ไลน์กลุ่มเบนจามิน
ประกอบด้วย ชาร์ลี มือขวาของอเลกซานโดร, บรูค มือขวาของเชคาริก, แอนดรู มือขวาของคาเรนเทีย ไบรตัน มือขวาของคริสเตียนโน่ และบอนด์ มือขวาของไรอันต์
แอนดรูส่งข้อความเข้าไปในไลน์ เพื่อถามไถ่กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ที่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้กลับไปรวมตัวกัน ปฏิบัติภารกิจเก็บกวาดขยะให้สังคม โดยได้รับข้อมูลสั่งตรงจากคารอส ร็อฟเวลล์ พอหลังจากที่เสร็จงานก็พากันแยกย้ายบินกลับไปทำงานของตัวเองต่อในเช้าของอีกวัน โดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคือคนที่สังหารเหล่ารัฐมนตรีและนักการเมืองฉ้อฉล รวมไปถึงทหารระดับสูง ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังในอยู่อังกฤษตอนนี้
เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้น...เพราะปฏิบัติการลับเมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่พวกเขาถูกลอยแพ คนในครอบครัวก็ถูกสั่งเก็บด้วยอุบัติเหตุต่างๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แถมประวัติของพวกเขาก็ถูกลบออกจากระบบไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน พวกเขาหนีตายเอาชีวิตรอดกลับมาได้พร้อมกับความหวัง แต่ทว่า...ทันทีที่มาถึง เรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ก็ถูกคายออกมาจากปากของคนที่รักและเคารพดุจบิดา ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงฉากบังหน้าของนายทหารระดับสูงที่สร้างสถานการณ์ เพื่อเรียกงบประมาณมหาศาลในการจัดซื้ออาวุธสงคราม โดยเซ่นสังเวยด้วยชีวิตของเพื่อนทหารที่ร่วมรบ
ความเชื่อและความศรัทธามลายหายไปจนหมดสิ้น มีเพียงไฟแค้นที่ลุกโชน แผดเผาทุกๆ ชีวิตที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับสั่งการ ให้หลงเหลือเอาไว้เพียงแค่...ชื่อบนหลุมฝังศพ เฉกเช่นเดียวกับคนในครอบครัวของพวกเขา
แอนดรู : พวกนายกลับจากไทยหรือยัง?
ชาร์ลี : ฉันยังอยู่ที่เชียงใหม่
บรูค : ฉันอยู่อังกฤษแล้ว กำลังทำงานอยู่
ไบรตัน : ฉันเพิ่งจะกลับมาถึงรัสเซีย แกอยู่ไหน?
แอนดรู : คฤหาสน์บาร์เลนเซนต์
บอนด์ : ยังอยู่ไทย มีอะไรหรือเปล่า?
ไบรตัน : คุณคาเรนพาสาวที่ไหนไปดินเนอร์เหรอแอนดรู?
ชาร์ลี : จำคนผิดหรือเปล่าวะ?
ไบรตัน : ไม่ผิดหรอกชาร์ลี เพราะคุณคริสเพิ่งเจอมาเมื่อกี้เอง
บรูค : แอนดรู! มาตอบด่วน
แอนดรู : เรื่องของนาย ฉันไม่ยุ่งโว้ย
บอนด์ : ขอสักนิดเถอะเพื่อน ไม่งั้นคืนนี้ฉันนอนไม่หลับแน่
แอนดรู : ไม่!
ไบรตัน : ฉันมีรูปมาให้ดูโว้ย (คนที่ถูกผู้เป็นนายใช้ให้มาสืบข่าว รีบส่งรูปเข้าไปในกลุ่ม)
แอนดรู : กูมีสายเข้า แค่นี้ก่อนนะ
“พระเจ้า! อะไรจะบังเอิญขนาดนี้วะ” แอนดรูจ้องมองรูปถ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แม้จะถูกถ่ายจากด้านหลังของผู้ชายใส่สูทภูมิฐาน และเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามแค่ครึ่งเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าไบรตันไม่ได้หลอกจับเสือมือเปล่า จึงรีบออกตัวก่อนจะถูกเพื่อนๆ ในกลุ่มไล่บี้หาความจริง เขาจึงรีบกดดาวน์โหลดรูป เตรียมจะโทร. ไปรายงานให้ผู้เป็นนายทราบ แต่ก็มีสายเรียกเข้าจากจิมมี่เจมส์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
[แอนดรู! คุณคาเรนอยู่ไหน?] ปลายสายเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
[เอ่อ...ไปธุระข้างนอก นายมีอะไรหรือเปล่า]
[มีสายโทร. เข้าของคุณคาเรนที่มือถือของคุณพิมพลอยเมื่อประมาณสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้คุณแพททริกเดือดมาก]
[พระเจ้า!] แอนดรูถอนหายใจอย่างรู้สึกเซ็งๆ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นนายถึงไปยุ่งกับภรรยาของแพททริกสันอีก
[คุณพิมพลอยลืมมือถือไว้ แล้วไปหาคุณธีรติกับคุณพิมาลายังไม่กลับมา ฉันหวังว่าคุณคาเรนคงไม่ได้...]
[ไม่หรอกเจเจ ฉันรับประกันว่าไม่มีอะไร] คนที่ยอมเอาคอพาดเขียงแทนนายบอกเสียงหนักแน่น
[ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น] ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงตึงเครียดไม่แพ้กัน
[เอางี้! เดี๋ยวฉันจะเคลียร์กับคุณคาเรนเสร็จแล้วจะรีบโทร. หานาย] แอนดรูรีบไกล่เกลี่ย
[เยี่ยม! ฉันจะรอรับสายของนายนะแอนดรู] ปลายสายบอกจบก็กดวางไปทันที
“บ้าจริง! บอสจะโทร. ไปหาคุณพิมพลอยทำไมวะ” แอนดรูสบถ ก่อนจะรีบต่อสายหาผู้เป็นนาย แต่ทว่า...โทร. ไปเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ จึงได้แต่เดินถอนหายใจไปมา พยายามคิดหาทางออกหรือคำแก้ตัวที่จะไม่ทำให้ทั้งสองตระกูลผิดใจกัน
สองชั่วโมงต่อมา...
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ คาเรนเทียก็พาสาวเจ้าเดินไปดูความงดงามของจัตุรัสแดง สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่รัสเซีย ซึ่งเป็นลานกิจกรรมที่มีผู้คนมาเที่ยวมากที่สุดในกรุงมอสโก
“ที่นี่สวยมากๆ เลยค่ะ” เมลิสสาก้มมองรูปคู่ที่เทพบุตรสุดหล่อขอคนที่เดินผ่านไปมาถ่ายให้ แล้วอดคิดไม่ได้ว่า มันจะดีขนาดไหนนะ หากเธอกับเขาเริ่มต้นกันดีกว่านี้
“วันหลังฉันจะพาไปชมมหาวิหารเซนต์ไอแซค” คาเรนเทียบอกพลางเหลือบมองชายสองคนที่เดินตามมาตั้งแต่ออกจากร้านอาหาร
คนที่เริ่มจะหลงใหลในความงดงามของดินแดนแห่งนี้ เงยหน้าขึ้นถามอย่างสนใจ “สวยใช่ไหมคะ?”
“สวยมาก มันถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ” คาเรนเทียถอดเสื้อสูทออก แล้วรีบสวมมันให้กับสาวเจ้าอย่างรู้สึกหวง ไม่อยากให้ใครจ้องมองเนื้อหนังของเธอนานๆ
“ขะ...ขอบคุณค่ะท่าน” เมลิสสากระชับเสื้อปิดหน้าอกอย่างรู้สึกเขิน ‘นี่เราเลือกใส่ชุดที่โป๊เกินไปหรือเปล่านะ’
“อาหารอร่อยไหม?” คาเรนเทียดึงสาวเจ้าเข้ามาโอบกอดเมื่อเห็นชายสองคนเดินเข้ามาใกล้ กลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น
“อร่อยค่ะ” เมลิสสาอยากจะกอดตอบ แต่ก็เขินอายเกินกว่าจะทำ จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
“เรากลับกันเถอะ อากาศเริ่มจะเย็นแล้ว” คาเรนเทียเอ่ยชวนหลังจากที่ชายสองคนเดินผ่านไปไกล
“ค่ะ” เมลิสสายิ้มก่อนจะออกเดินไปพร้อมกับคนตัวโต ที่โอบไหล่ของเธอเอาไว้แน่นจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของเขา
23:02 น. Barlensent Villa...
ทันทีที่คาเรนเทียขับรถเข้ามาจอดที่ด้านหน้าคฤหาสน์ ก็เห็นคนสนิทยืนรออยู่ด้วยสีหน้าตึงเครียด
“มีอะไร?” คาเรนเทียเอ่ยถามหลังจากที่ก้าวออกมาจากรถ
“เอ่อ...มีเรื่องไม่ค่อยดีนิดหน่อยครับ” แอนดรูบอกก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้นางฟ้าคนสวย
“เรื่องอะไร?” คาเรนเทียพยักหน้าให้สาวเจ้ามาหาตน
“เอ่อ...” แอนดรูอึกอัก ไม่แน่ใจว่าสมควรจะพูดต่อหน้าบุคคลที่สามหรือไม่
“พูดมา” คนที่อยากจะพาสาวเข้านอนเต็มแก่ ถามอย่างรู้สึกรำคาญ
“คือว่า...คุณแพททริกเห็นเบอร์มือถือของบอสในเครื่องของคุณพิมพลอยครับ ตะ...ตอนนี้กำลังเดือดสุดๆ เลย”
“พระเจ้า!” คาเรนเทียอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างแพททริกสันจะบ้าบอได้ขนาดนี้
คนที่ยืนเครียดมาเกือบสามชั่วโมงรีบแนะ “ผมว่ารีบโทรไปเคลียร์ก่อนเถอะครับ ไหนจะเรื่องเก่าที่บอสเคยชอบคุณพิมพลอยจนเกือบวางมวยกับคุณแพททริกในงานวันเกิด เรื่องที่บอสขานรับคุณพิมพลอยเป็นภรรยาในโบสถ์ แล้วก็เรื่องที่ไปเฝ้าคุณพิมพลอยตอนที่คุณแพททริกถูกยิง จนเขาลือกันให้แซดว่าบอสรอรับช่วงต่อ ผมว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจจะกลายเป็นตัวจุดชนวนของโศกนาฎกรรมระหว่างโรคาซานเดอร์กับบาร์เลนเซนต์ได้นะครับ”
“ขอบใจนะที่เตือนความจำฉัน” คาเรนเทียบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่คิดว่าคนสนิทจะขยายภาพเหตุการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนขนาดนี้ แถมยังพูดต่อหน้าสาวคนสุดท้ายบนโลกที่เขาอยากจะให้รับรู้เรื่องราวที่ครั้งหนึ่งเคยแอบชอบพิมพลอย
“เอ่อ...เที่ยวสนุกไหมครับคุณมิรา” แอนดรูรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“สนุกค่ะ” เมลิสสาบอกพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้
“.ดึกแล้ว! ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ” คนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้จุดไฟเผาเตียงเจ้านายไปหยกๆ รีบชิ่งหนี ทั้งที่ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นนาย แต่เหตุการณ์กำลังจะดิ่งลงเหวลึกไปเรื่อยๆ หากไม่แก้ไขในตอนที่ยังสามารถแก้ได้
“เธอไปอาบน้ำก่อน ฉันจะโทรหาเพื่อน” คาเรนเทียบอกพร้อมกับสะกิดสาวเจ้าให้ออกเดินตาม
ที่ห้องนอนใหญ่...
หลังจากที่เมลิสสาอาบน้ำและเปลี่ยนชุดนอนที่เธอไม่แน่ใจว่า...มันใช่ชุดนอนจริงๆ หรือเปล่า แต่ก็จำต้องใส่เพราะตู้เสื้อผ้าทั้งหมดถูกล็อกเอาไว้ทุกตู้ ทำให้เธอต้องหยิบสวมเสื้อคลุมทับอย่างไม่มีทางเลือก
จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะลองคุยกับพ่อเทพบุตรสุดหล่อดู เผื่อบางทีอีกฝ่ายจะไขกุญแจตู้ แล้วเลือกชุดที่ใช่ชุดนอนจริงๆ มาให้เธอเปลี่ยน แต่ทว่า...เสียงคุยสายที่ค่อนข้างตึงเครียด ทำให้เธอไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไร นอกจากยืนหลบมุมแอบฟังอยู่เงียบๆ
[ไม่เอาน่าแพททริก ฉันไม่ได้...มันไม่ใช่แบบนั้นเพื่อน คือฉันแค่โทรไปถามน้องพิมเรื่อง...บ้าจริง!] คาเรนเทียสบถเสียงดังอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ถูกปลายสายกดวางหูใส่ ทั้งๆ ที่ตนยังพูดไม่จบ
“เอ่อ...หนูเตรียมน้ำให้ท่านใหม่แล้วนะคะ” เมลิสสาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังมองมายังเธอ จึงกลั้นใจเดินออกมาจากหลังตู้โชว์
“เธออาบเสร็จแล้วเหรอ” คาเรนเทียเลิกคิ้วถาม ขณะที่กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาเตะจมูก ทำให้เลือดในกายร้อนฉ่าขึ้นมาทันใด
“ค่ะ เอ่อ...หนูต้องกินยาก่อนนอนอีกไหมคะ”
“กินสิ! เธอยังมีไข้อยู่นิดหน่อย”
“ยาอยู่ไหนคะ?” เมลิสสายิ้มก่อนจะหลบสายตาแวววาวที่ทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว คล้ายๆ กับกำลังถูกพลังงานบางจู่โจม
“อยู่ในลิ้นชักตรงนั้น” คาเรนเทียบอกพร้อมกับชี้ให้สาวเจ้าดู
“ท่านไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะกินเอง” เมลิสสาบอกก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายไปยังข้างเตียงทางฝั่งขวาอย่างรวดเร็ว
“เธออ่านภาษารัสเซียออกงั้นเหรอ?” คาเรนเทียรีบเดินตามไปติดๆ
“มะ...ไม่ค่ะ แล้วก็พูดไม่ได้ด้วย” เมลิสสาบอกอย่างรู้สึกอายนิดๆ โชคดีที่อันนา แอนดรู คริสเตียนโน่และหนุ่มตรงหน้า ใช้ภาษาอังกฤษกับเธอ
“อีกหน่อยก็เป็น ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” คนที่กำลังมีแผนอยู่ในหัว อมยิ้มบางๆ พร้อมกับส่งยาให้ จากนั้นก็รีบเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เมลิสสามองตามร่างสูงอย่างมึนงง เธอรีบกินยา แล้วเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มผืนเล็ก ตรงไปยังโซฟาตัวใหญ่ ล้มตัวลงนอนอย่างรู้สึกง่วง
แต่สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่...ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก และหากเดาไม่ผิด! แพททริกกับพิมพลอย ก็คือ...แพททริกสัน โรคาซานเดอร์ หุ้นส่วนใหญ่ของกาสิโนที่เพิ่งจะแต่งงานกับน้องสาวบุญธรรม พิมพลอย ไปเมื่อหลายเดือนก่อน และเธอก็ได้ไปช่วยเสิร์ฟอาหารในงานเลี้ยงต้อนรับสะใภ้โรคาซานเดอร์ตอนที่แพททริกสันถูกยิง
คำถามมากมายมากผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง ราวกับถูกวิญญาณของโคนันเข้าสิงร่าง แต่คำพูดของแอนดรูเมื่อครู่! ก็ทำให้เธอต้องรีบเตือนสติตัวเองว่า...เขาไม่ใช่คนที่เธอควรจะรู้สึกใดๆ ด้วย นอกเหนือไปจากนักโทษที่รอวันปลดปล่อยตัวเท่านั้น
ยี่สิบนาทีต่อมา...
ทันทีที่คาเรนเทียอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็รีบเดินกลับมาที่ห้องนอน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า จึงร้องเรียกหาหญิงสาวอย่างตกใจ
“มิรา! มิรา!”
“คะ...ค่ะ” คนที่หลับไปได้ไม่ถึงสามนาที ลุกขึ้นนั่งอย่างรู้สึกมึนงง
“ให้ตายสิ! ไปนอนทำไมตรงนั้น” คาเรนเทียจ้องใบหน้าของสาวเจ้าอย่างไม่พอใจ
“คะ...คือหนู...”
“มา-นอน-บน-เตียง-เดี๋ยว-นี้” คาเรนเทียเอ่ยย้ำช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ เพื่อเตือนให้รู้ว่าจะไม่มีการพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง
“หนูขอนอนตรงนี้ไม่ได้เหรอคะ” เมลิสสากัดฟันต่อรอง
“ไม่ได้” คาเรนเทียตอบกลับเสียงเข้ม
“โอเคค่ะ” เมลิสสารีบหยิบหมอนกับผ้าห่มผืนเล็ก แล้วลุกเดินกลับไปที่เตียงทันที
“ทำไมไม่ถอดเสื้อคลุมออก” คนที่บรรจุกระสุนความหื่นมาเต็มแม็ค เอ่ยถามอย่างรู้สึกเกะเกะสายตา
“เอ่อ...ใส่แบบนี้อุ่นดีค่ะ” เมลิสสาส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ ก่อนจะขยับขึ้นเตียงแล้วรีบซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนใหญ่อย่างรวดเร็ว
“ถอดเสื้อคลุมออกซะ!” คนหื่นบอกเสียงเย็น
“หนู...” เมลิสสาอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ ให้สุดเสียง ที่ต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายไปหมดซะทุกอย่าง
“อย่าให้พูดซ้ำอีกครั้งนะ” คาเรนเทียเตือนพร้อมกับจ้องมองคนที่นอนหันหลังให้อย่างรู้สึกหงุดหงิด
“ก็ได้ค่ะ” เมลิสสาขยับลงจากเตียง ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นก็รีบกลับขึ้นเตียง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมานอนคลุมโปงอย่างรู้สึกอายๆ
คนที่ทันได้เห็นความงดงามแค่แวบเดียว แต่สมองกลับบันทึกทุกอย่างเอาไว้ราวกับภาพ HD ที่มีความคมชัดและความละเอียดสูง รีบขยับตามขึ้นเตียงไปทันทีทันใด
เมลิสสาสั่นไปทั้งเนื้อทั้งตัว หลังถูกคนตัวโตรั้งเข้าไปกอดแนบเนื้อ จนรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ขึงขังอยู่ตรงบั้นท้ายของเธอ
“อุ่นขึ้นหรือยัง?” คาเรนเทียถามพลางลูบไล้ตามผ้าเนื้อบางที่แนบชิดผิวเนื้ออย่างเคลิบเคลิ้ม ขณะที่ความต้องการเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“ค่ะ ฝันดีนะคะ” เมลิสสารีบดึงมือหนาที่กำลังจะสอดเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วออก พร้อมกับขยับตัวหนี
“มิรา!” คาเรนเทียครางอย่างรู้สึกขัดใจ ที่อยู่ๆ สาวเจ้าก็ดับฝันของตนเอาดื้อๆ
“หนูง่วงนอนค่ะท่าน” เธอบอกอย่างเริ่มจะทนไม่ไหว
“ก็นอนไปสิ” คนหื่นตีมึน เตรียมจะคว้าร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง
“เอ่อ...งั้นหนูขอนอนกอดท่านได้ไหมคะ” เมลิสสารีบบอก เพราะขืนปล่อยให้อีกฝ่ายกอด คืนนี้ทั้งคืนเธอคงไม่ได้หลับได้นอนแน่ๆ
“เธออยากกอดฉันเหรอ?” คนที่ไม่ยอมให้สาวไหนนอนกอดมาก่อน เลิกคิ้วถามอย่างไม่แน่ใจว่าสาวตรงหน้าจะมาไม้ไหนกับตน
“ค่ะ” เมลิสสาฝืนส่งยิ้มบางๆ ไปให้
“โอเค” คาเรนเทียพยักหน้ารับ ก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังให้
เมลิสสาขยับตามเข้าไปกอด พร้อมกับวางมือเอาไว้ที่เอวของอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงอย่างรู้สึกง่วง
คาเรนเทียจับมือของสาวเจ้ามาลูบไล้กล้ามเนื้อแน่นๆ ที่หน้าอกของตนไปมาเบาๆ
“อื้อ...” เมลิสสาส่งเสียงครางท้วงอย่างขัดใจ ที่อีกฝ่ายไม่ยอมหลับยอมนอนสักที
คนหื่นอมยิ้ม ก่อนจะดึงมือของสาวเจ้าล้วงลงไปสัมผัสกับมังกรยักษ์ ที่กำลังส่ายหัวไปมาอย่างคึกคักในกางเกงบ๊อกเซอร์ เมลิสสาตัวแข็งทื่อไปทันใด เมื่อเผลอไปจับบางอย่างเข้าอย่างเต็มไม้เต็มมือ
“พระเจ้า...มันชอบเธอ” คาเรนเทียเอ่ยชม พร้อมกับบังคับมือบางให้รูดขึ้นรูดลงเบาๆ
“กะ...กรี๊ดดดดด” เมลิสสากรีดร้องพร้อมกับรีบดึงมือกลับทันทีทันใด
“เฮ้! ฉันก็แค่...”
“คะ...คุณเป็นผู้ชายที่อุบาทว์ที่สุดที่หนูเคยรู้จักมา” เมลิสสาบอกอย่างรับไม่ได้
“ฉันไม่ได้อุบาทว์ เรื่องแบบนี้ คะ...ใครๆ ก็ทำกัน” คนมีเหตุมีผลบอกด้วยสีหน้าตึงเครียด ขณะที่ใบหน้ายังไม่หายชากับนิยามที่สาวเจ้ายัดเยียดให้
“ตะ..แต่หนูไม่เคยทำ และไม่คิดว่าจะ...”
“เธอต้องทำ เพราะมันเป็นการ...ศึกษา...สำรวจ เอ่อ...ทดลองว่ามันยังใช้งานได้อยู่ไหม” คาเรนเทียคิดหาข้ออ้างแทบไม่ทัน
“มะ...ไม่จริง” เมลิสสารีบขยับลงจากเตียง พร้อมกับคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาสวม
“จริง! หมอบอกให้ทำทุกคืนก่อนนอน เพื่อเช็กว่ามันยังโอเค” คนหน้ามึนไหลตามน้ำต่ออย่างเนียนๆ
“หมอที่โรงพยาบาลไหนบอกท่านคะ”
“ก็หมอที่เซนต์ ร็อฟเวลล์ไง” คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่แม่ไก่น้อยดันตื่นซะก่อน
“ซะ...เซนต์ ร็อฟเวลล์” เมลิสสาทวนชื่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดและแพงที่สุดในลอนดอน
“ใช่! หลังจากที่เรามีอะไรกันครั้งแรกที่ PD กาสิโน ฉันก็รีบขับรถตรงไปหาหมอ เขาบอกให้ฉันกระตุ้นมันให้ตื่นตัวก่อนนอนทุกคืน เพื่อจะได้รู้ว่ามันตอบสนองสัมผัส และยังใช้งานได้อยู่หรือเปล่า”
“หนูไม่เชื่อ!”
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้เธอคุยกับหมอ”
“แต่หนูทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ค่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องยาก มานี่สิ! เดี๋ยวฉันจะสอน” คนหื่นยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เหยื่อสาว ที่ทำท่าจะรู้ทัน แต่ขอโทษ! คนอย่างคาเรนเทียไม่มีทางจนมุม ง่ายๆ หรอก
“สะ...สอน” เมลิสสาเริ่มสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่! ฉันจะสอนเธอให้ทำในสิ่งที่ผู้หญิงกับผู้ชายต้องทำกัน”
“ตะ...แต่หนูไม่ไหวค่ะ ยะ...ยังเจ็บตรงนั้น แล้วก็มีไข้ด้วย”
“โอเค! งั้นพรุ่งนี้ค่อยเริ่มก็ได้” คาเรนเทียบอกอย่างทำใจ เพราะจริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากจะหักหาญน้ำใจของสาวเจ้า แต่กลิ่นกายหอมๆ ผิวเนื้อที่เนียนนุ่มและหุ่นที่สุดแสนจะเซ็กซี่นั้น ทำให้เขาหลงลืมหลายๆ สิ่งๆ หลายๆ อย่างรอบตัวไปจนหมดสิ้น
“คะ...ค่ะ” เมลิสสาพยักหน้ารับอย่างมึนๆ กับคำบอกที่ว่า...พรุ่งนี้ค่อยเริ่มก็ได้! ทั้งที่เมื่อช่วงสาย เขาก็ได้ทำเรื่องนั้นกับเธอไปแล้ว
“ดี! งั้นฉันจะไปเข้าห้องน้ำแป๊บ เธอหลับไปก่อนได้เลย” คนที่จำต้องพึ่งพาแม่นางทั้งห้าในการปลดปล่อยกระสุนที่อัดแน่นไปด้วยสายธารแห่งรักบอกอย่างปลงๆ
“ค่ะ” เมลิสสามองตามร่างสูงที่เดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำอย่างรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะขยับกลับขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปแทบจะทันทีทันใด
ด้านคนหื่นที่ยืนรำพึงรำพันเสียงขาดๆ หายๆ อยู่ในห้องน้ำเกือบร่วมชั่วโมง ก็กลับมาล้มตัวนอนบนเตียงพร้อมกับรั้งร่างบางเข้ามากกกอดและหอมที่แก้มนวลเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลงอย่างรู้สึกอ่อนเพลีย