“ไม่มีทางเสียหรอก คนฉวยโอกาส คุณก็รู้ว่าฉันมองไม่เห็น จะแกล้งกันใช่ไหม” แม้จะหน้าแดงในคำพูดอ่อนหวานของเขา เธอกลับเอาอารมณ์โกรธมาแทนที่
“การพูดกับสามีดีๆ ไม่เห็นเป็นการโดนแกล้งตรงไหน” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์
นิ่มอนงค์ตามไม่ทันความคิดของเขาเลยสักนิด
“อย่ามาบีบบังคับกันนะ ลูกกาฝากแบบคุณที่ได้แต่งงานกับฉันก็ดีถมเถไปแล้ว ไหนจะได้ครอบครองไร่ไพรวัลย์อีกครึ่งหนึ่ง ฉันว่าเรามาตกลงกันโดยสันติดีกว่า ฉันอยากพูดเรื่องหย่ากับคุณ”
“นี่มันคืนเข้าหอไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องหย่า”
นิ่มอนงค์สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเขา ไม่มีแววล้อเล่นหรืออ่อนโยนอีกต่อไป ลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมาก็หนักหน่วงเหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์
“ฉันจะพูด”
“พี่ให้โอกาสเธออีกครั้ง นิ่มอนงค์...”
น้ำเสียงของพฤกษ์ทำให้หญิงสาวปิดปากลงในทันที เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องไปฟังเขาด้วย
“บอกไว้เลยไร่ไพรวัลย์เป็นของพี่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ครึ่งนึงอย่างที่เธอบอก”
“โลภ อยากได้ทั้งหมดใช่ไหม พูดออกมาแล้วสิว่าตัวเองละโมบเพียงใด”
“เราจะยุติเรื่องไร่ไว้เพียงแค่นี้ มันไร้สาระและพี่ก็เหนื่อยมาทั้งวัน อีกอย่าง... ไม่มีใครจะเข้ามาอาบน้ำให้เจ้าสาวในขณะที่สามียืนอยู่ทนโท่ในคืนเข้าหอหรอกนะ”
เมื่อเขาอยากยุติเรื่องไร่ เธอจึงไม่พูดถึงอีก ตอนนี้เรื่องไร่ไม่สำคัญเท่าเรื่องเขากับเธอ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
“คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”
“นิ่มอนงค์พี่ไม่ชอบให้เธอแทนตัวเองแบบนี้ หวังว่าเธอคงเข้าใจ ต้องให้พูดจาซ้ำซาก ไม่เบื่อบ้างหรือไง” เสียงเขาดูเข้มงวดและหงุดหงิดเล็กๆ
“โอเคค่ะ พี่พฤกษ์สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรนิ่ม” เธอสูดลมหายใจเข้าปอด พูดออกไปเสียงดังฟังชัด
“สัญญา” พฤกษ์ตอบเสียงราบเรียบก่อนจะตวัดอุ้มร่างอรชรขึ้นแนบอก
“ว้าย!”
“กอดคอพี่ไว้ จะพาเข้าห้องน้ำ วันหลังจะสอนให้หัดเดินเอง” เขากระซิบบอก
นิ่มอนงค์รีบคว้าหมับเข้าที่คอเขาแบบไม่ต้องให้พูดซ้ำเพราะเธอกลัวตกเป็นที่สุด
“พี่คิดว่าเธอควรสระผมเพราะสเปรย์พวกนี้คงทำให้นอนไม่สบาย” เขาพูดขึ้นหลังจากวางเธอบนพื้นห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สนใจจะให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ เสื้อคลุมก็ถูกถอดออกไปโดยง่าย
“อย่าถอดนะ” นิ่มอนงค์คว้าได้แต่อากาศ เธอหันรีหันขวางแต่มองไม่เห็น รู้สึกอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ เพิ่งเข้าใจสภาพของคนตาบอดก็วันนี้เอง
พฤกษ์ถอนใจพรืด ไม่ใช่เพราะรำคาญแต่เพราะสงสาร เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอดีว่าอึดอัดขัดใจแค่ไหนกับสภาพของการอยู่ในโลกมืด
“ฟังพี่คนดี พี่จะอาบน้ำให้เธอ” พฤกษ์ใจอ่อนยวบเมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า เธอกำลังหวาดกลัวเพราะมองไม่เห็นและไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับร่างกายของเธอบ้าง
..ให้ตายเถอะ! เขาเองก็แทบทนไม่ไหวแต่ต้องทนและค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
“เริ่มต้นด้วยการแปรงฟัน โอเคไหม” เขาบีบยาสีฟันใส่แปรง ก่อนจะจับมือเธอให้ถือเอาไว้ “บ้วนปากคนดี” เขากระซิบบอกเสียงอ่อนโยน
นิ่มอนงค์คลายจากความเกร็งไปได้มาก เธอยกแก้วน้ำที่เขาดึงมือเธอไปจับขึ้นบ้วนปากก่อนจะเริ่มแปรงฟัน แม้ตาจะมองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสทุกอย่างของเธอยังดีอยู่ หากมีคนช่วยเหลือแบบนี้เธอจึงคล่องขึ้น
พฤกษ์มองร่างเปลือยเปล่าที่มีแค่กางเกงชั้นในสีอ่อนหวานติดกายแล้วลมหายใจสะดุดอีกครั้ง ยิ่งเวลาเธอขยับมือแปรงฟัน ทรวงอกอิ่มก็แกว่งไกวไปมาเหมือนกำลังกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปคลุกเคล้า
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไปมาแรงๆ เรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง
“น้ำยาบ้วนปาก” เขากระซิบบอก แตะแก้วไปที่ปากของเธอ
นิ่มอนงค์ชะงักปิดปากเพียงครู่ก่อนจะรับเข้าไปในปาก
“ล้างหน้าก่อนไหม” เขาถามเอาใจ แต่ไม่สนใจฟังคำตอบอีกครั้ง สายตาเหลือบไปเห็นโฟมล้างหน้าของเธอที่น้าสาวเป็นคนสั่งสาวใช้ให้มาตระเตรียมเอาไว้ เขานึกขอบคุณอยู่ในใจ ทั้งเสื้อผ้าและข้าวของทุกอย่างในห้องหอ นงนภัสเป็นคนจัดการให้หลานสาวอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ท่าทีนางจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ไม่ถึงกับละเลยเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้ไป
“ค่ะ” นิ่มอนงค์เหนื่อยเกินจะคัดค้านหรือแผลงฤทธิ์ เธอเองก็อยากนอนเต็มที และควรจะรีบออกไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้ให้เร็วที่สุด
“ล้างหน้าก่อน” เขาเปิดน้ำและเอามือเธอจ่อไปที่หัวก๊อก
นิ่มอนงค์กวักน้ำลูบหน้า ก่อนที่พฤกษ์จะบีบโฟมล้างหน้าลงบนฝ่ามือ เธอลูบเบาๆ ทำความสะอาดใบหน้าของตัวเอง แล้วยื่นมือสะเปะสะปะไปด้านหน้า อุ้งมือใหญ่คว้าเอาไว้แล้วเอาไปจ่อที่ก๊อกน้ำเช่นเดิม เธอล้างหน้าจนสะอาดแล้วรู้สึกสดชื่นจนยิ้มออกมาได้
พฤกษ์นำผ้าสะอาดมาเช็ดหน้าให้เธอ นิ่มอนงค์ทำท่าจะเบี่ยงหลบ แต่เขารั้งเอาไว้และซับให้อย่างบางเบา จนเธอจึงยืนนิ่งให้เขาเช็ดอยู่อย่างนั้น
“สระผมนะครับ” เขายังพูดต่อไปเหมือนไม่นึกรำคาญสักนิด
เธอเองไม่ปริปากทำลายบรรยากาศนี้ นึกเปรียบเทียบไปถึงผู้ชายคนอื่น
..หากต้องมีภรรยาตาบอดและทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนี้จะรำคาญ จะทำเสียงขัดอกขัดใจหรือเปล่านะ
แล้วถ้าเป็นยศวินล่ะจะทำให้เธอแบบนี้หรือเปล่า?
นิ่มอนงค์บอกตัวเองว่าแฟนหนุ่มต้องทำแบบนี้แน่นอน เขาทำด้วยความรัก ไม่เหมือนพฤกษ์ที่ทำเพื่อหวังทรัพย์สมบัติ อย่าเพิ่งตัดสินว่าเขาดีเพียงแค่เขาทำดีเพียงเล็กน้อย แบบนี้ต้องดูกันไปนานๆ
ร่างบางถูกวางลงในอ่างอาบน้ำแต่ไม่มีน้ำรองรับเอาไว้เหมือนอย่างที่เธอคิด เขาดึงศีรษะเธอให้พิงกับขอบอ่างก่อนจะใช้ฝักบัวรดผมให้อย่างเบามือ
“ใช้น้ำอุ่นนะ จะได้ไม่หนาวเกิน” เสียงของเขาดังอยู่บนศีรษะ
นิ่มอนงค์ยกมือขึ้นกอดอกตัวเอง เขารู้ว่าจะสระผมให้เธอ ทำไมต้องเอาเสื้อคลุมออกด้วย ให้เธอมานอนเปลือยอยู่แบบนี้
..คนบ้า! แอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจ
“ไม่ต้องเกร็ง ปล่อยตัวตามสบาย” อาจเพราะเธอเกร็งตัวแข็งทำให้เขาก้มลงมากระซิบปลอบเหมือนปลอบเด็ก ลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ข้างแก้มก่อนที่...
จ๊วบ..
“อุ๊ย! คนฉวยโอกาส” เธอยกมือขึ้นลูบแก้มเมื่อโดนปากร้อนๆ กดประทับลงมาเต็มๆ
“แก้มหอม” เขาพูดหน้าตาเฉย ลอบยิ้มโดยที่เธอไม่มีวันเห็น
พฤกษ์สระผมให้จนสะอาด เขาค่อยๆ ลงครีมนวดผมแล้วนวดศีรษะให้เธอจนรู้สึกผ่อนคลาย นิ่มอนงค์หลับตาพริ้ม นึกอยากถามเสียนักว่าเขาไปเรียนรู้วิธีทำแบบนี้มาจากไหนกัน
“เสร็จแล้ว” เสียงของเขากระซิบที่ข้างหู
ทำเธอลืมตาอย่างงัวเงีย ไม่อยากให้เสร็จเลย มันสบายจนเผลอหลับไป เขาเช็ดผมให้เบาๆ ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขนอีกครั้ง
“อาบน้ำกันได้แล้ว เดี๋ยวจะดึกยิ่งกว่านี้” เขาบอกก่อนจะดึงกางเกงในตัวบางลงไปติดอยู่ที่ปลายเท้า
“ว้าย! อย่าถอดนะคะ” เธอยกมือขึ้นปิดส่วนสงวนหน้าแดงจัด
“แล้วจะอาบน้ำทั้งอย่างนี้หรือไง” เขานั่งลงยกขาเธอขึ้นเพื่อจะดึงกางเกงในออกทางปลายเท้า
“อุ๊ย!” นิ่มอนงค์อุทานอีกรอบ ยกมือขึ้นคว้าไหล่เขาเอาไว้เพราะกลัวล้ม เธอค้อนลมค้อนแล้งเมื่อต่อต้านอะไรเขาไม่ได้เลยจริงๆ
หญิงสาวมัวแต่ไม่พอใจเลยไม่รู้ว่าพอเขาคุกเข่าลงตรงหน้าในสภาพที่เธอเปลือยเปล่าเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าของเขาตรงกับเนินเนื้อสาวพอดิบพอดี กลิ่นหอมของบุปผาชาติทำให้พฤกษ์เผลอสูดดมเข้าเต็มปอด
“หอม” เขาพึมพำเสียงแหบพร่า
นิ่มอนงค์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร เธอยังปักหลักจับไหล่กว้างของเขาเอาไว้ไม่ยอมขยับ
เธอสะดุ้งเมื่อเขาซุกหน้าลงตรงเนินบุปผาแล้วสูดกลิ่นหอมกรุ่นของสาบสาวเข้าไปเต็มๆ ความรู้สึกตกใจระคนเสียวซ่านทำให้เกิดเสียงครางตามมาในทันที
“อ๊า...อย่านะคะ” เธอละล่ำละลักบอก
แต่เขาไม่ฟัง พฤกษ์กุมสะโพกหนั่นแน่นงามงอนนั้นเอาไว้แล้วจับเธอแยกขาฝังใบหน้าลงไป ไม่ว่าจะเธอจะหนียังไงเขาก็ล็อกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ไม่เอา อื้อ... อ๊ะ” นิ่มอนงค์ประท้วงแต่เสียงพร่าเกินห้ามใจ เธอจิกทึ้งผมของเขาแทบแหลกลาญแต่พฤกษ์หาได้สนใจไม่ ลิ้นหนาตวัดลามเลียจนเปียกชุ่ม