ของสำคัญ

2339 Words
เมื่อกลับถึงที่พัก นางคว้าป้ายไม้สลักสกุลหลิวที่มารดาทิ้งไว้ให้ อดีตอนุมองไปที่หยกก้อนเล็กอย่างมีความหมาย แต่ยามนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป นางรีบนำมันไปขายเพื่อนำเงินไปตามหมอมาให้บุตรสาวของนาง นี่คือสมบัติเดียวที่จะทำให้นางสามารถเชิญหมอมาได้ ไม่นานนางก็กลับมาพร้อมหมอชราผู้หนึ่ง เขาเข้ามาตรวจอาการของเด็กหญิงก่อนกล่าวว่า นางถูกทุบตีอย่างหนัก แต่อวัยวะภายในยังปลอดภัย เขาเขียนเทียบยาไว้ให้ และให้สมุนไพรมาสองห่อด้วยเวทนาเด็กหญิง ไม่รู้ไปทำความผิดใดมา ถึงโดนลงโทษหนักขนาดนี้ ดูจากที่อยู่อาศัยคงเป็นแค่บ่าวรับใช้ ชีวิตของบ่าวหรือทาสจะดีหรือร้าย ก็คงแล้วแต่ผู้เป็นนายจะบงการแล้ว เขาผู้เฒ่าคงสามารถช่วยได้เพียงเท่านี้ คืนนั้นเด็กหญิงมีอาการไข้ขึ้น มารดาคอยเช็ดตัวให้บุตรสาวพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง ดีที่ท่านหมอมอบยาต้มแก้ไข้ไว้ให้ด้วย นางต้มมาป้อนให้เด็กน้อยหมดสองถ้วยอาการไข้ก็ทุเลาลง “เหมียนเออร์ แม่ขอโทษ ที่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แม่.. แม่ไม่น่าแต่งเข้ามาเป็นอนุให้คนสกุลฮุยเลย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็คงไม่ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฮือ..” เมื่อเป็นอนุก็เหมือนกับสัญญาทาสขายตัว สามียกให้ฮูหยินใหญ่จัดการเรื่องราวต่างๆในจวน นางเคยไปร้องขอความเป็นธรรมจากเขา ไม่น่าเชื่อว่า นอกจากเขาจะไม่ยอมให้นางพบแล้ว ยังสั่งโบยนางอีก 40 ไม้และข่มขู่นางว่า หากยังดื้อดึงสร้างความวุ่นวายต่อเขาอีก เขาจะนำบุตรของนางไปขายและจะขังนางไว้ในคุกใต้ดินตลอดชีวิต นางได้รับความไม่เป็นธรรมเรื่อยมาแต่ต้องอดทน เพราะไม่ต้องการพลัดพรากจากลูกน้อย นางเชื่อว่าคนใจร้ายเช่นเขาทำได้จริง ชายผู้นั้นเห็นแก่ตัว มากตัณหา ยังคงรับอนุต่อเนื่องอีกหลายคน ไม่คิดจะสนใจนางกับลูกอีกเลย คิดแล้วนางก็ได้แต่ช้ำใจ ด้วยตนไม่มีเบื้องหลัง นางเป็นเด็กกำพร้าไม่มีบิดามารดาให้พึ่งพา ถูกเก็บมาเลี้ยงจากผู้มีคุณในหอนางโลม เมื่อมีคุณชายรูปงามมาสู่ขอไปเป็นอนุจึงไม่ลังเล ด้วยเขาเป็นรักแรกของนาง แม้เขาจะมีฮูหยินและอนุมากมายในจวน แต่นางก็เต็มใจมากับเขา คราวนี้ นางรู้สึกเสียใจแล้ว หากเป็นไปได้ หากย้อนกลับไปในอดีตนางไม่อยากรู้จักชายผู้นี้เลยด้วยซ้ำ รุ่งเช้าหลิวฟางออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตามหน้าที่ ตอนนี้เด็กน้อยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อตื่นขึ้นก็ไม่พบมารดาในห้อง พบเพียงเซาปิ่งชิ้นหนึ่ง มันเป็นขนมที่เด็กหญิงชอบมาก คงเป็นมารดาที่หามาให้ ด้วยความหิวเด็กหญิงนำเซาปิ่งขึ้นมากัดแม้เย็นซืดมากแล้ว แต่ก็อร่อยมากสำหรับผู้ที่ได้มีโอกาสกินขนมเช่นนี้ปีละครั้งในวันปีใหม่ที่มีการแจกขนมทั้งจวนเท่านั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่ดีมาก ไม่นานเซาปิ่งก็หมดลง มารดาก็นำข้าวต้มร้อนๆเข้ามาพอดี “เหมียนเออร์ เจ้าฟื้นแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ดูเจ้าสิ ข้านี่แย่จริงๆ ที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าไม่สมควรได้เป็นแม่” นางวางถ้วยข้าวต้มไว้ ก่อนเข้าไปกอดลูกน้อยทั้งดีใจที่ลูกน้อยฟื้นแล้ว ทั้งเสียใจทั้งอัดอั้นที่เรื่องแบบนี้นางผู้เป็นแม่ไม่สามารถช่วยลูกได้ “ท่านแม่ อย่าโทษตัวเองเลย เพราะข้าไม่ดี ทำให้คุณหนูรองโกรธ จึงเป็นเช่นนี้ ว่าแต่ท่านเถอะ วันนี้ท่านยังไออยู่อีกหรือไม่ ข้าอยากไปซื้อยามาให้ท่านกิน” เมื่อตื่นขึ้นมา แม้ความเจ็บปวดตามร่างกายยังมีอยู่มาก แต่เด็กน้อยก็ห่วงมารดายิ่งนัก หากไม่มีมารดา นางจะทนความลำบากเหล่านี้ไปเพื่อสิ่งใดกัน “โธ่ คนดีของแม่ เจ้าต้องห่วงตัวเองก่อนรู้หรือไม่ เจ้ายังเด็กนัก ต่อไปอย่ายอมให้เขาทุบตีเจ้าอีก จงกลับมาหาแม่ โทสะใดที่พวกนางมี ข้าจะรับมันไว้แทนเจ้าเอง เหมียนเออร์ สัญญากับแม่ ว่าเจ้าจะไม่ทนให้เขาทุบตีเจ้าอีกแล้ว เจ้าอย่าห่วงแม่ หากเป็นเพราะข้าทำให้เจ้าต้องทุกข์ทนเช่นนี้ ข้าก็ไม่อยากอยู่เพื่อรั้งเจ้าไว้อีก” “ไม่นะ! ท่านแม่! ข้าสัญญา ข้าจะไม่ยอมให้เขาทุบตีอีก ข้าจะทำตัวให้ดี แต่ท่านต้องอยู่กับข้านะ สัญญากับข้านะ ท่านแม่ ท่านต้องอยู่กับข้านะ!” เด็กหญิงโวยวายอย่างตื่นตระหนก เป็นครั้งแรกที่มารดากล่าวว่าจะไม่อยู่กับนาง “เด็กโง่ ชีวิตของคนทุกคน มีเกิดย่อมมีดับ แต่ข้าจะอยู่กับเจ้าให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เจ้าวางใจเถอะ ตราบใดที่เจ้ายังไม่ออกเรือน ข้าต้องอยู่คอยดูแลเจ้าแน่” “ต่อให้ข้าออกเรือน ท่านก็ต้องอยู่กับข้า ข้าจะเอาท่านแม่ไปด้วย ไม่ทิ้งท่านไว้ที่นี่แน่” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นดั่งกล่าวคำสัตย์สาบานก็ไม่ปาน “อืม.. แม่เชื่อเจ้า มาทานข้าวต้มร้อนๆก่อนเถอะ จะได้กินยา เมื่อคืนท่านหมอหวงมาดูอาการให้เจ้า เขาให้ยาไว้ถึงสองห่อ กำชับว่าต้องกินให้หมดด้วย” “ท่านแม่ ท่านมีเงินไปตามท่านหมอมาให้ข้าหรือ ไม่ใช่ว่าท่าน...” เด็กหญิงนึกถึงหยกก้อนนั้นของท่านยายที่มารดารักมาก ท่านแม่คงไม่.... “ข้านำหยกชิ้นนั้นไปขาย มันขายไม่ได้มาก แต่ก็พอตามท่านหมอมา และยังเหลือพอซื้อเซาปิ่งและน้ำตาลก้อนให้เจ้าอีกสองสามชิ้นด้วยนะ ดูนี่สิ นางหยิบห่อน้ำตาลก้อนสี่ห้าก้อนมามอบให้บุตรสาว “แต่ ท่านแม่... แล้วอย่างนี้ ข้าจะทำอย่างไรถึงจะได้เงินมาซื้อยาให้ท่านล่ะ ท่านร่างกายไม่แข็งแรง และจะเข้าหน้าหนาวแล้ว ร่างกายของท่านจะทนได้อย่างไร” นางไม่ได้ยินดีกับน้ำตาลก้อนและเซาปิ่งก้อนนั้นอีกแล้ว นางอยากตีตนเองที่ตอนแรกดีใจไปกับมัน เงินนั่นควรจะได้นำไปซื้อยาให้ท่านแม่สักสามสี่ห่อ เพื่อไม่ให้มารดาเป็นห่วงและต้องรีบออกไปช่วยงานมารดาด้วย เด็กหญิงจึงตั้งใจกินข้าวต้มที่อุตส่าห์มีเศษหมูมาด้วยถึงสามชิ้นนั้นจนหมด ก่อนกินยาขมถ้วยใหญ่ตามลงไปไม่อิดออด ก่อนนอนหลับพักผ่อนต่ออีกวัน มื้อค่ำหลิวฟางก็รับส่วนแบ่งอาหารมื้อเย็นกลับมาที่ห้องพัก นางซ่อนผ้าเช็ดหน้าชิ้นหนึ่งไว้อย่างดี ด้วยตอนที่นางไอออกมาวันนี้มีเลือดติดออกมาเล็กน้อยด้วย ช่วงนี้ร่างกายนางไม่ค่อยดีจริง ไม่รู้จะฝืนไปได้อีกนานแค่ไหน แต่คืนนั้น ผ้าผืนนั้นก็ถูกพบโดยเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ดี ยามมารดาหลับ นางก็ลุกขึ้นมาค้นไปทั่วตัวเพื่อตรวจสอบอาการของมารดา หากมารดาไอหรือเจ็บป่วยต้องทิ้งหลักฐานไว้แน่ และก็เป็นเช่นนั้น รอยคราบเลือดที่ติดอยู่บนผ้าเช็ดหน้าของมารดาบ่งบอกว่าสุขภาพของนางทรุดลงอีกแล้ว รุ่งขึ้น เด็กหญิงแอบออกทางประตูหลังจวนในยามสาย หลังจากช่วยงานในครัวแล้วเสร็จ เด็กหญิงเคยได้ยินอาซิงพูดว่า ห่างออกไปไม่ไกลมีตลาดและร้านค้ามากมาย ด้วยยังไม่เคยได้ออกจากจวน เมื่อออกมาพ้นแล้ว โลกใบใหญ่ข้างหน้าช่างน่าตื่นตาตื่นใจนัก! คนมากมายเดินผ่านไปมาล้วนไม่เคยรู้จัก พวกเขาไม่ได้ทำท่ารังเกียจนางเหมือนคนที่จวนเป็น นางค่อยๆเดินไปเรื่อยๆและจำทิศทางไว้ หากหลงทางไปนางต้องมองหาสิ่งที่ตนต้องจดจำ เมื่อมาถึงร้านค้าแห่งหนึ่งเฒ่าแก่ผู้นั้นขายผักมากมาย ยังมีผักอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้แกะล้างให้สะอาด นางจึงเดินเข้าไปหา “อ้าว เจ้าจะซื้อสิ่งใดล่ะเด็กน้อย” “คือ... ข้าไม่ได้มาซื้อ แต่ข้าอยากมาช่วยงานท่าน” นางไม่คิดว่าเขาจะจ้างเด็กน้อยทำงาน เฒ่าแก่ผู้นี้อาจคิดว่าไม่คุ้มค่าแรง งั้นนางจะอาสาช่วยงานไปก่อน “ช่วยงาน.. ลื้อเนี่ยนะ จะไม่ทำของข้าเสียหายหรือ” “ไม่หรอก อาแปะ ข้าเคยทำ ข้าทำงานเก่งนะ” “อืม ยังงั้นก็ได้ เจ้าไปจัดการผักกองนั้นก่อนไป ข้ากำลังยุ่งอยู่พอดี” เขาไม่คิดว่าเด็กตัวเท่านี้จะทำงานได้ดี เพียงแต่ให้นางได้ลองก็ไม่เสียหาย ปกติเขามีคนช่วยอยู่หนึ่งคน แต่มารดาป่วยหนักจึงขอลากลับบ้านถึงสิบวัน และเขาก็ยังหาคนมาช่วยงานไม่ได้พอดี เด็กน้อยคนนี้อาสามาช่วยได้ทันเวลา เข้าทางเขาพอดี ช่วงนี้ผักของเขาขายดีเป็นพิเศษ เมื่อได้รับอนุญาตเด็กหญิงก็ลงมือนำผักมาล้างและเด็ดใบที่มีแมลงแทะไม่สวยออก ผักกาดขาวๆอวบอ้วนถูกนางจัดการจนขาวน่ากิน เมื่อนำไปวางผู้คนรีบหยิบจ่ายเงินอย่างไว สร้างความพอใจให้เฒ่าแก่อย่างมาก ที่เด็กตัวเท่านี้ทำงานเก่งไม่แพ้ผู้ใหญ่และคล่องแคล่วดีมาก “โอ้ เด็กน้อยเจ้าเก่งมาก เจ้าชื่ออะไรล่ะ” “ข้าเสี่ยวเหมียนเจ้าค่ะ อาแปะ” “อาเสี่ยวเหมียน เจ้าเก่งมาก แล้วยังทำงานคล่องแคล่วอีก ข้าจะจ้างเจ้าทำงานนะ ทำยามเช้าๆ บ่ายมาก็กลับบ้านได้ ข้าให้วันละ 10 อีแปะ เจ้าตกลงมั้ย” ได้ยินดังนั้น เด็กน้อยก็คุกเข่าขอบคุณอาแปะใจดีที่ให้งานนางทำ ยาของมารดาห่อละ 30 อีแปะ อย่างนี้ทำงานเพียง 3 วัน นางก็ซื้อยาให้มารดาได้แล้ว “ขอบคุณอาแปะที่เมตตา ข้าเสี่ยวเหมียนจะตั้งใจทำงานให้ดี จะขยันให้มาก ไม่ให้ท่านต้องผิดหวัง ขอบคุณเจ้าค่ะ” “เอาล่ะๆ งั้นวันนี้ข้าให้เจ้า 10 อีแปะเลยแล้วกัน แต่พรุ่งนี้เจ้าต้องมาแต่เช้านะ รู้หรือไม่ หากเจ้ามาสาย ข้าไม่รับเจ้าทำงานนะ” “ตกลง ข้าจะมาแต่เช้า” นางแย้มยิ้มกำเงินสิบอีแปะไว้ให้ดี ก่อนเก็บไว้ในอกเสื้อ เดินทางกลับจวนอย่างดีใจ แม้จะผ่านร้านขนมหรือของกินที่มีกลิ่นหอมมากเพียงไร นางก็ไม่ไขว้เขว เงินจำนวนนี้ ต้องนำไปเก็บไว้ซื้อยาให้มารดาเท่านั้น! เมื่อมาถึงเรือนพัก ก็พบกับอาซินกำลังตามหานางอยู่ “ฟงเหมียน เจ้าไปไหนมา ข้าตามหาเจ้าจนทั่ว นี่เจ้าแอบอู้อีกแล้วหรือ” “ข้าเปล่านะพี่อาซิน แต่ข้าทำงานเสร็จแล้ว ท่านมีสิ่งใดหรือ” “คุณหนูสี่ให้คนมาตามเจ้าไปที่เรือน เจ้ารีบไปสิ” “เจ้าค่ะพี่อาซิน” นางพยักหน้ารับทราบก่อนรีบไปที่เรือนอนุเจียวผู้เป็นมารดาของคุณหนูสี่ เมื่อไปถึงเด็กหญิงตัวเล็กเพียง 7 ขวบกำลังยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ใต้ต้นไม้ บนนั้นมีว่าวตัวโปรดของนางติดอยู่ ต้นไม้นั้นต้นเล็กแต่สูงลิ่ว บ่าวไพร่ตัวใหญ่ไม่มีใครกล้าปีนขึ้นไปเก็บมาให้นาง นางจึงเรียกใช้คนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากกล้าปฏิเสธนางจะให้มารดาไปฟ้องฮูหยินใหญ่ ให้ตีให้เข็ด “มาแล้วหรือฟงเหมียน! ชักช้าเสียจริง ข้าให้คนไปตามเจ้าตั้งนานแล้วนะ ทำไมถึงพึ่งมา” “ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนูสี่ พอดีข้าท้องเสีย เลยนานไปหน่อย” “ช่างเถอะ เจ้าปีนไปเก็บว่าวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เร็วๆด้วย!” เด็กหญิงมองขึ้นไปบนยอดต้นสนสูงลิ่ว มันสูงจนน่ากลัวเสียจริง แต่นางคงต้องทำ เด็กหญิงจึงนำผ้าผืนหนึ่งมาคล้องตนเองเข้ากับต้นไม้ ต้นสนเป็นไม้ที่ต้นเรียวยาวสูง กิ่งก้านน้อย ยากแก่การปีนป่าย แต่นางเป็นเด็กตัวเล็ก ต้นไม้นี้อาจพอรับน้ำหนักได้ เมื่อคำนวณแล้วว่าน่าจะปีนได้สำเร็จ เด็กหญิงจึงเริ่มปีน นางใช้ผ้ามัดตนเองกับต้นไม้ เมื่อขึ้นไปที่สูงต้นไม้นั้นก็เอนตัวลงเพราะน้ำหนักที่แบกรัก ผ้าผืนที่ใช้ผูกตัวนางกับลำต้นก็ช่วยพยุงไม่ให้ตกลงมา นางค่อยๆขยับปีนไปเรื่อยจนถึงยอด ก็สามารถหยิบเอาว่าวที่ติดอยู่ออกมาได้ ก่อนค่อยๆหย่อนว่าวนั่นลงไปที่พื้น เมื่อคุณหนูสี่ได้ว่าวตัวโปรดก็ดีใจ ปรบมือแปะๆ แล้วพาคนและว่าวจากไป ทิ้งให้เด็กหญิงฟงเหมียนห้อยต่องแต่งอยู่บนยอดไม้เพียงลำพัง เด็กหญิงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการปีนลง แต่ปีนลงไม่เหมือนปีนขึ้น ตอนนี้ขานางสั่นเทิ้มไปหมด ก็พอดีกับที่กลุ่มของคุณชายสามผ่านมา เขามีอายุเพียง 6 ขวบ เป็นบุตรชายที่เกิดจากอนุ 3อนุผู้นี้เคยเป็นสาวใช้ของฮูหยินใหญ่มาก่อน นางถูกส่งให้เสนาบดีฮุยเพื่อชื้อใจนายท่านยามที่ฮูหยินใหญ่ตั้งท้องคุณหนูรอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD