แววตาฉายแววสงสัยพาดผ่านออกมาอยากมิปิดบัง ก่อนที่เมิ่งยู่หลานจะไต่ถามความสงสัย หวงเจียวหลุนก็เอ่ยเพื่อขอตัวพาปิ่นหยกเดินเที่ยวชมตลาด แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อสตรีนางนั้นยังมอคลายสงสัย
" เดี๋ยวก่อนสิเพคะ "
" คุณหนูเมิ่งมีอะไรหรือ? "
" ข้าน้อยเพียงสงสัยว่า สหายขององค์ชายเก้ามิเคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อน มิทราบมาจากแคว้นใดหรือเจ้าคะ ใบหน้างดงามไม่เหมือนดังแคว้นเรา "
" เอ่อ.. นาง " หวงเจียวหลุนอึกอัก ไม่รู้จะตอบเช่นไรดี
" แม่นางเมิ่ง ข้ามาจากที่ใดไยต้องไต่ถามเล่า เอาเป็นว่าข้าเป็นสหายกับองค์ชายแล้วกัน " ปิ่นหยกตอบแทนหวงเจียวหลุน และตั้งท่าจะเดินจากไป เมิ่งยู่หลานยิ้มหวานส่งให้แล้วเอ่ย
" มิผิดเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้าแปลกใจ ไม่เคยเห็นแม่นางอีกทั้งชื่อเสียงเรียงนามยังมิแจ้งให้ทราบ "
" ปิ่นหยก เรียกสั้นๆ ว่าปิ่นก็ได้ " ปิ่นหยกเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
" ปิ่นหยก ชื่อไพเราะนะเจ้าคะ "
" รู้ชื่อแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ " ปิ่นเอ่ยตอบแล้วหันไปพยักหน้าให้กับหวงเจียวหลุน เห็นเขายืนนิ่ง เธอจึงสะกิด เขาก็หันมามองแล้วพยักหน้ารับ " ข้าขอตัวพาแม่นางปิ่นเยี่ยมชมเมือง ขอตัวก่อนนะคุณหนูเมิ่ง "
" เจ้าค่ะ ข้าน้อยมิรบกวนองค์ชาย " เมิ่งยู่หลานย่อกายคารวะส่ง และยืดกายมองคนทั้งสองที่เดินไป
สองร่างเดินเคียงคู่ภายใต้การจ้องมองของสตรีหมู่มาก จนปิ่นหยกเริ่มประหม่าเพราะชีวิตไม่เคยถูกมองด้วยแววตาอย่างนี้ จนความรู้สึกใคร่รู้กระตุ้นเตือน จึงเอ่ยถาม
" นี่! องค์ชาย ข้าว่าชักเริ่มแปลกๆ นะ เมื่อกี้ก็มีสาวสวยมาถาม สรุปแล้ว.. มีอะไรหรือเปล่า "
" พวกนางคงแปลกใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาข้าก็มิเคยใกล้ชิดกับสตรีนางใด "
" อ๋อ! แล้วนางร้ายหรือเปล่า "
" นั่นก็แล้วแต่แม่นางจะคิด "
" แล้วนางเป็นใครหรือ? "
" นางเป็นคุณหนูใหญ่ของใต้เท้าเมิ่งฝู่หนาน ใต้เท้ากรมพระคลัง "
" ก็คล้ายๆ กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อืม.. ฐานะใช่ย่อย ดูท่าจะร้ายใช่ย่อย มิน่าหนังพีเรียดจะต้องมีสาวงามในคราบอสรพิษ ล้ำเลิศเียเหลือเกิน สงสัยต้องกลับไปดูหนังจีนให้มากขึ้น วิ่งสู้ฟัด คงต้องเบรกไว้ก่อน ช่างมันเถอะ เราไปตรงนั้นกัน " ปิ่นหยกชี้ไปยังกลุ่มที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ รวมกลุ่มมุงดูอะไรกัน หวงเจียวหลุนก็เดินตามไปติดๆ
" เขาดูอะไรกันน่ะ " ปิ่นพยายามจะแทรกตัวไป แต่คนเยอะเกินไป ไม่สามารถเบียดเสียดเข้าไปได้
" แม่นางปิ่นอยากดูหรือ? "
" ก็อยากรู้น่ะ ว่าเขามุงดูอะไร "
" เรื่องนี้ไม่ยากเลย เราเข้าไปในโรงเตี๊ยม และดูจากด้านบนก็คงจะเห็น "
" แต่เราไม่สั่งอะไร เขาจะไม่ว่าหรือ? "
" ไม่หรอก ไปกันเถอะ " เขาผายมือให้นางเดินนำ เพราะหากให้ตนเดินนำเกรงว่านางจะหลง หรือไม่ก็เดินตามเขาไม่ทัน เมื่อมาถึงร้าน แน่นอนย่อมเป็นเขาที่เดินนำไป
เมื่อเข้ามาที่โรงเตี๊ยม ปิ่นหยกขอหวงเจียวหลุนไปทำธุระส่วนตัว เขาก็ยินดีและแจ้งว่าเขาจะรอนางที่ชั้นบน นางพยักหน้ารับ หวงเจียวหลุนจึงเดินขึ้นชั้นสองไปยังโต๊ะที่เสี่ยวเอ้อได้จัดให้ เขานั่งรอปิ่นหยกอย่างสุขอุรา
เสียงสนทนาของสตรีที่เดินเข้ามาทำธุระส่วนตัวเฉกเช่นเดียวกับเธอได้ดังขึ้น ด้วยเนื้อความที่สนทนาของสตรีมักเป็นเรื่องนินทา และเรื่องที่เจ้าหล่อนนินทาคือเรื่องระหว่างเธอกับองค์ชายเก้า จึงทำให้ปิ่นหยกยังไม่กล้าออกจากห้องถ่าย
" วันนี้เจ้าเห็นองค์ชายเก้าเดินกับสตรีหรือไม่? "
" เห็นสิ แต่มิเคยเห็นหน้า จะเป็นบุตรีจากตระกูลใดก็ไม่รู้ได้ "
" หรือว่าเป็นสตรีต่างแคว้น? "
" เอ๋! คงใช่กระมัง สงสัยบรรดาองค์ชายต่างๆ คงพามา สตรีแคว้นเรามิมีใครปรารถนาแต่งเข้าตำหนักนี่นา " นางพูดด้วยใบหน้ายิ้มหยัน
" เจ้าก็พูดดังไป ประเดี๋ยวผู้ใดได้ยินเข้าจะมิเดือดร้อนกันหมดหรอกหรือ " สตรีที่ตอบมิได้ทำหน้าตักเตือน แต่กลับมีสีหน้าระรื่นยามพูด
" ใครๆ รู้กันทั่วแคว้น เป็นถึงองค์ชายแต่กลับไร้สตรีข้างกาย เฮ้อ! องค์ชายหมูตอน อยู่ด้วยแล้วอึดอัด ข้าล่ะกลัวพระองค์แย่งกิน แย่งหายใจ หากบิดาบังคับข้าแต่ง ข้าจะปลงผมบวชชีเลยทีเดียว "
" ข้าด้วย หึ! ดีนะคราวก่อนข้าป่วย ถึงมิได้เข้าไปยังงานชมบุปผา มิเช่นนั้น.. ข้าพูดแล้วขนลุก "
" ไปเถอะ ข้าจะไปร้านผ้า เลือกผ้าสักสำรับตัดชุดเสียหน่อย "
" ไปสิ " สองสตรีเดินออกจากที่รโหฐาน ปิ่นหยกก็ค่อยๆ ออกมาจากห้องหนึ่งเช่นกัน ลมหายใจถูกถอนออกเพื่อคลายความอัดอั้น
" เฮ้อ! ฉันเข้าใจนายแล้ว องค์ชายหมูตอน " ปิ่นหยกเอ่ยเบาๆ แล้วก็รีบเดินออกไป เพื่อหาผู้ที่ตนเองนัดหมายกัน