้แล้วว่าเขาไม่ซื่อสัตย์กับแก แกก็ถอยออกมาเถอะคีริน….ผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรค่าให้แกไปเสียเวลาด้วยหรอก…” เนวินพูดบอกไปแล้วมองเพื่อนหนุ่มอย่างสงสาร แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดแบบนี้ เพราะเขาไม่อยากจะให้เพื่อนเขาอยู่กินกับผู้หญิงหลายใจคนนี้ต่อ
คีรินได้ยินแบบนั้นก็จุกจนพูดไม่ออกเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่เขานั้นไม่อยากจะทำที่สุด แต่ถ้าจะให้เขาใช้ชีวิตอยู่กับเธอต่อไปเขาก็คงจะทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่เธอกับเขาน่ะมันไม่สามารถลบไปจากใจเขาได้จริงๆ แต่ลูกของเขาก็ยังเล็กมากๆ ยังไม่ทันรู้ความก็ต้องมาเจอครอบครัวที่แตกขาดแล้ว เขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของลูกของเขาในอนาคตไม่ได้เลย
“ฉันรู้ไอ้เน…แต่ฉันกับไหมมีลูกด้วยกันนะโว้ย…อีกหน่อยลูกฉันจะคิดยังไงวะที่รู้ว่าที่พ่อแม่หย่ากันเพราะแม่ของเขามีชู้น่ะ แม่งเอ้ย…ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอเรื่องระยำแบบนี้ด้วยวะ ทั้งๆที่มันเกือบจะดีอยู่แล้ว…ทำไมไอ้หมอนั่นมันต้องกลับเข้ามาในชีวิตของไหมเขาด้วยวะ…” คีรินพูดออกไปแล้วเอามือทุบโต๊ะอย่างโมโห เพราะถ้ามันไม่กลับมาไหมก็ไม่ไปเป็นชู้กับมันแบบนี้
“ต่อกลับมาแล้วคุณไหมเขาไม่เล่นด้วยมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่นี่คุณไหมเขาเล่นด้วยนิวะ…แกจะโทษแค่ผู้ชายไม่ได้ เพราะบางทีผู้หญิงก็ตัวดีเหมือนกัน….เห็นใสๆซื่อแบบนั้นแต่ร้ายลึก…ไม่งั้นคงไม่เอาลูกชู้มายัดเหยียดให้เป็นลูกของแกหรอก” เนวินพูดความจริงออกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเขาอยากจะให้เพื่อนหนุ่มนั้นมีสติในการไตร่ตรองอะไรต่างๆ เขารู้ว่าเสียใจแต่มันก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับให้ได้ ดังนั้นคีรินมันก็ควรจะรู้เรื่องลูกเช่นกันว่าไม่ใช่ลูกของมัน…
“แกว่าอะไรนะไอ้เน….แกพูดใหม่อีกทีสิ…แกอย่ามาล้อฉันเล่นนะไอ้เน…” คีรินพูดออกไปเสียงสั่นเลยทีเดียว เพราะเขาได้ยินเพื่อนหนุ่มพูดว่าลูกชู้แล้วใจเขามันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย และเขาก็หวังว่ามันจะไม่ใช่ความจริง แต่เขาก็เห็นเนวินมันมองหน้าเขามาแบบจริงจังพร้อมกับหยิบเอกสารออกมาจากซอง
“ฉันขอโทษที่ฉันถือวิสาสะเอาเส้นผมของแกกับเคนโซ่ไปตรวจ…ผลมันออกมาว่าแกไม่ใช่พ่อของเคนโซ่…และถ้าให้ฉันเดา เคนโซ่คงจะเป็นลูกของนายภัคพล….ไม่ใช่แกคีริน….” เนวินพูดบอกไปแล้วก็ส่งเอกสารผลตรวจดีเอนเอให้เพื่อนหนุ่มไป
“ไม่จริง…เคนโซ่เป็นลูกชายของฉันไม่ใช่ไอ้ภัคพลนั่น ผลตรวจนี่มีปัญหาแน่ๆ แกแน่ใจเหรอว่าแกเอาเส้นผมของฉันกับเคนโซ่ไปจริงๆ มันอาจจะเป็นของคนอื่นก็ได้…” คีรินได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะเอามือดึงใบผลตรวจนั้นไปอ่านแล้วมันก็เป็นแบบที่เพื่อนหนุ่มพูดจริงๆ แต่เขาก็รับความจริงไม่ได้ เขาจึงปฎิเสธออกไปอย่างหวังว่าลูกยังจะเป็นลูกของเขา
“ถ้าแกไม่เชื่อ…งั้นแกก็พาเคนโซ่ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเอาเองก็แล้วกัน….ถึงตอนนั้นฉันก็หวังว่าแกจะยอมรับความจริงให้ได้นะคีริน…ฉันรู้ว่าแกรักเคนโซ่มาก ฉันเองก็รักและผูกพันกับหลานเหมือนกัน แต่ถ้าเคนโซ่เป็นลูกของนายภัคพลจริงๆ แกจะทำใจยอมรับเป็นลูกของแกได้จริงๆเหรอวะ” เนวินพูดออกไปอย่างเข้าใจเพื่อนหนุ่ม เพราะทุกเรื่องมันถาโถมเข้ามาแบบหนักหน่วงเลย ถ้าเขาเจอแบบนี้เขาก็คงจะไปไม่เป็นเลย แต่ในฐานะเพื่อนที่เห็นเพื่อนโดยหลอกโดนสวมเขา เขาก็ต้องบอกเพื่อนอยู่แล้ว เขาจะปล่อยให้เพื่อนของเขามาเลี้ยงลูกชู้ได้ยังไง แบบนี้มันใจร้ายกับคีรินเกินไปแล้ว
“ทำไมมันต้องเกิดเรื่องบ้าๆนี่กับฉันด้วยวะ…ทำไม….” คีรินพูดออกไปเสียงดังแล้วเขาก็ก้มหน้าพร้อมกับเอามือมาปิดหน้าของเขาเพราะตอนนี้เขาห้ามน้ำตาลูกชายของเขาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เรื่องนี้มันหนักเกินไป เขาเจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
เนวินเห็นเพื่อนหนุ่มก้มหน้าลงแบบนั้นก็นั่งมองแบบเงียบๆแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างสงสารเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนของเขาว่ามันจะเอายังไงต่อ จะทำเมินไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วอยู่กินกับแพรไหมแล้วก็เลี้ยงลูกชู้ต่อ หรือว่ามันจะยอมหย่ากับแพรไหมเพื่อจบชีวิตการแต่งงานกันเพียงเท่านี้…ทุกอย่างก็ล้วนแต่คีรินมันจะเลือกแล้วว่ามันจะทำยังไงกับชีวิตของมันต่อไป…เพราะเขาก็คงช่วยได้แค่เปิดหูเปิดตาเพื่อนหนุ่มก็เท่านั้น