“ฉันสัญญาว่าจะนุ่มนวลกับเธอ” คาเรนเทียเอ่ยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจูบซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลเบาๆ เพื่อให้สาวเจ้าหายตื่นกลัว
เมลิสสาถึงกับหยุดร้องไห้ไปทันทีทันใด เมื่อพ่อเทพบุตรสุดหล่อแสดงท่าทีที่อบอุ่นต่อเธอ
คาเรนเทียยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลูบไล้สะโพกที่งอนงาม แล้วเลื่อนขึ้นมายังเอวบาง ที่แอบกลัวว่าหากจับกระแทกแรงๆ คนในอ้อมกอดอาจจะแหลกหักคามือ
เมลิสสาสะดุ้งเบาๆ เมื่อริมฝีปากหนาหยักได้รูปฉกจูบลงมายังริมฝีปากที่อวบอิ่มของเธอ แล้วสอดแทรกลิ้นอุ่นๆ เข้ามา “อะ...อืม...”
คาเรนเทียอาศัยจังหวะที่สาวเจ้ากำลังเคลิบเคลิ้ม ค่อยๆ แยกขาที่เรียวงามออกจากกัน แล้วสอดมือลงไปลูบไล้เนินเนื้อที่อวบอูมเบาๆ
“ยะ...อย่าค่ะ” เมลิสสาถึงกับสั่นไปทั้งเนื้อทั้งตัว เมื่อถูกอีกฝ่ายล่วงล้ำความเป็นหญิง จึงพยายามปัดมือหนาออก
“อื้อ...เธอนั่นแหละอย่าดื้อ!” ชายหนุ่มครางในลำคออย่างขัดใจก่อนจะดึงบราที่โอบดอกบัวงามออก แล้วเลื่อนตัวลงมาดูดกลืนปลายถันสีชมพูอ่อนๆ อย่างหิวกระหาย ขณะที่มืออีกข้างก็บีบคลึงดอกบัวงามที่เต่งตึงเบาๆ
“อะ...อืม...อะ...” เมลิสสาครางเบาๆ อย่างเสียวซ่านกับสัมผัสวาบหวามที่ไม่เคยพานพบมาก่อน ทำให้เธอหลงลืมตัวไปชั่วขณะ
คาเรนเทียไล้ปากต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดกึ่งกลางของอิสตรี ก็ใช้นิ้วเกี่ยวแพนตี้ตัวจิ๋วออกให้พ้นทางอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จับขาเรียวเล็กทั้งสองข้างให้อ้าออก แล้วจ้องมองกลีบดอกไม้งามที่อวบอูมเต็มๆ สองตา
“ยะ...อย่าค่ะ...” เมลิสสาได้สติกลับมาอีกครั้ง จึงรีบอ้อนวอน
คาเรนเทียรีบแทรกตัวไปอยู่ระหว่างขาเรียวงามคู่นั้น พร้อมกับก้มลงใช้ลิ้นควานหาน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้งามอย่างไม่รอช้า
“อะ... อย่าค่ะ...อื้อ...” เมลิสสาพยายามจะร้องห้าม แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้
ชายหนุ่มทั้งดูดกลืนและตวัดลิ้นเลียดอกไม้งามอย่างบ้าคลั่งก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปยังทางรักที่คับแน่นช้าๆ ด้วยความยากลำบาก
“ไม่นะ!” เมลิสสาดีดดิ้นทันทีที่มีบางอย่างพยายามจะลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่สงวน
“ธะ...เธอยังไม่เคย...ใช่ไหม?” คาเรนเทียเงยหน้าขึ้นถาม
“ค่ะ ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ” เมลิสสาพยักหน้ารับพร้อมกับอ้อนวอนขอความเมตตา
“ฉันจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” คาเรนเทียบอกก่อนจะก้มหน้าลงไปตวัดลิ้นเลียขึ้นลงช้าๆ รู้สึกตื่นเต้น และดีใจที่จะได้เป็นชายคนแรกของสาวตรงหน้า
“อะ...อื้อ....” เมลิสสาจิกผ้าปูที่นอนแน่น แขนขาไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านใดๆ จึงทำได้เพียง...แอบหวังว่าเขาจะปรานีอย่างที่บอก
คาเรนเทียยิ้มกริ่ม ค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปสร้างความคุ้นเคยขณะที่หยดน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ ไหลเยิ้มออกมาชโลมนิ้ว ก่อนจะค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปทีละนิดๆ
“อะ...อืม...” เมลิสสาครางเสียงสั่นๆ ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว และเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก
คาเรนเทียเริ่มขยับนิ้วเข้าออกเร็วขึ้น เมื่อเห็นร่างบางบิดเร่าและเริ่มเกร็งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้ว่าเธอกำลังจะแตะขอบสวรรค์
“อะ...อ๊ะ!...กรี๊ดดดดดด” เมลิสสากรีดร้องออกอย่างทนไม่ไหวจิกเล็บลงกับผ้าปูที่นอนแน่น เกร็งกระตุกติดๆ กันสามสี่ครั้ง ก่อนจะชาวาบไปทั้งตัว เหมือนกำลังล่องลอยไปที่ไหนสักหนแห่ง คาเรนเทียมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่หายใจหอบไปมา และหน้าอกคู่สวยที่ขยับตามแรงหายใจ เขาจึงรีบถอดเสื้อคลุมออก แล้วก้มลงลิ้มลองหยดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่เปื้อนเปรอะต้นขางาม
“อ๊ะ...พะ...พอแล้ว!” เมลิสสารีบท้วง เมื่อลิ้นอุ่นๆ ของเขาแตะสัมผัสลงยังจุดกึ่งกลางของความเป็นหญิง แถมยังดูดกลืนและรัวลิ้นขึ้นลงเร็วๆ สร้างความเสียวซ่านรัญจวนใจอย่างต่อเนื่องโดยไม่ปล่อยให้เธอได้พักหายใจหายคอ
“อะ...อะ...ไม่นะ...กรี๊ดดดด” เมลิสสากรีดร้องเสียงดังอีกครั้งอย่างสุขสม พร้อมกับกระตุกติดๆ จนสั่นไปทั้งตัว
น้ำหวานจากดอกไม้งามทะลักออกมาอย่างพรั่งพรู ทำให้คนที่รออยู่ได้ลิ้มรสชาติอีกครั้ง รีบดูดกลืนอย่างติดใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เขาไม่เคยจะทำแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนไหน แม้ว่าพวกเธอจะอาบน้ำและล้างตรงนั้นจนสะอาด แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยังสะอาดไม่พอที่เขาจะใช้ริมฝีปากกับตรงนั้นของพวกเธอ แต่กับสาวตรงหน้า! เขากลับทำมันโดยไม่ลังเล
ชายหนุ่มจูบซุกไซ้ต้นขาและเอวบางขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงดอกบัวงามที่เบ่งบานรับสัมผัส
“มะ...ไม่เอาแล้ว อะ...อื้อ...” เมลิสสาที่เริ่มจะได้สติอีกครั้งอ้อนวอนคนที่กำลังขย้ำและดูดกลืนปลายถันของเธอ
คนเจ้าเล่ห์ค่อยๆ จับความเป็นชายขนาดใหญ่แตะกลีบดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน แล้วถูไถขึ้นลงช้าๆ
“อะ...อื้อ...” ความเสียวซ่านทำให้เมลิสสาส่งเสียงครางออกมา อย่างลืมตัว คาเรนเทียยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะจับความเป็นชายแทรกผ่านทางรักที่คับแคบ แล้วออกแรงดันเข้าไป โดยไม่ปล่อยให้สาวเจ้าได้ตั้งตัวและเตรียมใจแต่อย่างใด
กึก!
“อ๊ะ! กรี๊ดดดดดดด” เมลิสสาที่กำลังเคลิบเคลิ้ม ถึงกับสะดุ้งเฮือก! น้ำตาไหลอาบแก้มทันใด เมื่อความเสียวซ่านถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด
“พระเจ้า!” คาเรนเทียอุทานเบาๆ หลังจากที่เพิ่งจะทะลวงผ่านเยื่อบางๆ ที่เรียกว่าพรหมจรรย์ มาได้หยกๆ
“เจ็บ...เอาออกไป ได้โปรด...” เมลิสสาอ้อนวอนเสียงสั่น
“อย่าเพิ่งดิ้น! มะ...ไม่งั้นเธอจะเจ็บกว่านี้” คาเรนเทียหยุดชะงักการกระทำทั้งหมด แล้วใช้มือเกลี่ยหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้างออกให้อย่างแผ่วเบา เขาเองก็ทั้งเจ็บและทรมานกับความคับแน่นที่บีบรัดจนแทบจะทนไม่ไหว แต่กระนั้นก็รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นชายคนแรกของเธอ แม้ว่าจะเข้าไปได้แค่เพียงสองส่วนสามของทั้งหมดที่เขามีก็ตาม
“อะ...อื้อ...” เมลิสสาครางเบาๆ เมื่อริมฝีปากหยักได้รูปจูบ และซุกไซ้อย่างอ่อนโยน ขณะที่ความเจ็บปวดที่เต้นตุบๆ เริ่มคลายตัว
คาเรนเทียหลอกล่อให้สาวเจ้าเคลิบเคลิ้ม แล้วดันส่วนที่เหลือเข้าไปจนสุดทางรัก
กึก!
“กรี๊ดดดดด” เมลิสสากรีดร้อง พร้อมกับจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายทันที
“โอ้พระเจ้า!” คาเรนเทียกัดฟันข่มความเสียวซ่านที่โอบล้อมความเป็นชายและบีบรัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก มันเป็นความรู้สึกวิเศษที่สุดที่เคยพานพบมา เขาเล้าโลมต่อครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคย
“อะ...อะ...อ่า...” เมลิสสาใจสั่นทุกครั้ง ที่คนตรงหน้าเคลื่อนตัวเข้า-ออก ทั้งเจ็บและเสียวซ่านกับขนาดที่ใหญ่และยาวจนน่ากลัว ทำให้เธอต้องดันหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเอาไว้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาลึกเกิน
“ฉันมีความสุขที่สุดเลย” คาเรนเทียก้มกระซิบเสียงสั่นพร่า ก่อนจะค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นตามแรงปรารถนา
“อะ...อะ...อะ...กรี๊ดดดด” เมลิสสากรีดร้องสุดเสียง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เมื่อพ่อเทพบุตรสุดหล่อส่งเธอแตะขอบสวรรค์
“โอ้ว...พระเจ้า” คาเรนเทียเร่งจังหวะตามไปแตะขอบสวรรค์ พร้อมกับปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวของสาวเจ้าทุกหยาดหยด ก่อนจะเกร็งกระตุก 6-7 ครั้ง ติดๆ กัน แล้วฟุบหน้าลงที่ซอกคอระหงของสาวเจ้า
เมลิสสานอนพักหายใจได้ไม่ถึงสิบนาที ก็ถูกปลุกเร้าอารมณ์ด้วยความเสียวซ่าน จากนั้นเกมรักครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งกระทั่งหลับไปลึกอย่างไม่รู้สึกตัว
วันต่อมา...สหพันธรัฐรัสเซีย (กรุงมอสโก)
เมลิสสาลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่เปลี่ยนไปจากเดิม เธอกวาดตามองไปรอบๆ พยายามนึกว่าเธอมานอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์นี้ได้อย่างไร
“ตื่นแล้วเหรอ?” คาเรนเทียเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้างามอย่างไม่วางตา เมื่อคืนหลังจากที่ดื่มด่ำกับความหอมหวานจนหนำใจ เขาก็อุ้มคนที่หลับคาอกไปขึ้นรถที่คนสนิทเอามาจอดรอรับที่ด้านหลังวิลล่า จากนั้นก็ตรงไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่ลานจอดนอกเมือง แล้วบินกลับรัสเซียทันที เพราะไม่อยากให้ข่าวของตนกับพนักงานเสิร์ฟหลุดไปเข้าหูหุ้นส่วนคนอื่นๆ
“ทะ...ท่าน” เมลิสสาจ้องมองหนุ่มหล่อที่นั่งข้างเตียงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ใช่! ฉันเอง” คาเรนเทียยิ้มรับ หลังจากที่นั่งมองหญิงสาวมาได้ชั่วโมงกว่าๆ
“ที่นี่...” เมลิสสาหลบสายตาที่มองมาอย่างรู้สึกเขินอาย ไม่แน่ใจว่านี่คือความจริง...หรือเป็นเพียงแค่ความฝัน
“รัสเซีย” คาเรนเทียเฉลยก่อนจะแสร้งมองไปทางอื่น เพื่อปกปิดบางอย่างในแววตา
“ระ...รัสเซีย” เมลิสสาหน้าเจื่อนไปทันใด พลัน! ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ของเธอกับเขาเมื่อคืน ก็ผุดขึ้นมาราวกับไปกดโดนปุ่ม Replay เข้า
“ใช่! เธออยู่ที่บ้านของฉันในรัสเซีย” คาเรนเทียขยายความให้คนที่ยังดูเหมือนจะมึนๆ งงๆ เข้าใจ
“มะ...ไม่จริง!” คนที่เพิ่งจะได้สติ หลังจากที่หยิกเนื้อตัวเองไปหลายครั้ง เริ่มน้ำตาคลอขึ้นมาทันใด
“จริง! เธอจำเรื่องของเราเมื่อคืนไม่ได้เหรอ?” คนที่จดจำทุก ๆ วินาทีที่ผ่านมาได้ดี หันมาเอ่ยถาม
เมลิสสากะพริบตาไล่หยดน้ำอุ่นๆ ที่กำลังเอ่อล้น ขณะภาพต่างๆ ของผู้ชายตรงหน้า ฉายชัดขึ้นมาในม่านตาอย่างต่อเนื่อง เมื่อคืนเธอยกอาหารไปเสิร์ฟที่วิลล่าหลังใหม่ แล้วดันทำซุปหกใส่ตรงบริเวณของสงวนของเขาเข้า จากนั้นเขาก็ลากเธอไปลงโทษด้วยการ...พรากสิ่งที่สำคัญที่สุดไปหลายต่อหลายครั้ง จนเธอหลับลึกไปโดยไม่รู้สึกตัว
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา” คาเรนเทียบอกคนที่กำลังบ่อน้ำตาแตกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ‘นี่เธอไม่รู้ตัวหรือไงวะ ว่าโชคดีขนาดที่ไหนที่ได้ขึ้นเตียงกับคนอย่างคาเรนเทีย บาร์เลนเซนต์’
“ฮึก...คะ...คุณพาหนูมาที่นี่ทำไม” เมลิสสาถามอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดว่าทุกอย่างมันน่าจะจบแล้ว แต่เปล่าเลย เขากลับพาเธอมายังประเทศที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งภาษา
“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าต้องรับผิดชอบอะไรฉัน”
“ฮึก...เมื่อคืนหนูก็ชดใช้ให้ท่านไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง มันยัง...”
“ยังไม่พอ! เพราะฉัน...เอ่อ...เพิ่งจะไปพบแพทย์มา และเขาบอกว่ามันอาจจะใช้งานไม่ได้ถาวร หรือใช้ได้เป็นบางครั้ง ไม่รู้สิ! ต้องรอดูอาการไปจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน!” คนที่ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยโกหกเป็นครั้งแรก พยายามหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“หมายความว่า...” เมลิสสาหยุดร้องไห้แล้วรอฟังชะตากรรมของตัวเองอย่างตั้งใจ เพราะต่อให้เธอหนียังไง เชื่อว่าเขาก็ต้องตามหาจนเจอ สู้ชดใช้ให้มันจบๆ ไปคงจะดีกว่า
“เธอต้องอยู่กับฉันที่นี่ เพื่อชดเชยต่อความสุ่มเสี่ยงที่ฉันอาจจะสูญเสียของรักของหวง หากว่ามันจะใช้งานไม่ได้”
“ถะ...ถ้าครบหนึ่งเดือนแล้ว ทุกๆ อย่างเป็นปกติ คุณจะ...”
“เธอกลับอังกฤษได้เลย”
“ละ...แล้วงานที่...”
“ไม่ต้องห่วง เธอจะได้ทำงานที่ PD กาสิโนเหมือนเดิม ฉันรับรอง” คาเรนเทียให้คำมั่น
“งั้นหนูต้องทำอะไรบ้างคะ” เมลิสสายกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้ง พยายามยอมรับชะตากรรมที่มิอาจหลีกเลี่ยง
คนเจ้าเล่ห์แอบจุดพลุฉลองในใจ ที่สาวตรงหน้ายอมเข้าใจอะไรง่ายๆ “ไม่ต้องทำอะไร แค่ตอบสนองฉันบนเตียงเหมือนเมื่อคืนก็พอ”
“มะ...มันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ” เมลิสสาน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังรู้ว่าเขาจะทำแบบนั้นกับเธออีก
“แล้วเธอจะให้ฉันไปทำกับใครฮะ? ถ้าเกิดตอนที่ขึ้นเตียงกับสาวแล้วมันใช้งานไม่ได้ ฉันคงต้องสั่งฆ่าคู่นอนปิดปาก เพื่อกันไม่ให้พวกหล่อนเอาเรื่องที่น่าอับอายนี้ไปพูดต่อ อย่างงั้นสิ?” คาเรนเทียเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะซีเรียส
“ฮือๆๆ” เมลิสสาปล่อยโฮออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ หลังรู้ว่าจะต้องเป็นตัวทดสอบเรื่องบนเตียงให้กับอีกฝ่ายไปจนกว่าจะครบหนึ่งเดือน
“จะร้องทำไม มีผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพันที่อยากมาอยู่ตรงนี้” คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“ตะ...แต่หนูรับคุณไม่ไหว” คนที่ยังเจ็บ จุก และร้าวระบมไปทั้งเนื้อทั้งตัว บอกเสียงสั่น
“แรกๆ ก็แบบนี้แหละ อีกเดี๋ยวก็ชิน” คาเรนเทียบอกพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้น ประหนึ่งว่ามันคือเรื่องปกติที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องเจอะเจอ
“แต่หนูไม่...” เมลิสสากำลังจะอ้อนวอนขอความเห็นใจจากพ่อเทพบุตรสุดหล่อ แต่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ก๊อกๆ
“เข้ามา” คาเรนเทียเอ่ยอนุญาต ก่อนจะดึงคนเจ้าน้ำตาเข้ามากอดแนบอก เพราะกลัวว่าเธอจะอายแม่บ้านของตน
“ค่ะ” อันนา เมดสาว วัย 38 ปีที่อยู่ดูแลตระกูลบาร์เลนเซนต์มานานขานรับ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับหลานสาว ไมย่า อายุ 21 ปี ยกอาหารตามเข้าไปในห้อง
“จัดเสร็จแล้วก็ออกไป” คาเรนเทียรับรู้ถึงอาการสั่นนิดๆ ของสาวในอ้อมกอด ก็อดสงสารไม่ได้
“ค่ะท่าน” อันนาหันไปพยักหน้ารับ แล้วเร่งมือจัดอาหารต่อ
ไมย่าที่เพิ่งจะมาทำงานได้ไม่ถึงปี แอบเหลือบมองสาวร่างเล็กที่ใบหน้าสะสวยในอ้อมกอดของผู้เป็นนายก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ‘พระเจ้า! คุณคาเรนแอบกินเด็กหรือเนี่ย?’
“เธอมีไข้ เดี๋ยวทานข้าวก่อนแล้วค่อยทานยา” คาเรนเทียกระซิบบอกที่ข้างหูเบาๆ อย่างเป็นห่วง
“ฮึก...หนูไม่หิวค่ะ” คนที่ยังทำใจรับไม่ได้ บอกพร้อมกับดันร่างสูงให้ออกห่าง
“มิรา! ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซากนะ” คาเรนเทียหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใดที่อยู่ๆ ก็ถูกผลักออกราวกับว่ารังเกียจสัมผัสของตน
“ฮึก...” เมลิสสาขยับไปอยู่อีกฝั่งของเตียงอย่างรู้สึกหวาดกลัว
“ออกไป!” คาเรนเทียหันไปบอกแม่บ้านกับเมดสาวเสียงดังลั่น
“ค่ะท่าน” อันนากับไมย่ารีบแจ้นไปที่ประตูด้วยสีหน้าตื่นๆ
คลิก!
ทันทีที่เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น คาเรนเทียก็เดินอ้อมเตียงไปกระชากร่างบางเข้ามาหาตัวทันที
“ฮึก...จะ...จะทำอะไรหนู” เมลิสสาเอ่ยถามทั้งน้ำตา
“จะทำให้เธอรู้ว่าไม่ควรดื้อกับคนอย่างคาเรนเทีย” คนที่ถูกท้าทาย บอกก่อนจะจูบบดขยี้ริมฝีปากบางที่บวมเจ่อนิดๆ แล้วเปิดเกมรักที่ดุดันโดยไม่เปิดโอกาสให้สาวเจ้าได้ต่อรองใดๆ
ชั่วโมงต่อมา...
คาเรนเทียลุกไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะหยิบอีกตัวมาส่งให้กับคนที่นอนร้องไห้สะอื้นอยู่บนเตียง
“ถ้าฉันกลับเข้ามาอีกครั้ง แล้วเห็นว่าเธอยังไม่ทานข้าวอีกล่ะก็ เจอดีแน่!” คนที่ไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่งบอกก่อนจะเดินออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าตึงเครียด พอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นแม่บ้านคนสนิทเดินมาผ่านมาจึงรีบกวักมือเรียก “อันนา!”
“ค่ะท่าน” อันนาขานรับด้วยสีหน้าตื่นๆ
“เข้าไปดูแลคนรักของฉันที หากเธอยังดื้อไม่ยอมทานข้าวและยาล่ะก็ ให้รีบบอก ฉันจะกลับมาจัดการเอง อ้อ! ใช้ภาษาอังกฤษกับเธอนะ” คาเรนเทียสั่งการ ก่อนจะเดินไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด ใจจริงก็ไม่อยากจะหักหาญน้ำใจของสาวเจ้า เพราะตรงนั้นคงบวมเป่งจากการรับศึกหนักเมื่อคืน แต่หากไม่กำราบตั้งแต่วันนี้ ก็จะยากต่อการควบคุมในวันข้างหน้า
“ค่ะท่าน” อันนารีบเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของผู้เป็นนาย ที่ประตูยังเปิดแง้มเอาไว้นิดๆ
“ขออนุญาตค่ะ เอ่อ...คุณลุกไหวหรือเปล่าคะ” อันนารีบเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวที่เรือนร่างบอบบาง แต่กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้หญิงทุกคนเห็นแล้วจะต้องอิจฉา
“ฮึก...ค่ะ” เมลิสสาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมเข้าปกปิดเนื้อตัวอย่างรู้สึกอาย
“ดิฉันชื่ออันนาเป็นแม่บ้านของที่นี่ค่ะ”
“สวัสดีค่ะอันนา ฉันเมลิสสา แอนดิสัน เรียกว่ามิราก็ได้ค่ะ” เมลิสสาฝืนส่งยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่ายที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่าคนใจร้ายเมื่อครู่หลายสิบเท่า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณมิรา เอ่อ...ไม่ทราบว่า...จะอาบน้ำก่อน หรือว่าทานข้าวก่อนดีคะ” อันนาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้เห็นใบหน้างามชัดๆ เต็มๆ ตา ‘พระเจ้า! สวยอย่างกับนางฟ้าแน่ะ’
“ขออาบน้ำก่อนค่ะ” เมลิสสาฝืนยิ้มตอบ ก่อนจะขยับลงจากเตียง ไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ เพราะเจ็บแปลบตรงจุดซ่อนเร้น
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเตรียมน้ำให้รอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ดิฉันยินดีที่ได้รับใช้คนรักของท่าน”
“ฉันไม่ใช่คนรักของเขาค่ะ เป็นแค่...” เมลิสสาเอ่ยค้างไว้อย่างรู้สึกเศร้ากับเหตุผลที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้
“ดิฉันทำงานมาเกือบสิบปี ท่านไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่ คุณเป็นคนแรก และเป็นคนที่ท่านเรียกว่า...คนรักค่ะ”
“เอ่อ...มันอาจจะหมายถึงนักโทษก็ได้นะคะ”
“อืม...ถ้างั้นคุณคงจะเป็นนักโทษที่พิเศษที่สุดค่ะ เพราะได้นอนบนเตียงของท่าน” อันนาบอกยิ้มๆ
“คืนนี้ฉันจะนอนที่พื้นค่ะ” เมลิสสาตอบกลับทันใด
“ว้าย! อย่าพูดแบบนี้สิคะ ถ้าท่านรู้เข้าดิฉันโดนไล่ออกแน่ๆ เลย” อันนารีบบอกอย่างใจคอไม่ดี
“งั้นฉันจะนอนตรงไหนก็ได้ที่เขาให้นอนค่ะ”
“แหม...ค่อยโล่งใจหน่อย” อันนายิ้มก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำแล้ว จัดการเปิดน้ำอุ่นๆ ลงในอ่างขนาดใหญ่พร้อมกับเทครีมอาบน้ำที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลงไป จากนั้นก็เดินออกไปเตรียมชุดให้คนรักของผู้เป็นนายต่อ