พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ บริเวณโดยรอบอากาศเริ่มเย็นตัวลง ภายในตำหนัก หวงเจียวหลุนทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี พยักหน้ารับ ส่วนคนที่ทำหน้าที่หนักในการจดจากสิ่งที่สตรีตรงหน้าเอ่ยเริ่มขมวดคิ้ว ความวิตกกังวัลเริ่มเกาะกินหัวใจของขันทีผู้ภักดี
" เอ่อ.. ที่แม่นางกล่าวมา ข้าน้อยว่า เอ่อ.." หวังเฟิงฟังคำที่ปิ่นหยกเอ่ย เริ่มเอ่ยปากท้วง
" เงียบ! ข้ารอฟังอยู่ " หวงเจียวหลุนเอ่ยท้วง จนหวังเฟิงเหงื่อเริ่มตก แต่ยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
" แต่.. เอ่อ "
" ให้เขาพูดเถอะ องค์ชาย " ปิ่นหยกพูดขัด เพื่ออยากรู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกับเนื้อความที่ตนเอ่ย
" ว่าไงคุณหวังเฟิง? นายมีปัญหาอะไรกับสิ่งที่ให้จด "
" ก็ดูสิ เจ้าให้องค์ชายกินแต่ผักมากกว่าเนื้อสัตว์ทุกมื้อ ทั้งกำกับว่าต้องต้ม นึ่ง ห้ามทอดและผัดเด็ดขาด มื้อค่ำต้องกินตามเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกเย็น ยังอีกมากที่ข้าจด เจ้าจะทรมานองค์ชายเก้า? หรือเจ้าไม่รู้ว่านี่คือการประทุษร้ายทางร่างกายต่อเชื้อพระวงศ์ โทษถึงประหารชีวิต "
" ทำไม? ไม่พอใจ? " ปิ่นหยกเชิดหน้าถาม แต่ก็รู้ว่าหวังเฟิงหวังดี
" ใช่ พระองค์เป็นเจ้านายข้า ข้ารักพระองค์เท่าชีวิต ข้าไม่ยอมให้พระองค์ทนหิวไส้กิ่วเป็นแน่ " หวังเฟิงท้วงด้วยใบหน้าไม่พอใจ
" อ๋อ! ข้ารู้แล้ว เป็นเจ้าที่โป้ปด หลอกลวงเบื้องสูงนี่เอง " ปิ่นหยกเริ่มยัดเยียดความผิดให้ ทั้งชี้หน้าหวังเฟิง เขาตกใจทำอะไรไม่ถูก ตนไปโป้ปด หลอกลวงเบื้องสูงตอนไหนกัน
" ขะ ..ข้า ข้าไปโป้ปดองค์ชายเก้าเมื่อใด เจ้า.. เจ้ากล่าวหาข้า"
" กล่าวหา? หึ! ข้าจะบอกให้นะ เจ้าให้องค์ชายกินอย่างนี้ไง รูปร่างถึงเป็นเช่นนี้ไง อายุตั้ง 25 แล้วยังไม่ได้ซั่มใครสักคน "
" ซั่ม? คือ? "
" ซั่มคือ? คืออะไรดีอ่ะ " ปิ่นหยกนึกแล้วก็เอ่ยขึ้นมา " ซั่มก็คือยิ้ม เอ่อ ยิ้มอ่ะ ยิ้มกับสาวๆ สวยๆ พอเขาพอใจก็ยินยอมแต่งงาน เข้าใจหรือยัง นั่นแหละความผิดเจ้าเต็มๆ เลยนายขันที " หวังเฟิงถึงกับเปลี่ยนสีหน้า เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุให้องค์ชายเก้ายังมิแต่งพระชายา เขาถึงกับเข่าอ่อน และปิ่นหยกก็รู้สึกสะใจที่ตนเองเหนือกว่า
" แต่ก็ใช่ว่าเป็นความผิดเจ้าเสียทีเดียวหรอก พ่อขันที ถ้าเจ้าไม่ทำก็เป็นความผิดที่เจ้าละเลยหน้าที่เรื่องอาหารการกิน แต่ผิดส่วนหนึ่งก็ต้องเป็นองค์ชายหมีของเจ้าที่กินห่วงสุขภาพและรูปร่าง เพราะฉะนั้น เจ้าคงไม่มีประเด็นเรื่องนี้แล้วนะ "
" เอ่อ.."
" รูปร่างองค์ชายเก้าของเจ้า ตอนนี้เป็นของข้า ข้ามีคำสั่งให้ปฏิวัติรูปร่าง หากมีปัญหา.. องค์ชายเก้าจะปลดเจ้าให้ไปตักขี้ไก่ "
" ไม่จริงใช่หรือไม่พะยะค่ะ องค์ชาย " หวังเฟิงเริ่มหาที่พึ่ง ยิ่งสตรีนางนี้มาอยู่ในตำหนัก เขาเริ่มรู้ว่าตนหมดความสำคัญ แต่ยังมีความหวังเล็กน้อยว่าเจ้านายที่ตนถวายชีวิตมิได้คิดเช่นนั้น หวงเจียวหลุนมองหน้าหวังเฟิงแต่ไม่ตอบสิ่งใด ปิ่นหยกยิ้มและเอ่ยขึ้น
" องค์ชายเก้าของเจ้าตอนนี้กำลังเป็นขี้! "
" เจ้า! บังอาจลบหลู่เบื้องสูง " หวังเฟิงได้ยินก็โกรธจัด แม้แต่หวงเจียวหลุนยังหน้าเสีย เขานี่นะเป็นขี้
" ใช่! เพราะตอนนี้องค์ชายของเจ้าเหมือนขี้ ขี้ที่มีแต่คนรังเกียจ แต่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำ เจ้าขันทีหน้าสวย ลองคิดสิหากองค์ชายเจ้าเป็นคนปุถุชนคนธรรมดา นอกจากจะรังเกียจแล้ว คร้านไม่ต้องโดนกลั่นแกล้งด้วยหรอกหรือ " ปิ่นหยกอธิบายความว่าขี้ให้หวังเฟิงเข้าใจ พร้อมกับหวงเจียวหลุนไปพร้อมๆ กัน ใบหน้าของบุรุษทั้งสองก็เริ่มดีขึ้น
" อธิบายอย่างนี้แล้วคงเข้าใจแล้วสินะ เช่นนั้นก็ทำตามคำที่ข้าสั่ง ตอนเช้าพาไปวิ่งรอบๆ ตำหนัก หรือที่กว้างๆ เข้าใจหรือไม่ "
" แม่นางปิ่น ข้าขอถามหน่อยเถิด เจ้ารู้วิธีการแปลงโฉมด้วยหรือ? "
" รู้สิองค์ชาย ที่ยุคของข้ารู้กันหมดแหละ บางคนก็ทำ บางคนก็ไม่ บางคนใช้ตัวช่วยแต่อันตราย เอาเป็นว่าถ้าทำตามที่ข้าบอก หุ่นน่ากินมาก "
" แล้วเจ้ารู้มาจากสำนักใดหรือ? "
" เอ่อ.. อธิบายยากนะ เอาเป็นว่าเคยมีคนเคยทำแล้วสำเร็จแล้วกัน " ปิ่นหยกกล่าวจบก็เดินไปนั่งประจำที่ของตนใกล้ๆ กับกระจก เพื่อรอความหวังที่ได้กลับบ้านของตน หวงเจียวหลุนมองตามร่างงามได้แต่ถอนใจ พลางคิดว่าหากนางได้กลับไปจริงจะมีโอกาสได้กลับมาหรือไม่ เช่นนั้นระหว่างนี้เขาต้องเริ่มใกล้ชิดนางเพื่อพิชิตใจสาวงาม ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่เฉกแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องหวัง ในเมื่อนางยินดีช่วยเหลือตน นั่นแสดงว่านางมิได้รังเกียจเขา หากจากกันไกลจริงอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาเลือกรักสตรีไม่ผิดคน
" แม่นางปิ่น ย่ำรุ่งเจ้าพอจะออกไปวิ่งเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ " เขาเอ่ยขึ้น
" หา! ไม่เอาอ่ะ ข้าขี้เกียจ องค์ชายเอาพี่ขันทีไปเป็นเพื่อนวิ่งแล้วกันนะ "
" แล้วถ้าข้าวิ่งผิดตามเคล็ดวิชาของแม่นางเล่า? เถิดหนาช่วยองค์ชายอย่างข้าเถิด "
" ไม่เอาอ่ะ " ปิ่นหยกโน้มตัวลงนอนที่พื้น ตอบอย่างขี้เกียจ
" ข้าให้เจ้า " ปิ่นหยกมองสิ่งหนึ่งที่อยู่ภายในมือของบุรุษร่างใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน เธอดีดตัวขึ้นมานั่ง และมองตาไม่กะพริบ
" ว้าว! สวยจัง อะไรน่ะ "
" นี่เรียกว่าปิ่น ใช้ปักผม สตรีทุกนางมักมีประดับ ข้าเห็นว่าเจ้ามิมี ข้าถึงให้เจ้า"
" ให้จริงหรือ? " ปิ่นมองตามเครื่องประดับตรงหน้า แต่ยังไม่กล้ายื่นมือไปรับ ดูแล้วช่างสวยกว่างานคริสตัลตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายจิวเวอรี่เสียอีก
" มิปดแม้แต่ครึ่งคำ " เขาเอ่ยตอบ พร้อมมือที่ยื่นมอบให้กับนาง
" ไม่เอาดีกว่ามันแพงเกินไป หากหายมาเสียดายแย่เลย " ปิ่นหยกเอ่ยตอบ
" หากสูญหาย อย่าได้กังวล ข้าจะนำมามอบให้แม่นางใหม่ "
" แล้วองค์ชายให้ข้าเพื่อ? "
" เจ้าเป็นสหายข้า ยินดีช่วยข้า ข้าย่อมตอบแทน " เขาเอ่ยและย่อตัวนั่งข้างๆ
" ย่ำรุ่งไปฝึกวิชาแปลงโฉมเป็นเพื่อนข้า หากเป็นหวังเฟิงข้าย่อมมิเชื่อฟัง "
" ก็ได้เจ้าค่ะ องค์ชาย " ปิ่นหยกมองหวงเจียวหลุน ที่มีท่าทีจริงจัง ก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้ ส่วนหวงเจียวหลุนเมื่อได้ยินคำตอบก็ดีใจยิ้มจนแก้มสองข้างแดงระเรื่อ จนปิ่นหยกเห็นยังรู้สึกว่าแก้มเขาน่าหยิกมาก มือคล่อยๆ เลื่อนไปจะหยิกแก้มแต่ถูกหวงเจียวหลุนยื่นปิ่นเข้าใส่ที่มือ
" เก็บไว้เถิด ข้าย่อมดีใจหากเจ้าใช้มัน "
" ใช้เป็นที่ไหนเล่า "
" ข้ายินดีปักผมให้เจ้าทุกวัน " เขากล่าว
" แหม...พูดต่อไปไม่เป็นเลย "
" เจ้าไปนอนที่เตียงเถิด "
" อืม วันนี้กระจกคงไม่เปิดให้กลับหรอกมั้ง " ว่าแล้วปิ่นหยกก็เดินไปนอนที่เตียง เธอนอนพลิกกายไปมา ไม่นานก็หลับไป เมื่อเธอหลับสนิทเตียงด้านข้างก็ยุบลง หวงเจียวหลุนค่อยๆ เอนกายให้หัวลงหมอนนอนหลับข้างสตรี ก่อนหลับตาเขาจับมือนางมาจุมพิตอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นนางมิตื่นขึ้นก็ยิ้มพิมพ์ใจ ค่อยๆ หลับตาเคลิ้มหลับไปในยามรัตติกาล