นี่ก็ปาไปเกือบจะบ่ายอยู่แล้ว แต่งานก็ยังไม่เห็นว่าจะคืบหน้าไปไหนเลย เห้อถ้าวันนี้ไม่เสร็จก็ต้องนัดใหม่อีก ฉันไม่อยากจะเจอเรื่องวุ่นวายอีกแล้วนะฉันอยากให้มันเสร็จๆไปภายในวันเดียวเลย
ถึงเวลาที่พวกฉันจะต้องลงมีทำงานกันแล้วสินะ เห้อ ฉันละเพลียจริงๆเลยกว่าพวกนี้จะเลิกงอแงกว่าจะได้ทำงานก็ปาไปเกือบบ่ายสองแล้ว เอาล่ะ ได้เวลาเตรียมของทำอาหารแล้ว
ไหนๆ ขอดูส่วนผสมหน่อยสิว่ามีอะไรบ้าง สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือบัตเตอร์เค้กเนยสด
วัตถุดิบ
1.แป้งเค้ก 100 กรัม
2. ผงฟู 1/2 ชช.
3. ไอซ์ซิ่ง 80 กรัม
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. เนยละลาย 120 กรัม
6. โอวาเล็ต 1/ 2 ชต.
7. นมสด 1/2 ถ้วย
8. เกลือ 1/2 ชช.
9. กลิ่นนมเนย 1 ชช.
วัตถุดิบก็เตรียมครบแล้วเหลือก็แต่คนทำ ตายจริง! ฉันทำอาหารไม่เป็น
“นี่เราจะทำอะไรกันน่ะ”กราฟสะกิดโนริ
“บัตเตอร์เค้กเนยสดน่ะ^^”เด็กใหม่อย่างโนริตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันหวานหยอดให้กราฟ เธอดูเป็นมิตรดีนะ แต่สักวันเธอจะรู้ว่านายพวกนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด
“น่ากินเนอะ^0^”ความชีกอกำเริบแล้วสินะกราฟ
“น่ากินอะไรกัน ยังไม่ทันทำเลยนะนี่แค่วัตถุดิบเอง”นี่ก็ไม่รู้เรื่องเลย อินโนเซ็นต์ไปนะโนริสาหร่าย
“แล้วนี่ต้องทำอะไรบ้างเนี้ยบอกฉันได้นะ”ปอร์เช่อาสาช่วย
“นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ป้ะปอร์เช่”ฉันทวนคำถามอีกครั้งอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง
“มองฉันในแง่ดีบ้างไม่ได้หรือไง - -”
“ข้าวผัดยัยมิวนิคทำพิษหรอ - -?”
“นี่แกอย่ามาโทษข้าวผัดฉันนะ ถ้าจะเพี้ยนก็เพี้ยนที่หมอนี่คนเดียวเลยไม่เกี่ยวกับอาหารที่ฉันทำ”มิวนิคออกตัวปกป้องฝีมือการทำอาหารของตัวเอง
“ฉันว่าเราต้องแบ่งงานกันแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันกับมิวทำอาหารเองก็ได้...โนริเธอพูดอังกฤษเป็นใช่ไหม...”ปาร์ตี้แบ่งงานก่อนที่จะถามโนริ
“เป็นจ้า...”
“ถ้างั้นเธอก็มาบอกวิธีทำเป็นภาษาอังกฤษระหว่างที่ฉันทำและโนริพูดนั้นก็ให้กราฟเป็นคนถ่ายวีดีโอไว้ น้ำขิงกับนิกกี้ช่วยหยิบอุปกรณ์ส่งให้ฉับกับมิวผสมนะ ส่วนพิกเล็ทกับปอร์เช่ก็ไปทำรูปเล่มรายงาน...ตามนี้ทุกคนคิดว่าโอเคไหม หรือมีใครคัดค้าน”เมื่อไม่มีใครคัดค้านอะไรออกมาทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ฉันซึ่งได้ถูกมอบหมายให้มาทำรูปเล่มรายงานกับปอร์เช่ก็ต้องเดินห่างออกจากห้องครัวมาที่โต๊ะคอมแทน ที่ได้งานนี้ก็คงเพราะฉันทำอาหารไม่เป็นน่ะสิ ขืนไปช่วยมีหวังได้วุ่นวายไปกันใหญ่แน่ๆเลย
“ให้ฉันช่วยพิมไหม...”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ นายไปนั่งที่โซฟาเถอะ”
“อื้มถ้ามีอะไรก็เรียกนะ”
“อื้ม”ฉันพยักหน้าให้
“นี่กีต้าร์เธอหรอ...”อยู่ๆปอร์เช่ก็ถามขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังนั่งหาข้อมูลของบัตเตอร์เค้กที่จะต้องพิมลงใน Microsoft Word
“เอ่อ...อื้มใช่”ฉันหันไปมองกีต้าร์ตัวโปรดสีครีมที่ปอร์เช่กำลังจับมันขึ้นมาวางบนตัก ว่าแต่นายนี่จับกีต้าร์แล้วก็ดูเท่ห์เหมือนกันนะ >////////<
~เพียงพอแล้วถ้าได้มีเธออยู่ใกล้ๆ
ได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล
จะสร้างความลับเอาไว้ในหัวใจ
มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป
อยากจะบอกให้เธอได้รู้ใจ
จริงๆ ก็อยากบอกคำ คำนั้นไป
แต่กลัวเหลือเกินว่าจะต้องเสียใจ
หากเธอรับไม่ได้ เธอคงไม่ยอมให้อภัย กับคำนั้น
อึดอัดเหลือเกิน ต้องเก็บเอาไว้ข้างใน
อึดอัดหัวใจ แต่ก็กลัวว่าถ้าพูดไป กลัวว่าจะต้องเสียใจ~
“เพราะใช่ป้ะล่ะ^o^”น้ำเสียงทะเล้นปนกวนประสาทของเขามันทำให้จินตนาการของฉันลอยลับหายไปทันที
“เสียงอย่างกับวัวออกลูกเนี้ยนะเพราะ อย่าไปร้องทีไหนอีกนะปอร์เช่ - -“”ฉันพูดแก้เขิน ใครจะกล้าไปบอกความจริงเล่าT^T ที่ไม่ให้ไปร้องที่ไหนอีกก็เพราะฉันแค่อยากฟังคนเดียว^o^
“เธอนี่มันโกหกไม่เก่งเลยนะยัยพริกแคระ ฉันรู้ตัวว่าฉันร้องเพลงเพราะ แต่เธอแค่ไม่กล้าชมฉันเพราะกลัวเสียหน้าใช่ไหมล่ะ^o^”
“แหวะ นายนี่มันหลงตัวเองจริงๆเลยนะ แบบว่าหลงตัวเองเข้าขั้นหนักอ่ะ...เอาล่ะถอยไปไกลๆฉันจะทำงาน”ว่าแล้วฉันก็บัดมือไล่เขาทันทีก่อนที่จะหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์เพื่อทำใจต่อ เอ๊ย! ทำงานต่อต่างหาก -_-“
เห้อค่อยเงียบหูหน่อย...ไม่ใช่อะไรหรอก...การที่เขานั่งเงียบๆมันน่าจะทำให้ฉันควบคุมอาการได้ดีที่สุด มันเป็นวิธีที่ดีที่ทำให้ฉันไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดไปไกล
~อยากโดนใครเป็นเจ้าของเต็มที...รักกันที
คนโสดที่ใจดีๆ...มีหรือเปล่า
หัวใจต้องใจกับใคร...เก็บไว้ไม่เคยได้ใช้งาน
อยากเป็นคนมีเจ้าของเต็มที...หาเป็นปี
แต่จะเป็นใครกันดี...เธอหรือเปล่า~
ขอบใจนะที่ร้องเพลงมากดดันฉันอีกเพลง ฉันไม่รู้หรอกว่านายร้องเพลงนี้ทำไม แต่ที่รู้ๆผู้หญิงบนโลกส่วนมากมักคิดเข้าข้างตัวเอง รวมตัวฉันเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“นายช่วยเงียบๆได้ไหมเนี้ย ฉันรำคาญ”ทำฟอร์มไปงั้นแหละ^o^ คริคริ
“ไม่อยากฟังก็ปิดหูไปสิ ฉันไม่ได้เล่นให้เธอฟังสักหน่อย...ฉันคอลสไกด์กับผิงผิงต่างหาก^o^”
ว่าไงนะ! สไกด์กับยัยเด็กนั่นน่ะหรอ ได้ไงกัน เป็นแบบนี้ได้ยังงายยยยย -0- โธ่เอ๊ย! แล้วก็ปล่อยให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ได้ มันหน้าไล่ออกจากกลุ่มซะนี่
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายเล่นให้ฉัน ไปสไกด์ไกลๆได้ม้ะ...เสียงก็ไม่ได้เพราะเล้ย...แล้วขอบอกไว้อย่างนึงนะถึงนายจะร้องให้กับฉันเพลงห่วยๆแบบนั้นฉันไปทนฟังปอร์เช่ข้างบ้านร้องยังจะดีกว่าอีก”
“ปอร์เช่ข้างบ้าน...มีคนชื่อเหมือนฉันด้วยหรอ”
“มีสิ น่าตาน่ารักด้วยนะอยากเห็นไหมล่ะ”
“ฉันก็อยากจะรู้ว่าคนที่ชื่อเหมือนฉันคนนั้น เขาจะดีกว่าฉันแค่ไหนกันเชียว”ปอร์เช่พูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“อยากเห็นก็ตามมาสิ”ฉันลุกออกจากเก้าอี้หน้าคอมเดินนำปอร์เช่ไปทางข้างบ้าน
“ไหนอ่ะ”ปอร์เช่อยากรู้อยากเห็น
“ปอร์เช่...”ฉันตะโกนอยู่ข้างๆรั้วบ้าน
เพียงไม่นานนักเจ้าสุนัขพันธุ์ชิสุขนสีน้ำตาลทองก็วิ่งออกมาจากบ้านของมันแล้วมาตะกุยอยู่ข้างๆรั้วบ้านฉัน
บู้ว์!!!
“อ๋อฉันลืมบอกไปว่าปอร์เช่ที่ว่านั้นเป็นชื่อของสุนัขตัวนี้”ฉันหันไปตอบหน้าตาทะเล้นใส่ปอร์เช่ที่เป็นคน ทำเอานายนี่ถึงกับหน้าเหวอไปเลยทีเดียว
“ได้ไงกัน...ใครช่างตั้งชื่อให้เจ้าตัวนี้เนี้ย”ปอร์เช่อารมณ์เสีย
“ฉันเองอ่ะ พอดีว่าป้าเจ้าของของปอร์เช่เขาวานให้ฉันช่วยตั้งชื่อให้...ฉันเห็นว่าชื่อนี้เหมาะกับมันดีฉันก็เลยเสนอชื่อให้ป้าเขา...และป้าเขาก็สนใจก็เลยเอาชื่อนี้ไปเรียกน้องหมา^o^”
“เธอนี่มัน...ฮึ่ย!”ปอร์เช่พูดไปออก ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาว่าฉันก็เลยสบถก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปอย่างหัวเสีย
ตลกชะมัดเลยเวลาที่เห็นเขาไม่พอใจเนี้ย^_^
“ถอยไปฉันจะเข้าไปทำงานต่อ”ฉันกล่าวก่อนที่จะผลักอกของเขาให้ถอยออกไป
“นี่! หยุดก่อนเลย...มาเคลียร์กับฉันให้มันรู้เรื่องก่อน”ปอร์เช่ตะโกนไล่หลังมาอย่างเอาแต่ใจ
“มีอะไรที่ต้องเคลียร์อีกหรอ เสียเวลาขะมัดเลย”ฉันทำเป็นไม่สนใจ
“นี่ฉันบอกให้หยุดไง!”ปอร์เช่วิ่งมาดักหน้าฉัน
“นี่นาย ฉันจะไปทำงาน...ถอยไปไม่ช่วยก็อย่ามาขวางได้ไหม- -”
“บอกมาก่อนสิว่าทำไมต้องเอาชื่อฉันไปตั้งให้หมาด้วย นี่เธอเกลียดฉันถึงขนาดเอาชื่อฉันไปตั้งให้หมาเลยหรอ”ไปกันใหญ่แล้ว
ความจริงคุณป้าข้างบ้านให้ฉันช่วยคิดชื่อให้ฉันก็เลยเผลอหลุดปากพูดว่าปอร์เช่ออกไป บังเอิญว่าตอนนั้นดันนึกถึงนายนี่ขึ้นมาคุณป้าแกเลยนึกว่าฉันตั้งชื่อให้เจ้าหมาน้อยก็เลยเอาไปเรียกเจ้าหมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“ใช่ ฉันเกลียดนาย...จบนะแล้วก็ถอยไปได้และ”พิกเล็ท ไม่น่าเลยทำไมชอบพูดจาตรงข้ามกับใจอยู่เลื่อยเลยนะ แล้วอย่างนี้จะพิชิตใจเขาได้อย่างไรล่ะT^T
“ฉันไปทำอะไรให้เธอ...ทำไมเธอถึงเกลียดฉันนัก!!”ปอร์เช่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาฉันอึ้งไปชั่วครู่
“เอ่อ...”
“ตอบฉันสิ...ฉันไปทำอะไรให้นักหนา...เกลียดฉันมากใช่ไหม...ถ้าเกลียดมากฉันไม่อยู่ก็ได้กลุ่มบ้าเนี้ย!” พูดจบปอร์เช่ก็เดินไปทางประตูบ้านของฉันอย่างโมโห
แล้วนี่เขาจะมาโมโหฉันทำไมล่ะเนี้ย แล้วอย่างนี้ฉันควรทำไงดี...
“แล้วนั่นนายจะไปไหน มีกลุ่มอยู่หรือไง”ฉันตะโกนถามพร้อมกับวิ่งตามเขาออกไป
“ไปอยู่กับพวกไอริก็ได้...”ไม่ได้นะ นายจะไปอยู่กับกลุ่มผู้หญิงคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด แย่แล้วยัยพิกเล็ทไม่น่าไปพูดจาแบบนั้นเลย แล้วจะทำไงล่ะทีนี้
“ห้ามไปเด็ดขาด!”
“ห้ามไป...ห้ามไปอะไรของเธอ”
“ก็...”
ปอร์เช่มองหน้าฉันอย่างงงๆ แต่เดี๋ยวนะทำไมปอร์เช่ยังคงอยู่ที่เดิมล่ะ
“ฉันถามเธอว่าเธอเกลียดฉันมากเลยหรอถึงได้เอาชื่อฉันไปตั้งชื่อหมาเนี้ย”เอ้า แล้วนี่ฉันยังไม่ตอบนายอีกหรอเนี้ย สงสัยเมื่อกี้แค่คิดแน่ๆเลย^____^”
“ใช่”ไม่นะเผลอตอบแบบนี้ไปได้ยังไง แล้วอย่างนี้เขาจะโมโหฉันแบบที่คิดไว้เมื่อกี้หรือเปล่าT^T
“ได้...”ปอร์เช่เดินผ่านหน้าฉันไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขาต้องเดินออกจากบ้านแบบที่คิดไว้แน่ๆ
“นั่นนายจะไปไหน จะกลับบ้านหรอ”ฉันถามออกไปอย่างรนราน ก็ฉันไม่อยากให้เขาโกรธนี่นา
“ไปทำรายงาน...”
“ว่าไงนะ!”นี่ฉันฟังผิดไปหรือเปล่าเนี้ย หูฉันฝาดหรอ
“งงอะไร ก็ไปทำรายงานไง...ฉันยังไม่อยากถูกไล่ออกหรอกนะแต่ถึงไล่ฉันก็ไม่ไปเพราะเรามันแก๊งค์เดียวกัน^^”ปอร์เช่บอกอย่างหน้าทะเล้น ฉันคิดผิดจริงๆ ที่คิดว่าคนอย่างเขาจะทะนงตัวหยิ่งในศักดิ์ศรีและไม่ง้อ แต่ก็ถือว่าดีที่เขาไม่โกรธฉัน โล่งอกไป แล้วไอ้นิสัยชอบคิดไปเองเนี้ยฉันควรเลิกได้แล้วนะ สร้างสถานการณ์เก่ง!!
20นาทีผ่านไป...
“นี่ยัยพริกสวน...”
ระหว่างที่ฉันนั่งดูการ์ตูนอยู่ที่โซฟาอย่างสบายใจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของปอร์เช่เรียกขึ้นขัดจังหวะการดูของฉันทันที แล้วไอ้ชื่อนั้นก็ทำให้ฉันอารมณ์มากๆเลยด้วย
“นี่ จะมีสักวันไหมที่นายจะเรียกชื่อฉันแบบดีๆเนี้ย”
“ก็แล้วฉันเรียกเธอไม่ดีตรงไหน เลิกพูดมากแล้วเดินมานี่สิ”หน็อย! นอกจากเถียงแล้วยังมาสั่งให้ฉันเดินไปหาอีกหรอ
ปากก็บ่น แต่สุดท้ายก็ลุกเดินไปหาเขาอยู่ดี...ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมฉันถึงได้ชอบคนอย่างนายนี่ซะได้นะ ส่วนดีก็แทบจะไม่มี นี่ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“มีไร= =”ฉันถามอย่างห้วนๆ
“เธอคิดว่าไง...จะตกแต่งอะไรตรงไหนอีกหรือเปล่า”โหมดจะจริงจังเรื่องงานก็เข้าท่าเหมือนกันแหะ^^
“ฉันว่ามันดูเหมือนขาดอะไรไปนะ”ฉันครุ่นคิด จะว่าไปความจริงสไตล์การจัดรูปเล่มของเขามันก็สวยนะ เรื่องศิลปะยกนิ้วให้นายนี่เลยเพราะเขาเก่งศิลปะมาก แต่ดูยังไงก็ดูเหมือนขาดอะไรไปอยู่ดี
“ใช่ม้ะ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น”ปอร์เช่คิด “นี่เธอนั่งลงสิ ลองคิดสิว่ามันขาดอะไรไป”
“จะนั่งยังไงล่ะ มีเก้าอี้ตัวเดียว...”
“นี่ไง...นั่งข้างๆฉันก็ได้...เนี้ยมา...”ปอร์เช่ตบที่เก้าอี้ตัวที่เขานั่งอยู่ให้ฉันนั่งลง ซึ่งมันเหลือที่นั่งอีกแค่นิดเดียว เอาแล้วไง!
“เอ่อ...ฉันนั่งพื้นก็ได้^^”ว่าแล้วฉันก็ย่อลงไปนั่งคุกเข่าที่ข้างๆเก้าอี้ที่เขานั่ง
“ขึ้นมา!”
ขวับ พรึ่บ!
“O///O”ปอร์เช่ดึงแขนฉันให้ขึ้นมานั่งข้างๆเขาอย่างเอาแต่ใจ สร้างความตกใจให้ฉันเป็นอย่างมาก ฉันแทบจะตั้งตัวไม่ได้กับนิสัยเอาแต่ใจของเขาเลย
ตึก ตัก ตึก ตัก!!
แล้วไอ้อาการที่ใจเต้นแรงๆเนี้ยเมื่อไหร่จะควบคุมได้สักที บนเก้าอี้พื้นที่เล็กๆที่ฉันต้องนั่งเบียดกับผู้ชายข้างกายนั้นมันสร้างความกดดันให้ฉันจนไม่มีกระจิตกระใจคิดเรื่องงานอยู่เลย สิ่งที่คิดว่าขาดไปเมื่อกี้ตอนนี้มันนึกไม่ออกเลยว่าขาดอะไรไป หัวสมองฉันโล่งมากในหัวมันมีแต่สีขาวโพลนเต็มไปหมด มือไม้สั่น ตัวสั่น เริ่มไม่เป็นตัวเอง รู้สึกเหมือนตัวเบาๆอย่างบอกไม่ถูก และอาการแบบนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อฉันได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้ๆ เป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันมือไม้สั่นอย่างไม่เป็นตัวเอง และเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันหายใจติดขัดทุกครั้งที่เราเฉียดกายใกล้กัน
และฉันคิดว่าจะเป็นแค่คนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้และเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจฉันที่สุด
“นี่...ไม่สบายหรอทำไมตัวสั่นๆ”ปอร์ถามขึ้นพร้อมกับเอาไหล่มากระแทกฉันเบาๆทำเอาฉันสะดุ้งอย่างตกใจ
“เปล่าๆ เอ่อ...ไม่เป็นไร...ฉันสบายดี^///^”ฉันจะตอบเสียงตะกุกตะกักทำไมเนี้ย เดี๋ยวเขาก็จับได้พอดี
“’งั้นก็คิดสิ...ว่ามันขาดอะไรไป”เอาล่ะพิกเล็ท ตั้งสติและทำงานใช้สายตาไล่ดูบนจอคอมพิวเตอร์ได้แล้ว อย่าไปสนใจคนข้างๆคิดซะว่าไม่มีเขาอยู่ข้างๆจะได้ลดความตื่นเต้นลงไปได้
“คิดอยู่...”รู้แล้ว...ฉันรู้แล้วว่าเขาขาดอะไรไป “ฉันว่านา...”หลังจากที่ฉันกวาดสายตามองที่คอมจนนึกได้แล้วฉันก็หันไปบอกเขา แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยคดีฉันก็เผลอสบตาเขาเข้าอย่างจังและดูเหมือนว่าเขาจะมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
ตึก ตัก ตึก ตัก!!
และฉันก็ต้องชะงักอีกครั้ง เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนเหมือนในโลกนี้มีแค่เราสองคน ทุกอย่างมันหยุดนิ่งไปหมด ถ้าเป็นเครื่องเล่นก็คงถูกกดหยุด
อะแฮ่ม!!
ฟึ่บ ตุ๊บ!!
เสียงกระแอมของมิวนิค กระชากจิตที่หลุดลอยไปไกลของฉันให้กลับมา ด้วยความตกใจฉันจึงเผลอผลักร่างของปอร์เช่ให้หล่นลงไปกองที่พื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เอ่อ...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรแกนี่ อย่าร้อนตัวสิคะเพื่อน”น้ำเสียงยียวนของยัยเพื่อนตัวแสบกล่าวขึ้น ทำเอาฉันอายม้วนจนทำตัวไม่ถูกเลย
“แล้วแกมีอะไรล่ะถึงได้มาหาฉัน”ฉันทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันจะมาบอกว่าบัตเตอร์เค้กทำเสร็จแล้ว”
“เห้ย จริงดิ”ปอร์เช่ไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่กลับวิ่งเข้าไปในครัวด้วยความเร็วดั่งพายุ
“แหม อีตานี่ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยนะแก”มิวนิคพูดประชดทำเอาฉันหลุดขำออกมา
“นี่พวกนาย...ถ่ายรูปรวมก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งเห็นแก่กินกันเส้!”น้ำขิงกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ก็รีบๆสิ พวกเธอนี่ชักช้าจริงๆเลย เสียงขนมเรียกร้องฉันให้กินตั้งนานและนะ”นี่สินะคำพูดของนิกกี้ คิดได้ไงเสียงขนมเรียกร้อง
“ใช่ๆ เธอได้ยินอะไรไหมมันบอกกับพวกฉันว่า ‘กินฉันสิ กินฉันสิ’”นอกจากพวกนี้จะกวนประสาทแล้วยังทำเสียงประหลาดๆนั่นอีก