พฤกษ์กอดอกมองเจ้าสาวยิ้มๆ เขากวาดสายตามองสำรวจเรือนร่างอรชรภายใต้ชุดแต่งงานแสนสวย ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงหาอะไรทิ่มตาเขาเสีย แต่เวลานี้เธอมองไม่เห็นเป็นโอกาสให้เขาได้มองเต็มๆ ตา
ภายใต้รูปร่างอรชรนั้นเขารู้ดีว่าเธอมีสัดส่วนอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ เขาเผลอไผลสัมผัสเสียหลายครั้งโดยไม่ให้เธอรู้ตัวขณะโอบประคองดูแลเธอไม่ห่าง แฟนของเธอมองตาเป็นมัน เขาดูแวบเดียวก็รู้ว่าหมอนั่นไม่จริงใจเท่าไหร่ แถมไม่ใช่คนดีนัก แต่อาศัยว่ารูปหล่อป้อเก่ง ทำตัวแสนสุภาพ ทุกคนเลยหลงรูปกายภายนอก แม้กระทั่งเจ้าสาวคนสวยของเขา
“คนอื่นก็ได้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ”
“ทุกคนเค้าเหนื่อยกับงาน หัดเกรงใจเขาบ้างเถอะ อีกอย่างเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวอยู่ในหอแบบนี้ ไม่มีใครกล้าเข้ามากวนหรอก” เขาพูดเสียงเนิบนาบก่อนจะเดินไปทรุดนั่งใกล้ๆ กับเจ้าหล่อน “ให้พี่แกะให้นะคะ” พฤกษ์อ้อนเสียงหวาน กระซิบที่ริมหูเสียงนุ่ม
“เอ๊ะ!” ที่เธอทำเสียงในลำคอเพราะคำลงท้ายประโยคของเขา ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่ดูนิ่งๆ เฉยๆ จะพูดไพเราะอ่อนโยนเช่นนี้ แต่เธอกลับติดตาบุคลิกของคนเฉยๆ ไม่สนใจอะไรนอกจากความคิดตัวเองเป็นใหญ่เสียมากกว่า
“เราอยู่กันแค่สองคนจะให้ใครแกะให้ น้องนิ่มมองไม่เห็นเดี๋ยวก็เจ็บเวลาดึงกิ๊บออกจากผม มันจะรั้งผมขึ้นมาด้วย ดูสิเค้าฉีดสเปรย์เสียแข็งขนาดนี้”
คนพูดไม่พูดเปล่า เขาลงมือแกะผมให้เธออย่างเบามือ นิ่มอนงค์ทำท่าจะค้านแต่เงียบเสียเพราะพอมาคิดดู เป็นจริงอย่างที่เขาว่า คงไม่มีใครมานั่งแกะผมให้เจ้าสาวในห้องหอโดยที่มีเจ้าบ่าวนั่งอยู่ด้วย อีกทั้งเขาไม่ได้กลั่นแกล้งหรือทำให้เธอเจ็บ แต่แกะให้อย่างเบามือเสียจนไม่รู้สึก กลับเพลินไปเสีย คราแรกที่เกร็งๆ กลับถูกแทนที่ด้วยการผ่อนคลายแล้วก็หันซ้ายหันขวาให้เขาแกะให้จนเสร็จตามแต่เขาจะสั่ง
“แกะผมเสร็จแล้ว ต่อไปก็ถอดชุดเตรียมไปอาบน้ำกัน” น้ำเสียงของเขายังเรียบเรื่อยไม่บ่งบอกอารมณ์อันใด
แต่คนฟังถึงกับสะดุ้ง ถอยหนีไปด้านหลัง มือสะเปะสะปะเพราะมองไม่เห็น แต่พยายามหาทางหนีให้กับตัวเอง
“หยุดนะ คิดลามกอะไรของคุณ ฉันไม่ให้คุณถอดชุดให้หรอกนะ”
“จะนอนทั้งชุดนี้น่ะเหรอ” พฤกษ์กอดอกมองเจ้าสาวคนสวยที่ผวาเดินเปะปะไปทั่วห้อง เขาเดินเข้าหากลัวเธอจะไปชนอะไรเข้า
“ปล่อยนะ”
“พี่ถามว่าเธอจะนอนชุดนี้นะเหรอ ไม่เหนียวตัวแย่หรือไง หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง”
“ฉันอาย อย่ามาจับฉันแก้ผ้านะ คนลามก” เธอโพล่งออกไปในที่สุด ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาตามติดมาก็กระทืบเท้าเร่าๆ ขัดใจที่ตามองไม่เห็นอะไร ถ้ามองเห็นจะได้ประทุษร้ายเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ทำตัวเหมือนเด็กถูกขัดใจ ไม่พอใจก็กระทืบเท้าเร่าๆ” เขาพูดหยอก จำได้ว่าตอนเด็กๆ ก่อนเธอจะเดินทางไปอยู่กับน้าสาว มักมีอาการเช่นนี้กับเขา ถ้าถูกขัดใจก็กระทืบเท้าร้องไห้โฮฟ้องพ่อว่าเขาไม่ตามใจ แต่เขานึกเอ็นดูมากกว่าจะรำคาญเพราะเกิดมาเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง อยากมีเพื่อนเล่นบ้างในวัยเด็ก แม้โตขึ้นนิ่มอนงค์ยังเหมือนตอนเด็กๆ ไม่พอใจหรือถูกขัดใจเป็นไม่ได้
“ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องอายก็พูดง่ายไป แต่จริงๆ น้องนิ่มมองไม่เห็นนะคะ แค่ให้พี่ถอดชุดให้คงไม่ทำให้อายเท่าไหร่หรอก”
“แต่ฉันอาย ฉันไม่ได้หน้าหนาเหมือนคุณนี่”
“เรียกพี่ว่าพี่พฤกษ์ค่ะคนดี ไม่งั้นพี่จะจูบเธอให้ขาดใจเลย” เขาแกล้งขู่โอบกอดรัดร่างอรชรมาไว้ในวงแขน
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“อันนี้ไม่ได้เรียกทำอะไรบ้าๆ นะคะ เป็นสามีภรรยากันก็ต้องเมคเลิฟกันอยู่แล้ว ไม่งั้นจะดำรงเผ่าพันธุ์ได้ยังไง จะเอาทายาทที่ไหนสืบสกุล”
“ใครอยากดำรงเผ่าพันธุ์มีทายาทสืบสกุลกับคุณ อื้อ...” เธอถูกจูบปิดปากเสียเมื่อพูดไม่ถูกใจ
“เรียกพี่พฤกษ์ครับคนดี ไม่งั้นพี่จะปล้ำเธอทั้งยังไม่อาบน้ำ”
“อย่ามาขู่นะ”
“ไม่ได้ขู่ครับ แต่พี่เอาจริง” น้ำเสียงของเขาจริงจังแต่อ่อนโยน จนเธอสะบัดร้อนสะบัดหนาว
“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำอะไร... นิ่ม” นิ่มอนงค์เสียอ่อย เธออยากกระทืบเท้าเร่าๆ นัก แต่กลัวโดนเขาล้อเอาอีก เลยได้แค่คิด
อะไรๆ ที่คิดไว้ ไม่เป็นอย่างที่คิดสักอย่าง เธอต้องทำตามความต้องการของเขาอย่างขัดไม่ได้ มันแย่เสียยิ่งกว่าแย่ ความคิดที่ว่าจะอาละวาดถูกพับเก็บเพราะถ้าอาละวาดแล้วเขาหน้ามืดขืนใจเธอขึ้นมาด้วยความโมโห เธอคงทนไม่ได้เป็นแน่ ยิ่งเธอมองไม่เห็นยิ่งเสียเปรียบ
คิดไปคิดมาอยากย้อนเวลากลับไปนัก ถ้าทำได้เธอจะไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบอยากเอาชนะ แต่งงานกับเขาเด็ดขาด
“มาครับ พี่ถอดชุดให้” พฤกษ์จูงมือเธอมาที่เตียง
นิ่มอนงค์เดินตามเขาต้อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าพูดให้ถูกคือทำใจได้บางส่วน จะอาละวาดหรือให้ใครมาช่วยถอดชุดก็ดูจะกระไรอยู่
..ป่านนี้ทุกคนคงเหนื่อยอาบน้ำเข้านอนกันหมดแล้ว
“อุ๊ย!” กายบางสะดุ้งเมื่อซิบถูกรูดลงไปถึงแผ่นหลัง เขาเบามือมากจนเธอไม่รู้สึก รู้ตัวอีกทีตอนที่นิ้วเขาสัมผัสกับหลังเนียน
นิ่มอนงค์แทบกลั้นหายใจเมื่อเขาดึงชุดลงไปถึงเอวคอด ใบหน้านวลซับสีเลือดทันตาเห็น
“ยกสะโพกหน่อยครับ พี่ว่ายืนดีกว่า” เขาพูดเองตอบเอง จับเธอยืนแล้วดึงชุดออกทางปลายเท้า
หาใช่นิ่มอนงค์ที่หายใจติดขัดแทบสะดุด พฤกษ์เองก็ถึงกับเลียริมฝีปากที่แห้งผาก กลืนน้ำลายติดกันหลายครั้งด้วยความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อย่ามองนะคะ” แม้ตาจะมองไม่เห็นแต่เธอรู้สึกได้ว่าเขาคงกำลังจ้องมองเธออยู่ นิ่มอนงค์หันหลังให้เขายกมือขึ้นกอดอกอัตโนมัติ
แต่นั่นเป็นการโชว์แผ่นหลังเนียนให้เขาได้เห็นเต็มๆ
พฤกษ์รู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อลากสายตามองสะโพกผายงอนงามที่ห่อหุ้มด้วยกางเกงในสีอ่อนหวาน เขาทันได้เห็นช่วงบนที่เปลือยเปล่า อกอวบของเธอตั้งเต้างดงาม ยอดอกสีชมพูจางๆ น่าดูดกลืน ไหนจะหน้าท้องแบนราบที่เขาเดินอ้อมมาดูจากด้านข้างเพราะเธอหันหลังหนีเขาไปที่เตียง เขาก็เดินมาดูได้โดยที่เธอมัวแต่อาย
“เดี๋ยวพี่เช็ดเครื่องสำอางให้นะคะ” พฤกษ์ถอนใจหนักหน่วง เขาหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับให้หญิงสาว กายบางสะท้านเมื่อเขาแตะต้องสัมผัสชิดใกล้ ลมหายใจที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไม่เป็นตัวของตัวเอง
มือบางรีบกระชับเสื้อคลุมเอาไว้ในทันทีที่เขาสวมให้ อย่างน้อยเธอไม่ต้องอับอายเกินไปนัก นึกอยากเห็นว่าตอนนี้สายตาของเขาเป็นเช่นไร เมื่อเห็นเธอในสภาพเปลือยเปล่าเหลือแต่กางเกงในติดสะโพกไว้แค่นี้
เป็นอีกครั้งที่นิ่มอนงค์นึกแปลกใจในการกระทำของเจ้าบ่าวตัวเอง เขาเช็ดคราบเครื่องสำอางออกให้เธอจนหมดจด แถมยังเบามืออย่างไม่น่าเชื่อ
“เสร็จแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว” เขากระซิบบอก
ทำให้เธอสะดุ้งโหยง เผลอใจลอยนึกชมเขาอยู่ในใจ
..ไม่ๆๆๆ เขาแต่งงานกับเธอเพื่ออยากได้สมบัติหรอกน่ะ อย่าไปใจอ่อนกับเขาเด็ดขาด
“มะ... ไม่อาบ” เธอรีบบอกเมื่อได้สติ
“อยากนอนเหนียวก็ตามใจ แต่พี่ไม่ชอบนอนกับคนตัวเหม็นสกปรก น้ำไม่อาบหรอกนะ” พฤกษ์ก้มลงกระซิบบอก
นิ่มอนงค์เบี่ยงหน้าหนี แม้ตาจะมองไม่เห็นแต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงกับสัมผัสเพียงเล็กน้อยของเขา
เสียงที่เงียบหายไปทำให้นิ่มอนงค์เริ่มละล้าละลัง เธอมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี จะนอนอยู่บนเตียงก็กลัวโดนเขาลวนลาม เหนือสิ่งอื่นใดเธอไม่อยากนอนเหม็นเน่าเหนียวตัวอยู่บนเตียงแบบนี้อย่างที่เขาบอก
“ฉันอยากอาบน้ำ” เสียงที่เงียบหายไปนานทำให้เธอรู้สึกกลัว เลยใจกล้าตะโกนออกไป
พฤกษ์ที่ยังไม่ได้ไปไหน เขาแค่เตรียมชุดให้เธอและตัวเองเดินกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง นิ่มอนงค์สะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ว่าเตียงยุบ
“นิ่มอยากอาบน้ำ” พฤกษ์ทวนคำ เขาอยากให้เธอพูดจาหวานๆ ออดอ้อน
“คะ” นิ่มอนงค์งุนงงงเผลอเลิกคิ้วเข้าหากัน
“พี่พฤกษ์คะ นิ่มอยากให้พี่พฤกษ์อาบน้ำให้ค่ะ” เขากระซิบข้างหู
นิ่มอนงค์ตาโตเมื่อเริ่มเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร