วันต่อมา...(ประเทศไทย) บริษัทไคเลอร์ คอร์ปอเรชัน กรุ๊ป
เวลา 10:01 น. (เวลาของประเทศไทยเร็วกว่าเวลาของรัสเซียไปสามชั่วโมง) ขณะที่อีเดนกำลังนั่งประชุมงานอยู่ ก็มีสายเรียกเข้าจากคริสเตียนโน่ เพื่อนสนิทของอีวาน จึงเอ่ยขอตัวแล้วเดินออกไปกดรับสายที่ด้านนอก
[ว่าไงคริส?]
[พระเจ้า! เสี่ยต้องไม่เชื่อเรื่องที่ผมจะบอกแน่ๆ] ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
[คริส! แกเมายาหรือเปล่า ฉันกำลังประชุมอยู่นะ] อีเดนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ตอนแรกก็ว่าจะไม่รับสาย แต่กลัวว่าจะมีใครเป็นอะไร จึงกดรับ แต่พอได้ยินน้ำเสียงที่ตอบกลับมา ก็รู้สึกอยากจะกดวางสายไปดื้อๆ
[ผมไม่ได้เสพยาครับ] คนที่อยากจะระบายความอัดอั้นตันใจบอกอย่างขุ่นเคือง
[มีเรื่องอะไร?]
[ผมเจอพี่คาเรน...]
[พวกแกเป็นญาติกัน คฤหาสน์ก็อยู่ใกล้กัน เจอหน้ากันต้องโทร. มารายงานฉันด้วยงั้นเหรอ] คนที่กำลังประชุมงานสำคัญของปีถามกลับอย่างโมโห
[แหม! ฟังก่อนสิครับ ผมเจอพี่คาเรนพาสาวไปดินเนอร์ที่โรงแรมมา]
[พระเจ้า! นี่ถ้าแพททริกรู้คงจะดีใจ] อีเดนถอนหายใจอย่างรู้สึกเพลียๆ ‘เฮ้อ...นึกว่าราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นซะอีก’
[เออ! ใช่ๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ]
[ให้ตายสิ! แล้วทำไมมันไม่โทรไปหาแพททริกตั้งแต่แรกวะ]
อีเดนกลอกตาให้กับความรั่วของเจ้าพ่อบ่อน้ำมัน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องประชุมที่กำลังร้อนระอุไปด้วยการถกเถียงเรื่องโปรเจคใหญ่ที่เตรียมจะปล่อยต้นปีหน้า
ขณะเดียวกัน...P&P Villa (ประเทศไทย)
“ผมว่าบอสใจเย็นๆ ก่อนครับ เรื่องราวมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้” จิมมี่เจมส์เตือนผู้เป็นนายที่ทำหน้าเหมือนกับคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ
“ฉันเชื่อใจน้องพิม! แต่ฉันไม่เชื่อหนังหน้าของไอ้คาเรน” คนที่ยังแค้นฝังหุ่นบอกด้วยน้ำเสียงตึงๆ
“ผมจะให้มาลินลองถามคุณพิมดูครับ” จิมมี่เจมส์เสนอทางเลือก
“ไม่! ฉันว่านั่งเครื่องไปกระทืบมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า จะได้ถือโอกาสรวบยอดเรื่องเก่าด้วย” แพททริกสันเข้าไปส่องไอจีของภรรยามาเมื่อคืน แล้วเห็นคาเรนเทียตามกดไลก์ให้แทบจะทุกโพสต์ ทำให้เขาหงุดหงิดจนนอนไม่หลับไปทั้งคืน ครั้นจะเอ่ยปากถามก็กลัวเธอจะคิดมาก เพราะกำลังตั้งท้องอยู่
“ผมว่ารอฟังคำตอบของคุณพิมก่อนเถอะครับ”
“ก็ได้ ถ้ารู้ว่ามันโทร. มาจีบน้องพิมละก็ แกสั่งนักบินให้เตรียมเอาเครื่องขึ้นได้เลย”
“คะ...ครับ” จิมมี่เจมส์รับคำเสียงสั่น ไม่รู้ว่าป่านนี้แอนดรูไปเคลียร์กับผู้เป็นนายถึงไหนแล้ว
“แกเห็นน้องพิมไหม?” แพททริกสันถามอย่างสงสัย ตอนนี้กลายเป็นคนขี้ระแวงไปหมดทุกอย่าง ทั้งแอบดูมือถือ เช็กข้อความตอนที่ภรรยาเผลอหรือหลับ จนดูคล้ายกับคนโรคจิตเข้าไปทุกที
“เอ่อ...กำลังทำอาหารอยู่ที่ห้องครัวกับคุณพิแล้วก็มาดามครับ” คนที่เพิ่งจะไปหาภรรยาสาวที่ห้องครัวมารีบบอก
“แล้วพ่อของฉันล่ะ?”
“ไปตกปลากับคุณธีครับ” จิมมี่เจมส์รีบชี้ให้ผู้เป็นนายดู
“ฉันน่าจะไปตกปลา” แพททริกสันมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ก็เห็นบิดาของตนกับบิดาของพิมพลอย (ธีรติ) ที่ทุกคนคิดว่าเสียชีวิตหลังเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อนกับภรรยา (พิมาลา) แต่ทั้งสองกลับรอดชีวิตและไปติดอยู่ที่เกาะร้าง ที่พี่ชายของฟ้ารดา (คามิน) กับเพื่อนไปติดอยู่ด้วย จึงทำให้ทุกคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“ผมเตรียมอุปกรณ์เอาไว้ให้บอสแล้วครับ” คนรู้งานรีบบอก
“งั้นก็ไปเลย” แพททริกสันเดินออกจากห้องพักไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด ไม่เข้าใจว่าทำไมคาเรนเทียถึงไม่หยุดสนใจภรรยาของตน ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าลูกชายฝาแฝดของตนก็จะลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้ว
สหพันธรัฐรัสเซีย (กรุงมอสโก) Barlensent Villa...
เวลา 07: 02 น. (เวลาช้ากว่าประเทศไทยไปสามชั่วโมง) เมลิสสาตกใจตื่น เพราะฝันว่าถูกงูตัวใหญ่คล้ายกับอนาคอนด้า กำลังรัดเธอแน่นจนหายใจแทบไม่ออก แต่พอลืมตาขึ้นมองก็เห็นคนหื่นนอนโอบกอดเธอแน่นจนแทบจะร่วมร่างเป็นคนคนเดียวกัน
“พระเจ้า” เธอรีบดึงมือหนาออกจากตัวอย่างรู้สึกหงุดหงิด
“อื้อ...ตื่นแล้วเหรอมิรา” คนที่ตื่นนานแล้ว แสร้งทำเสียงงัวเงีย กลบเกลื่อน กลัวถูกจับได้ว่าแอบหอมแก้มนวลไปหลายครั้ง แถมยังใช้อาวุธคู่กายทิ่มแทง เอ๊ย! ถูไถ บั้นท้ายงอนๆ เล่น จนเกือบจะไปถึงจุดหมายปลายทาง
“ค่ะท่าน” เมลิสสาพยักหน้ารับเบา ก่อนจะรีบขยับลงจากเตียง เมื่อเห็นคนหล่อส่งสายตาแวววาวมองมาอย่างไม่น่าไว้ใจ
“เช้านี้ฉันมีเซอร์ไพรส์ให้เธอ” คาเรนเทียรู้สึกแปลกใจกับความต้องการของตัวเอง ที่มีมากจนแทบจะเรียกได้ว่าตลอดเวลา
“อะ...อะไรเหรอคะ” เมลิสสามองอย่างสงสัย
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง” คนหื่นบอกก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาสวม
“ค่ะ” เมลิสสารีบเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว หลังเหลือบไปเห็นบางอย่างตั้งฉากทำมุม 90 องศา
“ฉันว่าเราอาบด้วยกันดีกว่า” คาเรนเทียสาวเท้าเดินตามไปด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“อะ...อาบใครอาบมันเถอะค่ะ” เมลิสสาเข้าไปในห้องน้ำแล้วรีบกด ล็อกอย่างรวดเร็ว
“หึๆ” คาเรนเทียหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือมากดต่อสายหา แม่บ้านคนสนิทเพื่อสอบถามถึงของที่บินตรงมาจากไทย ว่าตอนนี้เดินทางมาถึงหรือยัง
ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ คาเรนเทียก็พาเมลิสสาเดินออกมาที่ห้องอาหาร พร้อมกับแนะนำให้สาวใช้ แม่บ้าน และคนสนิทได้รู้จักอย่างเป็นทางการ
เมลิสสาทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไปนั่งรับประทานอาหารเช้าอย่างรู้สึกเขินๆ
“รับรองว่าเธอจะต้องปลื้มมื้อเช้าที่ฉันเตรียมให้” คาเรนเทียกระซิบบอกอย่างมีเลศนัย
“แหม...ชักอยากรู้แล้วสิคะ” คนที่หวุดหวิดจะได้เสียตัวรอบเช้าบอกอย่างอยากรู้
“ยกมาเสิร์ฟได้” คาเรนเทียพยักหน้าบอกแม่บ้านที่ยืนอยู่ จากนั้นไม่ถึงสิบวินาที อาหารก็ถูกยกออกมาวางเรียงที่บนโต๊ะ
“โอ้พระเจ้า” เมลิสสาน้ำลายสอขึ้นมาทันทีที่ได้กลิ่นหอมๆ ของน้ำยาป่าแบบอีสาน ที่ใส่น้ำปลาร้า ต้นหอม กระเทียม หอมแดง หัวกระชาย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ลูกชิ้นปลา เท้าไก่ แล้วก็เนื้อปลา
“ซุปเท้าไก่ที่เธอชอบไง” คนที่อยากจะเอาใจสาวรีบบอก
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ ว่าแต่ใครทำเมนูนี้คะ?” เมลิสสาถามอย่างตื่นเต้น เพราะมีทั้งขนมจีนและผักอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่น่าจะมีขายในรัสเซีย
“คุณเดือนนภา เชฟคนโปรดของมาดามแจสมิน บินตรงจากไทยมาทำอาหารให้เธอกิน” คาเรนเทียเอ่ยแนะนำ
“คะ...คุณเดือนนภาเป็นคนไทยเหรอคะ?” เมลิสสาถามเสียงสั่น
“ใช่ค่ะ” คนที่ถูกมะลิฉัตรไหว้วานให้เดินทางมารัสเซีย เพื่อทำอาหารไทยให้กับหุ้นส่วนของบุตรชาย ส่งยิ้มหวานกับเด็กสาวที่สวยไม่แพ้พิมพลอยกับแพรณารา
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อมิรา เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมลิสสาลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้ พร้อมทักทายด้วยภาษาไทย
“ยินดีเช่นกันค่ะ คุณมิรา” เดือนนภารับไหว้อย่างดีใจ เตรียมรายงานให้มะลิฉัตรทราบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของคาเรนเทียกับเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่แน่ใจว่าอายุจะถึง 19 หรือยัง
“คุณเดือนจะมาอยู่กับเราหนึ่งอาทิตย์ เธออยากทานอะไรก็บอกได้เลย” คาเรนเทียหันบอกคนข้างๆ
“ว้าว! หนูขอเป็นลูกมือคุณเดือนได้ไหมคะ” คนที่อยากจะเก็บเกี่ยวความรู้ของอาหารไทย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีค่ะ ลองทานดูก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าจะเผ็ดเกินไปหรือเปล่า” เดือนนภายิ้มรับอย่างเต็มใจ
เมลิสสาตักชิมไปคำแรกก็แทบจะน้ำตาไหล เพราะรสชาติอร่อยลงตัว คล้ายกับที่มารดาเคยทำให้ทานบ่อยๆ แถมเท้าไก่ก็เปื่อยได้ที่ “อื้ม! อร่อยค่ะ แล้วเผ็ดกำลังดีเลย”
“ฉันดีใจที่เธอชอบ” คาเรนเทียฉีกยิ้มหวานให้สาวตรงหน้า ที่ไม่รู้ว่าเข้ามามีอิทธิพลต่อตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ค่ะ! ว่าแต่...ท่านจะไม่ลองชิมน้ำซุปดูสักหน่อยเหรอคะ?” เมลิสสาเอ่ยแซว
“พระเจ้า! เอาจริงดิ” คาเรนเทียกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“เมื่อวานท่านบอกว่าจะลอง” เมลิสสาทวนความจำให้พ่อเทพบุตรสุดหล่อ
“อะ...โอเค! ฉันจะลอง” คาเรนเทียหยิบช้อนมาตักน้ำซุปในชามของสาวเจ้าขึ้นมาชิม ก่อนจะสำลักกับรสชาติ และกลิ่นอายของเครื่องปรุงที่ไม่คุ้นเคย “แคร่กๆ”
“น้ำค่ะ” เมลิสสารีบหยิบแก้วน้ำของตัวเองส่งให้อย่างรู้สึกผิด
“ขอบใจ” คาเรนเทียรับน้ำมาดื่ม ก่อนจะส่งแก้วคืน
“หนูขอโทษค่ะ ไม่น่ายุให้ท่านชิมเลย”
“ฉันไม่เป็นไร ช่วยตักเท้าไก่มาให้ฉันหน่อยสิ” คาเรนเทียส่งยิ้มให้ ขณะที่เสียงหนึ่งในหัวใจเอ่ยท้วง ‘พระเจ้า! นั่นเท้าไก่นะคาเรน’
เมลิสสาตักเท้าไก่ในชามของตัวเอง วางลงในจานให้อย่างมึนงง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทานได้ “ท่านแน่ใจนะคะ”
“แน่สิ! ถ้าเธอกินได้ ฉันก็กินได้” คนหล่อบอกพลางยักไหล่ขึ้นนิดๆ ขณะมองจ้องอวัยวะที่น่ารังเกียจที่สุดของไก่ ด้วยหัวใจสั่นๆ
“แต่ว่า...”
“ฉันจะกิน” คาเรนเทียบอกก่อนจะกลั้นใจตักเข้าปาก
“ปะ...เป็นไงบ้างคะ?” เมลิสสาถามอย่างใจคอไม่ดีเมื่อเห็นคนหล่อนิ่งไปชั่วขณะ
คนที่ยังสับสนกับรสชาติ คายกระดูกทิ้งก่อนจะตอบ “ก็แปลกๆ ไม่รู้สิ มันแทบจะละลายในปากเลย ฉันขอชิมอีกอันแล้วกัน!”
“นี่ค่ะ” เมลิสสารีบตักให้คนที่เหมือนจะติดใจ แต่ยังไม่รู้ตัว
“สวัสดีครับบอส สวัสดีครับคุณมิรา” แอนดรูที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องอาหาร เอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะคุณแอนดรู” เมลิสสายิ้มตอบ ก่อนจะหันไปมองคนที่ตักเท้าไก่กินเป็นครั้งที่สอง แต่มีสีหน้าดีขึ้นกว่าครั้งแรก
“ว้าว! ผมขอกินด้วยคนได้ไหมครับ” แอนดรูจ้องมองอาหารบนโต๊ะทันทีที่ได้กลิ่น! กลิ่นที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเรียกว่า...อาวุธสังหาร และถ้าเมื่อใดก็ตามที่มันถูกผสมผสานด้วยกระถินหรือสะตอ เมื่อนั้นจะต้องพกยาดมและน้ำหอมไปเข้าห้องน้ำด้วย เพื่อเป็นการให้เกียรติคนที่ใช้ห้องน้ำต่อ
คาเรนเทียคายกระดูกไก่ทิ้งก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “แกกินเป็นด้วยเหรอแอนดรู”
“เป็นครับ! ผมเคยกินตอนที่เป็นทหารกับพวกมือขวาของ R&R” แอนดรูรีบเข้าไปนั่งที่โต๊ะ
“จริงดิ?” คาเรนเทียขมวดคิ้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“จริงครับ ส้มตำ ลาบ น้ำตก ผมกินมาหมดแล้ว”
“เพื่อนของคุณแอนดรูเป็นคนไทยเหรอคะ” เมลิสสาถามอย่างสงสัย
“เป็นลูกครึ่งไทยครับ” แอนดรูบอกก่อนจะแอบแก้ประโยคในใจ ‘ถ้าจะเอาให้ถูกก็ครึ่งผีครึ่งคนน่ะครับ’
“ถ้าอยากกินอะไรก็บอกได้เลยนะคะ ดิฉันเตรียมวัตถุดิบจากไทยมาเยอะเลยค่ะ” เดือนนภารีบบอก
“มาจากไทย หมายความว่า...” แอนดรูหันไปมองผู้เป็นนายทันใด
“เมื่อวานฉันโทร. ถามน้องพิมเรื่องอาหารไทย พอดีว่ามาดามแจสมิน อยู่ด้วย ท่านก็เลยส่งคุณเดือนนภามาทำอาหารให้กินกันถึงที่นี่” คนที่ถูกเข้าใจผิดบอกด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“อ้าว! งั้นก็แสดงว่าคุณแพททริกเข้าใจบอสผิดน่ะสิครับ”
“หึ! ฉันว่าไม่ใช่แค่แพททริกนะที่เข้าใจฉันผิดน่ะ”
“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าจะ...”
“พอๆ ไม่ต้องพูดเลย เมื่อวานแกพูดไปเยอะแล้ว” คาเรนเทียมองค้อนคนสนิท ก่อนจะหันไปบอกกับเชฟคนไทย “คุณเดือนครับ ผมขอแบบมิราชามหนึ่ง แล้วก็ใส่เท้าไก่เยอะๆ นะครับ”
“ผมขอด้วยครับ” แอนดรูรีบบอกตาม
“ได้ค่ะ” เดือนนภายิ้มรับก่อนจะพยักหน้าให้ผู้ช่วยสาวคนไทยที่ติดตามมาด้วยจัดอาหารเพิ่ม
“วันนี้บอสมีประชุมที่บริษัทตอน 10 โมงนะครับ” แอนดรูเอ่ยเตือนพร้อมกับยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู
“แกกับวิลเลียมเข้าประชุมแทนฉันที” คาเรนเทียรีบส่งมือไปรับชามใบใหญ่ที่แม่ครัวคนไทยยกมาเสิร์ฟ
“ได้ครับ” แอนดรูขานรับ พร้อมกับขยับตัวให้แม่ครัววางเมนูเด็ด
“ต้องกินยังไง?” คาเรนเทียหันไปถามสาวเจ้าที่กำลังทานด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อย
“ทานกับขนมจีน แล้วก็ผักค่ะ” เมลิสสาบอกก่อนจะตักผักอย่างละนิดอย่างละหน่อยให้
“ขอบคุณ” คาเรนเทียอมยิ้มก่อนจะใช้ส้อมหมุนเส้นสีขาวๆ ที่คลายกับเส้นสปาเก็ตตี้ แต่ว่าเล็กและนุ่มกว่าขึ้นชิม “อื้ม...แปลกๆ แต่ลงตัว”
“อร่อยใช่ไหมครับบอส?” แอนดรูเงยหน้าขึ้นถามหลังจากที่หยิบผักต่างๆ ใส่ลงไปในชามของตนเสร็จ
“อืม! อร่อย” คาเรนเทียพยักหน้ารับ แล้วตักเท้าไก่ขึ้นมากินต่อ เมลิสสาอมยิ้มบางๆ ไม่คิดว่าสองหนุ่มจะชอบเมนูนี้เหมือนกับเธอ
ชั่วโมงต่อมา...
คาเรนเทียเพิ่งค้นพบว่า จริงๆ แล้วเมนูซุปเท้าไก่เป็นเมนูที่ทานแล้วหยุดไม่ได้ เพราะเขาทานไปตั้งสองชามใหญ่ ขณะที่คนสนิทก็หน้าด้านขอห่อไปทานมื้อกลางวันที่บริษัทอีกหนึ่งชุด ซึ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดนิดๆ เพราะแอนดรูตักเท้าไก่ที่เหลือไปจนหมด ทำให้คุณเดือนนภาต้องตุ๋นเพิ่ม
“ท่านอิ่มหรือเปล่าคะ?” เมลิสสาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เดินชมห้องต่างๆ มาได้สักพัก
“เธอจะล้อฉันเหรอมิรา” คนที่อิ่มจนจุกมองค้อนทันทีที่ถูกแซว
“แค่ถามดูเฉยๆ ค่ะ”
“อิ่ม! แต่ยังไม่หายอยาก แล้วฉันก็คิดว่ามื้อกลางวันจะทานซุปเท้าไก่อีกครั้ง” คาเรนเทียบอกด้วยสีหน้าเรียบๆ
“คิกๆๆ” เมลิสสาหัวเราะจนสั่น
“ไปเดินดูห้องหนังสือกัน” คาเรนเทียหัวเราะตามเบาๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเหมือนกัน แต่ทำไงได้ คนอย่างเขาชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ
“ค่ะ” เมลิสสาเดินตามร่างสูงที่พาทัวร์ห้องนั้น ต่อด้วยห้องนี้อย่างรู้สึกเพลิดเพลิน
ประเทศไทย...P&P Villa
“พี่แพทเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” พิมพลอยเอ่ยถามหลังจากที่สามีวางปลาตัวใหญ่ลงในอ่างล้าง
“พี่ปกติครับ ว่าแต่น้องพิมเถอะมีอะไรปิดบังพี่หรือเปล่า” คนที่ว่าจะไม่ถาม แต่ก็อดไม่ได้
“เมื่อวานพี่คาเรนโทรมาหาน้องพิมค่ะ” พิมพลอยรีบบอกเพราะเพิ่งจะทราบจากมาลินว่าสามีของเธอกำลังงอน ที่รู้คาเรนเทียโทร. มาหาเมื่อวาน
“เรื่อง?” แพททริกสันมองหน้าของภรรยาสาวนิ่ง
“เรื่องทำอาหารค่ะ พอดีน้องพิมเปิดลำโพง คุณแม่ได้ยินก็เลยส่งตัวคุณเดือนไปทำอาหารไทยให้พี่คาเรนทานที่รัสเซีย”
“แค่เรื่องอาหารอย่างเดียว?”
“อืม...เขาถามว่าน้องพิมกับคุณแม่สบายดีไหม แล้วก็วางสายไป แต่ถ้าพี่แพทไม่เชื่อ เดี๋ยวน้องพิมจะไปตามคุณแม่มายืนยันค่ะ”
“ไม่ต้องค่ะ!” แพททริกสันรีบรั้งแขนของภรรยาเอาไว้
“งั้นก็อย่าทำหน้าบึ้งสิคะ น้องพิมเห็นแล้วไม่สบายใจเลย” พิมพลอยมองค้อนสามีจอมขี้หึง
“พี่เพิ่งรู้ว่าคาเรนมันไปตามกดไลก์รูปในไอจีของน้องพิมด้วย” คนที่ยังไม่หายคาใจเอ่ยต่อ
“โธ่! พี่แพทคะ มีคนกดไลก์เป็นล้าน น้องพิมไม่รู้หรอกค่ะว่าใครเป็นใคร” พิมพลอยอยากจะกรีดร้องให้กับความเยอะของสามีดังๆ
“หันหน้ามามองพี่” แพททริกสันบอกเสียงอ่อนลง พิมพลอยถอนหายใจยาว ก่อนจะหันกลับมามองสามีอีกครั้ง
“พี่ไม่ไว้ใจคาเรน”
“แล้วไม่ไว้ใจน้องพิมด้วยหรือเปล่าคะ?” พิมพลอยถามกลับอย่างกวนๆ เธออุ้มท้องลูกของเขา แต่เขากลับมานั่งระแวงเรื่องไร้สาระ ซึ่งเธอก็ยืนยันแล้วยืนยันอีกว่าไม่ได้คิดอะไรกับคาเรนเทีย
“คุยอะไรกันจ๊ะ” มะลิฉัตรที่เดินเข้ามาในห้องครัว เอ่ยถามหนุ่มสาวอย่างสงสัย
“เรื่องพี่คาเรนค่ะคุณแม่” พิมพลอยหันไปฟ้องทันที
“จริงสิ! เมื่อกี้เดือนเพิ่งโทรมารายงานให้แม่ฟัง คาเรนมีสาวอยู่ด้วย หน้าตาสวยเชียวล่ะ แต่ไม่รู้ว่าอายุถึง 20 หรือยัง” มะลิฉัตรที่เพิ่งนึกขึ้นได้รีบเปิดรูปในมือถือให้ดู
“ว้าว! สวยจังเลยค่ะ” พิมพลอยฉีกยิ้มแล้วส่งมือถือให้สามีดูต่อ
“เห็นว่าเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษจ้ะ” มะลิฉัตรสปอยต่อ
“หน้าคุ้นๆ นะครับ เหมือนเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน” แพททริกสันพยายามนึก
“ที่ไหนเหรอคะ?” พิมพลอยหันไปถามสามีด้วยสีหน้าที่เริ่มจะตึงขึ้นมานิดๆ
“พี่จำไม่ได้ค่ะว่าที่ไหน” แพททริกสันยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นแม่แมวน้อยออกอาการอยากจะข่วนหน้าตน
“สงสัยจะไปมาหลายที่ใช่ไหมคะ เลยจำไม่ได้” พิมพลอยถามด้วยหางตา เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีนางแบบดังส่งรูปวาบหวิวมาให้สามีในไลน์ และเธอก็ยังไม่เคลียร์ ถึงแม้ว่าสามีจะเอ่ยปากสาบานแล้วก็ตาม
“โธ่! น้องพิม” คนมีคดีติดตัวเอ่ยเสียงอ่อน
“แม่ว่าเราไปทานของว่างกันเถอะจ้ะ” มะลิฉัตรรีบห้ามทัพ
ติ๊ดๆ
แพททริกสันล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาดู แล้วเงยหน้าขึ้นบอก “เอ่อ...ผมขอรับสายของคริสก่อน เดี๋ยวตามไปครับ”
“โอเค! ไปกันเถอะจ้ะน้องพิม” มะลิฉัตรหันไปชวนลูกสะใภ้
“ค่ะ” พิมพลอยขานรับก่อนจะเดินตามผู้ใหญ่เข้าไปด้านใน
แพททริกสันมองตามหลังภรรยาอย่างรู้สึกหวั่นใจ กลัวว่าคืนนี้สาวเจ้าอาจจะขอไปนอนกับพ่อแม่อีก
[ว่าไงคริส]
[เฮ! พี่แพททริก ผมมีเรื่องจะบอกครับ ว่าจะโทรมาเมื่อวานแล้ว พอดีมีงานเข้าซะก่อน] ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
[เรื่องอะไร?] แพททริกสันขมวดคิ้วถาม
[คือผมไปเจอพี่คาเรนพาสาวออกเดตมาครับ]
[เมื่อไหร่?]
[เมื่อคืนก่อน เดี๋ยวส่งรูปให้ดูครับ แต่เห็นแค่ครึ่งเดียวนะ เพราะผมแอบถ่ายตอนที่ออกมาจากโรงแรมแล้ว]
[ได้! ส่งมาเลย]
[ครับ พี่ไม่ต้องคิดมากนะ]
[พี่ก็ไม่อยากจะคิดนะ แต่นายก็รู้ว่าคาเรนเคยทำอะไรเอาไว้บ้าง]
[ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะช่วยจับตาดูให้]
[โอเค ขอบใจมาก] แพททริกสันบอกอย่างซาบซึ้งใจ แม้ว่าคริสเตียนโน่จะเป็นญาติผู้น้องของคาเรนเทีย แต่ก็เป็นกลางเสมอ
[ผมไม่อยากให้เราต้องมาผิดใจกัน เพราะเรื่องอะไรแบบนี้] คริสเตียนโน่บอกเสียงอ่อน เชื่อว่าหากไม่มีตนกับแดเนียลคอยห้ามและไกล่เกลี่ย แพททริกสันกับคาเรนเทียคงจะแตกหักกันไปนานแล้ว
[ฉันก็เหมือนกัน บาย] แพททริกสันบอกก่อนจะกดวางสาย รู้ดีว่าทุกคนในกลุ่มฟีนิกซ์รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ เขาจึงยอมให้คาเรนเทียมาร่วมหุ้นในกาสิโนด้วย ก็เพื่อจะลดปัญหาความขัดแย้งที่มีมานาน แต่หัวใจของเขามันก็คอยแต่จะคิดไปในทางที่ไม่ดีอยู่ตลอด เพราะพฤติกรรมของคาเรนเทียที่แสดงออกในหลายๆ ครั้ง มันทำให้รู้สึกว่า...จนถึงตอนนี้พิมพลอยยังคงมีอิทธิพลต่ออีกฝ่าย