บทที่ 2 ไถ่ถามความเป็นไป (1)

1424 Words
อริสานึกไปถึงค่ำคืนหนึ่งเมื่อเดือนก่อน ตอนนั้นเธอกำลังดูซีรีส์เกาหลีติดพันจึงทำให้นอนดึก แทบไม่ดูเวลาด้วยซ้ำว่าตอนนั้นล่วงเข้าวันใหม่มากี่ชั่วโมงแล้ว กว่าจะรู้ว่าดึกมากก็ตอนที่ชลธีเปิดประตูบ้านเข้ามา แน่นอนว่าเขาเพิ่งกลับจากเที่ยวกลางคืน ชายหนุ่มดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเธอยังนั่งอยู่ในห้องรับแขก “อ้าว ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ อย่าบอกนะว่ารอพี่อยู่” เขาถามยิ้ม ๆ ตาเยิ้มเล็กน้อยจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “เปล่า ดูซีรีส์เพลินน่ะ” เธอตอบแค่นั้นก็หยิบรีโมตขึ้นมาปิดโทรทัศน์แล้วเดินขึ้นห้องนอน ส่วนชลธีคงไปอาบน้ำกระมัง เพราะเวลานั้นพอหัวถึงหมอนเธอก็หลับทันที มารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งตอนที่หน้าอกถูกเคล้นคลึง และซอกคอถูกขบเม้มซุกไซ้อย่างแผ่วเบาจากคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง “อือ...พี่คราม” เธอเรียกเขาเพราะอยากให้เขาหยุดการกระทำที่ชวนวาบหวามนั่น แต่เพราะคำขานรับของเขา และการปลุกเร้าจากคนที่รู้จักร่างกายของเธอดีว่าจุดไหนที่ควรกระตุ้น จึงทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกอีก “ขา...พี่ขอนะคะ ไม่ได้รักทรายนานแล้ว คิดถึงจัง” คำกระซิบออดอ้อนของเขาดังอยู่ข้างหู เวลานัวเนียเนื้อแนบเนื้อ ชลธีมักจะพูดจาคะขากับเธอแบบนี้ทุกครั้ง ต่างจากเวลาปกติที่เขาจะไม่พูดแบบนี้เลย ฉะนั้นจึงเป็นที่รู้กันสองคนว่าหากเขาพูดคะขากับเธอเมื่อไร นั่นหมายความว่าเขาอยากมีเซ็กซ์กับเธอ คืนนั้นมีอะไรกันไปสองครั้ง วันถัดมาอีกหนึ่งครั้ง โดยที่อริสาลืมสนิทไปเลยว่าเดือนนั้นตนไม่ได้กินยาคุม และสาเหตุที่หญิงสาวไม่กินยาอีกก็เพราะก่อนหน้านี้ เธอกับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลยเกือบเดือน ทั้งที่นอนข้างกันทุกคืน อริสาจึงคิดว่าคงถึงเวลาที่จะต้องเลิกรากันแล้วกระมัง จึงไม่ได้ซื้อมากินอีก และตั้งใจไว้ว่าจะคุยกับเขาเรื่องแยกทาง ใครจะไปคาดคิดว่าคืนนั้นจะเกิดเรื่องขึ้นจนได้! และหลังจากที่ร่วมรักกันครั้งนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชลธีก็กลับไปอึมครึมคาราคาซังกันอยู่เหมือนเดิม อริสาคาดว่าตอนนี้อายุครรภ์ของตนน่าจะประมาณสี่สัปดาห์แล้ว หากนับจากคืนนั้น ส่วนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอไม่นับเพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป ไม่น่าจะตรวจเจอว่าตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนี้ หญิงสาวดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ ตีสามแล้ว แต่เธอกลับไม่ง่วงเลยสักนิด สองตายังคงมองท้องฟ้ายามราตรีโดยมีบรรยากาศอันสงบเงียบอยู่เป็นเพื่อน ป่านนี้พี่ครามกำลังทำอะไรอยู่นะ ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังนัวเนียแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มอยู่ในรถที่ติดฟิล์มสีเข้มจนคนภายนอกไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ เบาะที่นั่งฝั่งคนขับถูกเลื่อนถอยไปจนสุด ร่างเย้ายวนของหญิงสาวที่กำลังนั่งคร่อมร่างชายหนุ่มไว้ พยายามบดส่ายสะโพกไปมาเพื่อปลุกเร้าคนใต้ร่างให้ตื่นเพริด มือข้างหนึ่งค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำจนถึงหัวเข็มขัดที่คาดอยู่กับกางเกงของเขา เธอพยายามปลดมันออกเพื่อจะได้ใช้มือล้วงเข้าไปกระตุ้นอีกแรง ...พี่ครามมีคนอื่นรึเปล่า... ทว่าน้ำเสียงราบเรียบประโยคหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในหัวของชลธี ร่างของชายหนุ่มนิ่งค้างไปทันทีราวกับปิดสวิตช์จนหญิงสาวรู้สึกได้ เจนสุดาถอนจูบออก หากแต่มือยังสาละวนอยู่ตรงเข็มขัดของเขาอยู่ “พี่ครามหยุดทำไมล่ะคะ หรือว่า...ทนไม่ไหวแล้วเหรอ” เธอใช้ปลายเล็บสะกิดตรงนั้นเบา ๆ อย่างหยอกเย้า แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ชลธีรู้สึกตัว เขารีบจับมือของเจนสุดาออกจากเป้ากางเกงของตน จากนั้นจับต้นแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ “เจนกลับไปนั่งที่เดิมเถอะ พี่จะได้รีบขับไปส่งที่คอนโดฯ” หญิงสาวยิ้มยั่ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงพร่าว่า “สัญญามาก่อนสิคะว่าคืนนี้พี่จะค้างกับเจน” ชลธีถอนหายใจแผ่ว เขาส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ได้เจน พี่จะกลับไปนอนบ้านพี่” “งั้นเจนไปค้างกับพี่ที่บ้านก็ได้ค่ะ ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่อยู่แล้วนี่นา แฟนเก่าพี่น่ะ นะคะพี่ครามขา” เจนสุดาออดอ้อนเสียงอ่อน แต่ชลธีฟังแล้วกลับรู้สึกขัดหูอย่างบอกไม่ถูก น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปจึงห้วนเล็กน้อย “ไม่ได้ พี่ไม่ชอบให้คนอื่นไปที่บ้าน...ไปนั่งที่ของตัวเองได้แล้ว” เจนสุดาขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้างออย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังคงนั่งคร่อมตักของเขาอยู่ไม่ยอมขยับ “พี่ครามหมายความว่าไง คืนนี้เราจะไม่ไปต่อกันเหรอ ก็ไหนว่าพี่เลิกกับแฟนแล้วไง แล้วทำไมพี่ถึงไปกับเจนไม่ได้” “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ดิ ก็พี่ไม่อยากไปไง จะลงไปได้ยัง จะให้พี่ไปส่งดี ๆ หรือจะกลับเอง เลือกมา!” สีหน้าของชลธีเริ่มไม่สบอารมณ์ เจนสุดาจึงลงจากตัวเขาแล้วข้ามไปนั่งบนเบาะข้างคนขับด้วยใบหน้าบึ้งตึง ปากเริ่มประท้วงอย่างไม่ยินยอม “ถ้าพี่ไม่คิดจะไปกับเจนแต่แรก แล้วพี่มาจูบเจนทำไม พี่ให้ความหวังเจนก่อนนะ” ชายหนุ่มดึงเบาะมาไว้ที่ตำแหน่งประจำ คว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พี่ขอโทษ เอาเป็นว่าเรื่องทั้งหมดนี้พี่ผิดเองแหละ คราวหน้าจะไม่มีอีกแน่นอน สาบานได้” “พี่คราม!” เจนสุดาเรียกชื่อเขาเสียงแหลมลั่นรถ สีหน้าแววตาโกรธจัด แต่ชลธีคร้านจะต่อปากต่อคำด้วยแล้ว เขาจึงเคลื่อนรถออกจากซองแล้วมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ทันที ตั้งแต่เจนสุดามาถึงผับ หญิงสาวก็มาโฉบมานั่งติดกับเขาจนแขนกับขาชิดกัน เขาต้องเป็นฝ่ายขยับออก และตลอดเวลาที่นั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะ เธอจีบเขา ทั้งยังถึงเนื้อถึงตัวเขาอย่างเปิดเผย พวกเพื่อนตัวดีในโต๊ะก็เชียร์ให้เขาตอบรับเธอไปจะได้จบเรื่อง แต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่ายังไม่อยากมีใครตอนนี้ ครั้นพอผับเลิก ทุกคนต่างผลักภาระอย่างเจนสุดาให้เขาอย่างพร้อมเพรียง เขาต้องไปส่งหญิงสาวที่คอนโดฯ แต่ใครจะคิดว่าหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถไม่ทันไร เจ้าหล่อนก็จู่โจมเขาก่อนด้วยการมานั่งคร่อมแล้วบดจูบเขาทันที เดรสของเจนสุดาสั้นมากอยู่แล้ว เวลานั่งคร่อมแบบนี้จึงร่นขึ้นมากองอยู่บนบั้นท้าย เผยให้เห็นกางเกงชั้นในแบบจีสตริงสีขาว และเนื้อบางเสียจนเหมือนไม่ได้ปกปิดอะไร เขาเห็นส่วนนั้นของเธอเต็มสองตายามที่มันส่ายร่อนบดเบียดเข้าใส่เป้ากางเกงของเขา เขาเป็นผู้ชายมีเลือดมีเนื้อ และไม่ได้เป็นกามตายด้าน เจอแบบนี้เข้าไป ยังจะเฉยได้หรือ...แน่นอนว่าไม่ นับว่าโชคดีที่จู่ ๆ คำถามประโยคนั้นของอริสาช่วยเตือนสติเขา “นี่พี่ครามถึงกับต้องสาบานเลยเหรอ หมายความว่าไง เจนน่ารังเกียจขนาดนั้นเชียว หรือเพราะพี่ยังลืมอีแฟนเก่านั่นไม่ได้กันแน่” เจนสุดายังฉอดใส่เขาไม่เลิก “ไม่เคยรู้จักกันก็อย่าเที่ยวเรียกคนอื่นเขาว่าอี!” ให้ตายเถอะ เขาไม่ถูกโฉลกกับผู้หญิงอย่างเจนสุดาเลย ตอนเขาคบกับ อริสา บรรยากาศมีแต่ความสงบร่มเย็น เธอไม่เคยฉอดใส่เขา แม้แต่ส่งเสียงแว้ด ๆ อย่างที่เจนสุดาทำก็ไม่เคยเลยสักครั้ง อริสาไม่เน้นพูด แต่เน้นทำ ใครหาเรื่องเธอก่อน เธอไม่มานั่งตีฝีปากให้เสียเวลา แต่จะเข้าไปฟาดไม่ยั้งเลยต่างหาก ป่านนี้ทรายคงนอนหลับไปแล้วมั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD