ภารกิจสลายไขมัน 1

1318 Words
เข้ายามอิ๋น * หวงเจียวหลุนถูกหวังเฟิงปลุกให้ตื่นแล้ว น้ำเสียงของหวังเฟิงอ่อนน้อมอย่างมาก " องค์ชายเก้าพะยะคะ ยามอิ๋น 2 เค่อแล้วพะยะค่ะ " " อืม " เขาลุกขึ้นแล้วจัดการบ้วนปาก เช็ดหน้าตา เมื่อเสร็จภารกิจเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเพื่อฝึกร่างกายตามคำชี้แนะของปิ่นหยก เขาเดินมาปลุกสตรีที่นอนสบายกายในเตียงนุ่มของเขา " แม่นาง แม่นางปิ่นตื่นเถิด ยามอิ๋น 2 เค่อแล้ว " เขาสะกิดนางให้ตื่นเพื่อชำระล้างร่างกาย และเตรียมออกจากตำหนักไปยังอุทยาน " อืม..." นางขานรับแต่ยังหลับอยู่ " แม่นางปิ่นหยก ตื่นเถิด สายมากแล้ว " " อืม.. " ปิ่นหยกขานรับเช่นเดิม แต่เริ่มบิดตัว หันหลังให้ " แม่นาง แม่นาง " เขาเขย่านางให้ตื่น " ตื่นยากเหลือเกิน " เขาเอ่ยกับตนเองเบาๆ แล้วเรียกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยเพิ่มแรงเขย่า " โอ๊ย! เรียกอะไรนักหนาวะเนี่ย? " ปิ่นหยกเริ่มหงุดหงิดโวยวาย ลุกขึ้นมานั่งหัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน แต่สิงตายังหลับสนิท สักพักไม่มีเสียงใดๆ เรียก เธอก็ลงไปนอนเอนกายเหมือนเดิม ทำให้หวงเจียวหลุนถึงกับตาค้าง และไม่นานก็ยิ้มออกมา แต่มีหรือที่เขาจะลดความพยายาม ยังคงเขย่านางเหมือนเดิม " แม่นางปิ่นตื่นเถิด ข้าจะพาแม่นางไปเที่ยวชมอุทยานหลวง " " ไม่เอา..ฉันจะนอน ค่อยไปเย็นๆ ก็ได้ " เธอตอบออกมา น้ำเสียงงัวเงีย " ตื่นเถิดนะ " เขาพยายามอย่างยิ่งยวด นางก็สะลึมสะลือ เปลือกตาค่อยๆ คลี่ออก " ไปเองไม่ได้หรอ ง่วงอ่ะ ขอนอนต่ออีก 10 นาทีนะ " " 10 นาที? คืออะไร แม่นางช่วยแจ้งข้าเถิด " " โอ๊ย! วุ่นวายจัง " ปิ่นหยกหงุดหงิด ตวาดออกมาเสียงดัง จนลืมไปว่าเธอกำลังคุยอยู่กับใคร " บังอาจ เจ้ากล้าตวาดใส่องค์ชายเก้ารึ? " เสียงของหวังเฟิงดังขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นสตรีนิสัยหยาบกระด้าง อัปลักษณ์ภายใน ความเป็นสตรีที่ควรได้รับการอบรมหามีไม่ อีกทั้งใจกล้าหาเกรงกลัวอาญาไม่ ส่วนปิ่นหยกเมื่อได้ยินเสียงตวาด ความมึนงงเมื่อครู่หายไปปลิดทิ้ง มองภาพตรงหน้าอย่างแจ่มแจ้ง สมองชาวาบคล้ายเจอผีตอนตอนสาม ความสะพรึงเข้ามาประทับร่าง " ตายๆ คราวนี้ตายแน่ๆ เครื่องประหารหัวสุนัข " เธอร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ อาการเช่นนี้ไหนเลยจะเล็ดลอดไปต่อสายตาหวงเจียวหลุน " แม่นางตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าเถิด ข้าจะรอที่นี่ " เสียงจากสวรรค์ชั้นฟ้าทำให้รู้ว่านางไม่โดนสำเร็จโทษแน่ๆ ปิ่นหยกรีบลุกโดยด่วน แต่ก็ใช่ว่าจะเร็วเพราะชุดที่เธอใส่รุ่มร่าม ลากยาวเสียยิ่งนัก ขาข้างหนึ่งเหยียบที่ชายกระโปรงระหว่างจะก้าวเท้าลงเตียง ทำให้เสียหลักล้มลงไปจูบกับพื้นอันแสนจะเย็นยะเยือก แต่ทว่าความเร็วของบุรุษก็ทันเอาตัวลองแทนพื้นหนาเย็นให้ปิ่นหยกร่วงหล่นลงมาทับ และเป็นการป้องกันมิให้ปากอวบอิ่มประทับจุมพิตกับสิ่งที่ไม่สมควร ริมฝีปากอวบอิ่มลงไปจุมพิตแผงอกใหญ่พอดิบพอดี เธอรีบเงยหน้ามามองบุรุษร่างหมีที่บัดนี้นอนแผ่เป็นพรมให้เธอไปเสียแล้ว สมองของปิ่นหยกประมวลผลอย่างเร็ว ช่างดูเหมือนในหนังเลยอ่ะ ดีนะไปชนที่ปาก ถ้าใช่ล่ะก็จูบดีๆ นี่เอง แต่ไม่นานปิ่นหยกก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อหวงเจียวหลุนยิ้มและเอ่ยอย่างใจเย็น " ระวังหน่อยสิแม่นาง หากข้าไม่เอาตัวรับ มีหวังคงต้องเรียกหมอหลวง " ปิ่นหยกอายแทบจะพลิกแผ่นดินหนี และยันตัวเองขึ้นมา " ก็ดูสิกระโปรงอะไรก็ไม่รู้ยาวจะตาย ผิด! ก็ผิดที่กระโปรงนี้ องค์ชายสั่งให้ข้าใหม่เลย เอาสั้นกว่านี้ หรือเอากางเกงมาก็ได้ ง่ายกว่าเยอะ " นางยันตัวเองลุกขึ้นได้ก็เดินไปจัดการตัวเอง และกล่าวไปด้วย " เช่นนั้นเรียกช่างมาตัดชุดให้เจ้าด้วยดีหรือไม่ " " ไม่เอาหรอก.. ยุ่งยากวุ่นวาย หากไม่ลำบากก็เอากรรไกรตัดมันซะ มันต้องตัดเย็บใหม่หรอก " " แต่ข้าอยากให้ได้ตัดชุดใหม่นี่ " " แล้วแต่.. เอาที่องค์ชายสบายใจเหอะ " ปิ่นหยกเข้าไปปลดเบา ฟังคำถามที่เขาพูดไม่หยุด ส่วนเธอก็มีหน้าที่ตะโกนออกมาตอบคำถามเป็นระยะ ล้างหน้าล้างตา ปิ่นหยกคิดในใจ เธอก็อยากจะอายอยู่หรอกมีอย่างที่ไหนจะถ่ายหนักถ่ายเบา หรือเธออยากจะปล่อยก๊าซของเสียเพื่อความเบาสบาย ก็แสนจะต้องลำบาก ต้องทำให้เงียบกริบหรือปึงปังเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ไม่น่าภิรมย์ทั้งกลิ่นและเสียง บุรุษทั้งสอง อ้วนผอมจอมซนก็ช่างน่าบริหารฝีปากเหลือเกิน มีอย่างที่ไหนสตรีสาวสวย ดีกรีดาวมหาวิทยาลัยจะเปลื้องผ้า เปลื้องผ่อน ก็ยังมายืนชวนคุย ชีวิตอนาถนัก คิดมากไปก็ชวนอะไรไม่ได้ ก็ในเมื่อห้องนี้ ตำหนักนี้เป็นของเขา เธอแค่ผู้อาศัยที่หลงเข้ามา ถือว่าจ่ายค่าเช่าเตียง ค่ากิน ค่าเที่ยวแล้วกัน เมื่อเสร็จจากการแต่งตัว ผิดๆ ถูกๆ เธอก็มิสนขอให้เสร็จเป็นพอ เธอก็เดินออกมา พร้อมหน้าที่ฝืนยิ้ม ด้วยเปลือกตาเริ่มหนักอีกแล้ว หวงเจียวหลุนเห็นว่านางพร้อมแล้วก็เดินนำออกประตูตำหนัก โดยมีหวังเฟิงและปิ่นหยกเดินด้านหลัง ท้องฟ้ายังมืด ลมหนาวพัดเข้ามากระทบผิวบาง ปิ่นหยกแหงนหน้ามองฟ้าก็มิเห็นแสงอาทิตย์ขึ้นแม้แต่น้อย ความสงสัยเริ่มกระตุ้นเตือน สมองสั่งการให้ปากทำงาน " นี่เจ้าขันที ตอนนี้กี่โมงแล้ว? " เธอสะกิดพร้อมเดินตามไปเรื่อยๆ " ตอนนี้ก็ยามอิ๋น 4 เค่อแล้ว " หวังเฟิงตอบอย่างไม่ยี่หร่ะกับสตรีนี้เท่าไหร่ " แล้วมันกี่โมงเล่า ไอ้ยามอิ๋นเอิ๋นเนี่ย " " เจ้าพูดอะไรของเจ้า นางสตรีกิริยาอัปลักษณ์ " " หน็อย! ว่าฉันอัปลักษณ์อย่างนั้นหรือ? " " ใช่! หน้าตาก็แปลกประหลาด พูดอะไรแปลกนัก ฉัน คนแคว้นนี้มิมีใครพูดกันหรอกนะ " " เจ้าว่าข้าแปลกประหลาด? แล้วคำว่าฉันแปลก? เจ้าสิแปลก แปลกกว่าองค์ชาย แปลกกว่าผู้ชายทั้งหมด " " อะไรที่เจ้าเรียกว่าแปลก ข้าก็เหมือนบุรุษทั่วไป " " อ๋อหรือ? อย่าให้ข้าพูดเลยเดี๋ยวจะโกรธเคืองกันเปล่าๆ " " เจ้าพูดมาเดี๋ยวนี้นะ ที่ว่าข้าแปลกคือสิ่งใด " " แน่ใจนะว่าจะให้ข้าพูด? บอกให้ก็ได้ คนอื่นเขามีดาบบุรุษเป็นอาวุธ แต่เจ้ามีแต่กำบังดาบสองด้าน ห้อยโตงไปเตงมา มันคงน่ารักน่าดูเลยทีเดียว " ปิ่นหยกพูดแล้วใช้มือทำลักษณะเป็นกลมๆ แต่ไม่ได้กำ ล้อเลียนหวังเฟิง จนเขารู้สึกอายหน้าดำหน้าแดง หมายจะจัดการปิ่นหยก แต่เธอย่อมรู้ทันวิ่งไปหาหวงเจียวหลุนเพื่อหาเกาะกำบังชั้นดี *********************** สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วคะ รอนานกันไหมเอ่ย อย่าเคืองกันนะคะ เหตุใดปิ่นหยกถึงได้นำเรื่องของขันทีน้อยมาพูดเช่นนี้ได้นะ ถึงไม่พูดตรงๆ ก็อดสงสารไม่ได้ เรื่องของคนในยุคโบราณ ไรท์ก็ไม่กล้านึกนะว่าจะเป็นอย่างไร โถๆ ๆ สงสารหวังเฟิงจัง มาทักทายให้กำลังใจกันบ้างนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่าน นิยายเรื่อง องค์ชายหมูตอน อ้อนให้รักนะคะ (นิยายเบาสมอง คลายเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวันค่ะ) * ยามอิ๋น คือเวลา 03.00-04.59 น. ยามอิ๋น 2 เค่อ คือ 03.30 น.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD