สองขาก้าวขึ้นบันไดอย่างมั่นคง สองตาสอดส่ายหาบุรุษซึ่งเป็นที่พึ่งยามยาก เพราะเธอจับพลัดจับผลูมาอยู่ที่นี่ เมื่อสายตาสบกับบุรุษร่างใหญ่ เธอมองมาในระยะไกลเพื่อพิจารณาเขา เขานั่งตัวตรงดูสง่าหากตัดพุงพุ้ย แก้มป่อง นั่งเพียงผู้เดียวก็ทำให้เต็มฝั่ง มิมีผู้ใดสามารถนั่งข้างเขาได้ รูปร่างเช่นนี้สามารถเข้าร่วมประกวดราชาช้างได้ไม่ยาก เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วหย่อนก้นไปนั่งเก้าอี้ตรงข้าม มือก็เท้าคาง นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าอ้วน เต่งตึง เขามี ดวงตากลมดำขลับ แพขนตายาว ดั้งจมูกอาจจะโด่งก็เป็นได้แต่อาจเพราะแก้มทั้งสองข้างแย่งความโดดเด่นไปเสียหมดจึงทำให้สันจมูกที่ควรโด่งเป็นสันเขากลายเป็นดินแดนแห่งราบลุ่ม มองผิวเผินโดยรวมๆ เขาช่างไร้เสน่ห์ อาจเป็นเพราะความอ้วนท้วมสมบูรณ์ เข้าครอบงำใบหน้า จึงหาหญิงใดมาชอบ หากเป็นยุคของเธอ ก็คงจีบใครไม่ติด มีเพียงความน่ารักที่พอถูๆ ไถๆ ดึงดูดผู้อื่นให้เข้าตาตนหวังที่เข้ามาใกล้เพื่อกลั่นแกล้งแต่มิใช่เพียงสนิทเพื่อเป็นแฟน เมื่อเธอมองเขาไปสักพักสังเกตว่าใบหน้าของบุรุษเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนลามไปถึงใบหู
หวงเจียวหลุนจ้องสตรีตรงหน้า เมื่อนางมานั่งฝั่งตรงข้ามและเอาแต่จับจ้องตนเอง ใบหน้าที่เปล่งปลั่งไปด้วยเนื้อหนังมังสา ค่อยๆ เริ่มมีสีแดงระเรื่อ เขาจับจ้องไปที่ใบหน้ารูปหัวใจ ดวงตานางมิใช่สีดำขลับเสียทีเดียว แต่กลมโตดูงามดั่งเนื้อทราย ขนตางอนยาว ใบหน้าดูอวบอิ่ม แต่ด้วยตัวเขามิเคยจดจ้องสตรีนางใดได้นานนัก ความประหม่าเริ่มเกาะกินหัวใจ จึงคิดว่าจะเอ่ยถามถึงความปกติบนใบหน้าของตน ทว่าเมื่อเขากำลังจะเอ่ยปากเสียงดังอึงมี่จากด้านล่างก็ดังขึ้น เพื่อเรียกภวังค์ความคิดของเขาทั้งสองให้เบนสายตาไปมอง
กลุ่มฝูงชนล้อมรอบเป็นครึ่งวงกลมเพื่อรอภาพตื่นตาตื่นใจ ภาพนั้นมีบุรุษร่างเล็กแต่แลดูแข็งแรง สังเกตได้ที่ลำแขนขึ้นกล้าม นอนเหยียดยาวโดยมีก้อนอิฐขนาดใหญ่กว่าลำตัวพาดอยู่ด้านบน ส่วนอีกด้านมีบุรุษร่างกำยำล่ำสัน ผิวกายสีดำแดด ถอดเสื้อเผยรูปร่างของตน มือข้างที่ถนัดเห็นว่ามีค้อนขนาดใหญ่เต้าหนึ่ง เพียงเวลาไม่นานสำหรับการรอคอย ชายผู้นั้นก็ค่อยๆ ยกค้อนที่ดูหนักยกเหนือศีรษะ และปล่อยมันลงมายังท่อนอิฐอย่างไม่มีความปรานีต่อบุรุษด้านล่าง ก้อนอิฐหักลงเป็นท่อน เศษอิฐกระเด็นกระทบพื้น หรือไม่ก็กระเด็นกระทบผู้ชมที่ยืนใกล้ๆ เมื่อภาพตื่นตาได้จบลง เสียงปรบมือพร้อมเสียงสรวลเฮฮาก็ดังขึ้น ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนักแสดงผู้หนึ่งเดินถือผ้าเพื่อรอรับบริจาค ด้วยท่าทีนอบน้อม
" โอ้แม่เจ้า! สุด -ยอด " ปิ่นหยกเอ่ยขึ้นด้วยความตะลึง
" ข้าบอกแม่นางแล้ว หากอยู่ด้านบนโอกาสที่ชมจะง่ายเสียกว่า " เขาเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
" ใช่ๆ " นางพยักหน้ารับ แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังภาพเบื้องล่างอยู่
อาหารสองสามอย่างถูกยกมาวางตรงหน้าปิ่นหยก ทำให้เธอมองอาหารที่หน้าตาชวนน้ำลายสอ และนั่นก็ทำให้เธอนึกถึงเสียงสตรีที่แอบนินทาบุรุษยศศักดิ์มิธรรมดา
" พระองค์กิน เฮ้ย! ทาน เฮ้ย! ไม่ใช่เสวยอย่างนี้ทุกครั้งเลยหรือ? "
" พูดกับข้าเฉกเช่นสามัญก็ได้ ปกติข้าทานแบบนี้มิบ่อยหรอกแม่นาง มีอะไรหรือ? อาหารไม่ถูกใจแม่นาง? "
" พูดได้หรอ ไม่สั่งตัดหัวนะ? "
" ไม่หรอก ข้าเข้าใจแม่นาง "
" งั้นดีเลย งั้นข้าขอถามนะ องค์ชายเคยคิดอยากลดหุ่นบ้างหรือไม่? " คำถามของนางทำให้ใบหน้าที่ชื่นมื่น บัดนี้แข็งค้างขึ้นมาทันที
" แม่นางรังเกียจข้างั้นรึ? " คำถามแทนคำตอบได้ส่งมอบให้กับปิ่นหยก และฟังน้ำเสียงปนความเศร้าสร้อย จนปิ่นหยกหน้าเสียมาทันที
" ไม่ใช่ๆ องค์ชายอย่าเข้าใจผิดสิ ข้าไม่รังเกียจแม้แต่น้อย กลับดีใจที่มีเพื่อน เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ สหายเป็นถึงองค์ชายนะ " เธอรีบโบกมือปฏิเสธทันที
" เช่นนั้นแม่นางถามข้าเพราะเหตุใด "
" เอ่อ.. คือ.. ตอนข้าไปห้องน้ำ " ปิ่นเอ่ยตอบพร้อมก้มหน้าชำเลืองมอง เพราะกลัวว่าบุรุษตรงหน้าจะมีอาการเฉกเช่นช้างตกมัน " ข้า..ข้าได้ยินเสียงสตรีกล่าวต่อว่าองค์ชาย ถึงรูปร่าง ข้า.. ข้า..แต่ข้ามิได้รังเกียจองค์ชายจริงๆ นะ " ปิ่นตอบแต่ไม่เล่าเนื้อความ และสรุปอีกครั้งว่ามิได้รู้สึกเหมือนสตรีสองคนนั้นเลย
" ช่างน่าอายนัก ที่ทำให้แม่นางมาฟังเรื่องน่าอายของข้าเช่นนี้ แต่ช่างเถิด " เขาตอบนางด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้มส่งให้ ปิ่นหยกมองก็ดูออกว่าเขารู้สึกเช่นไร การถูกรังเกียจจากผู้คนที่รอบข้าง และเสแสร้งแกล้งทำเมื่ออยู่ใกล้ เป็นเช่นไร และการต้องโกหกกับตัวเองมันมิได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
" องค์ชายต้องปฏิวัติ! " ปิ่นหยกเอ่ยเสียงดัง พร้อมตบโต๊ะดังไปพร้อมกัน
" อะไร? อะไรคือปฏิวัติ? "
" อธิบายยาก สรุปคือองค์ชายต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดี แปลงโฉมใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม "
" แม่นางมีเคล็ดวิชากวนอิมพันหน้าหรือ? " หวงเจียวหลุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ อีกทั้งเบิกตาโพลง
" อะไรอ่ะ? กวนอิมพันหน้า? เจ้าแม่กวนอิมที่เป็นรูปปั้นหรือ? " เธองงกับคำพูดของหวงเจียวหลุน และก็ยิ้มเมื่อคิดว่าเขาคงต้องการที่ยึดเหนี่ยวทางใจ
" อยากได้หรือ? ถ้ากลับไปได้จะไปเช่าให้ มีเยอะมาก มีทุกปาง " เธอยิ้ม แต่หวงเจียวหลุนตอนนี้มีความกังขาปรากฏบนใบหน้าอย่างปิดมิมิด
" ทำหน้างง เอาเป็นว่าองค์ชายต้องแปลงโฉม โอเคนะ " เธอทำสัญลักษณ์โอเคอย่างที่คนยุคเธอเข้าใจ แต่หวงเจียวหลุนยิ่งงงเข้าไปมากกว่าเดิม
" เออเค้อ? คืออะไร? แล้วเจ้าทำมืออย่างนั้นคือหนึ่งในวิชากวนอิมพันหน้าหรือ? "
" เอ่อ... " เธองงตาม แล้วลองทำมือโอเคอีกครั้ง แล้วลองหงายมือ พลางนึกในใจ ถ้าเป็นเจ้าแม่กวนอิมต้องเอานิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่โป้ง แต่นี่เอานิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่โป่ง เธอจึงรีบอธิบาย
" ไม่ใช่ๆ นี่คือท่าโอเค ไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิม และไม่ใช่เออเค้อ ไหนองค์ชายลองทำแล้วพูดตามข้า โอเค "
" เออเค้อ "
" โอเค "
" เออเค "
" เอาใหม่ ช้าๆ โอ-เค "
" โอ-เค "
" เยี่ยมมาก โอเค " เธอยิ้มให้ แล้วหันมาสนใจอาหารตรงหน้าหยิบตะเกียบคีมเข้าปาก อย่างสุขใจ ส่วนหวงเจียวหลุนยังคงงงอยู่กับสัญลักษณ์โอเค และฝึกพูดโอเคอยู่ในลำคอ โดยหาสนใจอาหารตรงหน้าไม่