1
jasmin Grand Hotel {England}
หลังจากที่เดินทางไปร่วมงานแต่งของคารอส น้องชายของเพื่อนสนิทอย่างแดเนียล ร็อฟเวลล์ เสร็จ คาเรนเทียก็ต้องรีบเดินทางมาอังกฤษตาม คำเรียกร้องของมารดา ที่บอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วย
“คาเรนทางนี้” เอลลีลุกขึ้นโบกมือให้บุตรชายอย่างดีใจ
“ครับ” คาเรนเทียรีบเดินไปหามารดา ที่นั่งตรงโซนวีไอพี
“ลูกสบายดีไหม?” เอลลีเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่บุตรชายนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ผมสบายดีครับ คุณพ่อก็สบายดี” คาเรนเทียหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าของมารดาบูดบึ้งขึ้นมานิดๆ หลังจากได้ยินตนเอ่ยถึงบิดา
“แม่ไม่อยากรู้หรอกว่าตาบ้านั่นจะเป็นยังไง แม่สนแค่ลูกคนเดียวเท่านั้นแหละ” เอลลีมองค้อนบุตรชายที่ชอบหยอกเรื่องของอดีตสามีที่เลิกรากันไปหลายปี เพราะเธอทนนิสัยชอบบงการและเอาแต่ใจของอีกฝ่ายไม่ไหว
“หึๆ แต่พ่อบ่นคิดถึงแม่ทุกวันเลยนะครับ”
“คาเรน!” เอลลีถอนหายใจอย่างรู้สึกหงุดหงิด
“ขอโทษครับ ว่าแต่แม่มีเรื่องอะไรจะบอกผม” คาเรนเทียรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ลูกอายุเท่าไหร่แล้ว”
“35 ครับ” คาเรนเทียรู้ทันทีว่ามารดากำลังจะพูดเรื่องอะไร
“ฟังนะ! แม่ไม่อยากจะจู้จี้อะไรนักหรอก แต่แม่อยากอุ้มหลาน”เอลลี เอ่ยเข้าเรื่อง ทำเอาคนที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบถึงกับสำลักจนหน้าแดงก่ำ
แค่กๆๆ
“นี่แม่ซีเรียสอยู่นะ” เอลลีต่อว่าพร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้าให้บุตรชาย
“ผะ...ผมก็ซีเรียสเหมือนกันครับ” คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็งๆ เพราะช่วงหลังๆ เรื่องที่มารดาจะพูดคุยกับตนมีเพียงเรื่องเดียว คือ...เรื่องคู่ครอง ซึ่งมีหลายต่อหลายครั้งที่ถูกจับให้ออกเดตด้วยสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะบังเอิ๊ญบังเอิญ แต่เขารู้ว่ามันคือการเตี๊ยมกันมาก่อน
“ลูกควรแต่งงานกับผู้หญิงสักคนได้แล้ว” เอลลีบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“โธ่...แม่ครับ ผมยังไม่อยากจะมีใคร” คนหล่อที่ยังรักสนุกบอกพร้อมกับยักไหล่ขึ้นนิดๆ
“แต่ลูกใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงมากเลยรู้ตัวไหมคาเรน” เอลลีบอกอย่างทนไม่ไหว เพราะงานที่บุตรชายทำสืบต่อจากสามีมันทำให้เธอผวา และจิตตก
“ยะ...ยังไงครับ” คนที่รู้ดีแสร้งถามเหมือนไม่รู้
“ก็ธุรกิจสีเทาที่ทำอยู่น่ะ ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าตายวันไหนน่ะสิ” เอลลีกัดฟันบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“แต่พ่อก็อยู่มาจนอายุ 63 แล้วนะครับ” คาเรนเทียหยิบยกบิดาที่เป็นแค่ผู้ถือหุ้นลับๆ ในกาสิโนหลายแห่งขึ้นมาอ้าง
“ตาแก่นั่นโชคดี”
“เอาเป็นว่า...ถ้าพ่อกับแม่กลับมาอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ผมจะแต่งงานทันทีครับ” คาเรนเทียบอกพลางหัวเราะเบาๆ
“ไม่มีทาง!” เอลลีบอกพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ชาตินี้ทั้งชาติเธอจะไม่มีวันกลับไปอยู่กับคนอย่างวินเซ่นอีกเด็ดขาด
“งั้นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ” คาเรนเทียบอกอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้อ...นี่แม่อายุจะ 54 แล้วนะ จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ไม่รู้” เมื่อสั่งไม่ได้ ขอร้องไม่ได้ อ้อนวอนไม่ได้ เอลลีก็เข้าสู่โหมดดราม่าต่อทันที
“ผมรักแม่นะครับ แต่ผมยังไม่เจอผู้หญิงคนที่ใช่ ต่อให้แต่งงานกันไป แต่อีกเดี๋ยวก็ต้องได้เลิกกันอยู่ดีครับ” คนที่ผ่านอะไรมามากมายบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“แล้วผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ ลูกคิดว่าเป็นยังไงบ้าง” เอลลีพยักหน้าให้บุตรชายมองหญิงสาวที่เพิ่งจะเดินผ่านล็อบบี
คาเรนเทียมองตามอย่างถึงบางอ้อ “พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าแม่ กำลังจะ...”
“เธอชื่อเอมเบอร์ อายุ 25 ปี เป็นเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง” เอลลีรีบบอก
“ผม...ขอตัวก่อนนะครับ พอดีเพิ่งจะนึกได้ว่ามีธุระด่วน” คาเรนเทีย บอกพลางหยิบมือถือเตรียมจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกมารดารั้งที่ข้อมือเอาไว้
“คาเรน! นั่งลงเดี๋ยวนี้ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แค่กินข้าวด้วยกันสักมื้อก็พอ” เอลลีบอกด้วยสีหน้าตึงๆ กลัวว่าหญิงสาวที่หมายมั่นจะให้เป็นลูกสะใภ้จะหันมาเห็นท่าทีของบุตรชายเข้า
“ก็ได้ครับ กินเสร็จแล้วผมขอตัวกลับเลยนะ”
“โอเค! ได้ตามนั้น” เอลลีฉีกยิ้มออกมาทันใด ก่อนจะหันไปยกมือให้กับบุตรสาวคนเดียวของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังมาที่โต๊ะ
“สวัสดีค่ะเอลลี” เอมเบอร์ฉีกยิ้มหวานให้กับลูกค้าประจำของห้องเสื้อ ก่อนจะหันไปยิ้มให้หนุ่มหล่อคนดังที่นั่งอยู่ด้วย ‘พระเจ้า! ตัวจริงหล่อกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก’
“สวัสดีจ้ะเอมเบอร์ นี่ลูกชายของฉันเองชื่อคาเรนเทีย” เอลลีเอ่ยแนะนำ
“สวัสดีค่ะคุณคาเรนเทีย” เอมเบอร์จ้องมองหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้สึกหลงใหล ยิ่งรู้ถึงกิตติศัพท์อันร้อนฉ่าบนเตียงจากเหล่านางแบบ ก็ทำให้อยากจะครอบครอง โชคดีที่มารดาของเขาเป็นลูกค้าประจำของร้านเธอ ทุกๆ อย่างจึงดูง่ายไปหมด
“สวัสดีครับเอมเบอร์” คาเรนเทียส่งมือไปจับเบาๆ อย่างมีมารยาท
“ฉันกำลังจะสั่งอาหาร หนูอยากทานอะไรจ๊ะ” เอลลีถามอย่างเอาใจ เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งลงข้างๆ กับบุตรชาย
“อืม...ที่นี่มีเมนูอะไรที่โดดเด่นบ้างคะ?” เอมเบอร์เอ่ยถามคนหล่อด้วยหัวใจสั่นๆ
“คาเรนแนะนำหนูเอมเบอร์หน่อยสิ ลูกมาทานที่นี่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?” เอลลีพยายามจะสานสัมพันธ์ให้หนุ่มสาว
“คือ...ผมไม่ได้มาทานอาหารครับ แต่มาทำอย่างอื่น” คาเรนเทียบอกตามตรง เพราะเชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าคงจะรู้เรื่องราวของตนจากสื่อต่างๆ มาพอสมควร
“อะ...อะไร?” เอลลีถามอย่างสงสัย
“เชื่อเถอะครับว่าแม่ไม่อยากจะรู้หรอก” คาเรนเทียบอกยิ้มๆ ก่อนจะล้วงมือถือที่ตั้งสั่นเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาเปิดดู
“ใครโทรมา?” เอลลีเริ่มสังหรณ์ใจ ทุกครั้งที่บุตรชายออกไปรับสายตอนที่มีนัดดูตัว อีกฝ่ายจะหายไปและไม่กลับเข้ามาอีก ทิ้งให้เธอต้องรับหน้าแทนตลอด
“สายสำคัญ ถ้ายังไงก็สั่งรับประทานกันได้เลยนะครับ ผมขอไปรับสายที่ข้างนอกสักครู่” คาเรนเทียแทบจะลุกขึ้นเต้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นชื่อของแพททริกสัน โชว์หราบนหน้าจอ
“เชิญค่ะ” เอมเบอร์ยิ้มอย่างอายๆ ขณะที่วาดฝันว่ายังไงคืนนี้เธอก็จะได้ขึ้นเตียงกับหนุ่มตรงหน้าอย่างแน่นอน
“แม่หวังว่าลูกจะรีบกลับมา” เอลลีรีบดักทาง
“แน่นอนครับแม่” คาเรนเทียบอกก่อนจะลุกเดินออกไปด้านนอกห้องอาหารด้วยสีหน้าคล้ายกับคนที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่
“พระเจ้า! ขอบคุณที่แกโทรมา” คาเรนเทียเอ่ยทันทีที่กดรับสาย
“แกไปทำซากอะไรที่โรงแรมของฉัน” ปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันมีนัดทานข้าวกับแม่”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แฟนใหม่เหรอ”
คาเรนเทียกลอกตาอย่างเซ็งๆ เดาว่าผู้จัดการของโรงแรมคงจะโทรไปรายงานอีกฝ่าย “บ้า! เธอเป็นผู้หญิงที่แม่ฉันพามาให้ดูตัว”
“ฮ่าๆๆ งั้นแกก็รีบๆ แต่งงานซะสิ” คนที่ยังไม่หายแคลงใจเมื่อตอนที่ถูกลูเซียน่ายิง แล้วนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่ เซนต์ ร็อฟเวลล์ ทันทีที่ฟื้นก็ได้ทราบจากคนสนิทว่าคาเรนเทียรีบแจ้นมาเฝ้าภรรยาของตนที่โรงพยาบาลแทบจะทุกวัน
“ยังไม่แต่ง! ฉันจะรอน้องพิมหย่ากับแกก่อน” คาเรนเทียบอกพลางกลั้นหัวเราะ แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่ากับแกล้งคนอย่างแพททริกสัน
“ไปตายซะคาเรน!” ปลายสายสบถอย่างหัวเสียก่อนจะกดวางสายไป
คนโดนแช่งหัวเราะจนสั่น ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกคนสนิทที่ยืนอยู่หน้าล็อบบีให้เข้ามาหา
“ครับบอส” แอนดรูเดาได้ทันทีว่าผู้เป็นนายจะใช้ให้ตนทำอะไร
“นายเข้าไปบอกแม่ของฉันที ว่าฉันมีธุระด่วนต้องรีบบินกลับรัสเซีย”
“ดะ...ได้ครับ”
“ฉันจะขับรถไปนอนค้างที่กาสิโนนะ”
“ครับบอส ถ้าผมรายงานคุณเอลลีเสร็จจะรีบขับรถตามไป” แอนดรูบอกก่อนจะเดินเข้าในห้องอาหารด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
PD Casino...คาเรนเทียขับรถเข้าจอดยังที่จอดวีไอพี ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้าด้านหน้าที่มีผู้จัดการกาสิโนยืนเปิดประตูรอรับ
“สวัสดีครับคุณคาเรน” เดเมียนก้มหัวนิดๆ ให้กับหุ้นส่วนคนใหม่ของกาสิโน
“สวัสดี ฉันอยากได้ซุปร้อนๆ กับอาหารอีกสักสองสามเมนู อ้อ! เอาไปเสิร์ฟที่วิลล่าของฉันนะ แล้วก็ห้ามใครรบกวน”
“ได้ครับ” เดเมียนพยักหน้ารับพร้อมกับมองตามร่างสูงที่เดินจากไปจนลับตา ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังห้องครัวเพื่อสั่งอาหารให้ผู้เป็นเจ้านาย
20 นาทีต่อมา...ห้องครัวใหญ่
“เมดูซา! จะกลับแล้วใช่ไหม?” เดเมียนที่เข้าไปคุมเชฟใหญ่ปรุงอาหารถึงในห้องครัว เอ่ยถามผู้ช่วยเชฟสาวคนสวยที่ชอบทำให้พนักงานชายทุกคนที่หันมองกลายเป็นหิน เขาจึงเรียกเธอว่า เมดูซา แทนชื่อจริง เมลิสสา ที่ค่อนข้างจะเรียกยากไปสักนิด
“ค่ะ คุณเดเมียนมีอะไรหรือเปล่าคะ?” เมลิสสาที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออกหันไปฉีกยิ้มหวานให้กับผู้จัดการของกาสิโนที่แอบละเมิดกฎรับเธอเข้าทำงานทั้งๆ ที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี
“วันนี้ลูกค้าเยอะมากเลย รบกวนยกถาดนี้ไปเสิร์ฟที่วิลล่าหลังใหม่ด้านหลังกาสิโนให้หน่อยสิ” เดเมียนเอ่ยด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน
“คะ...ใครมาเหรอคะ?” เมลิสสาขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“หุ้นส่วนใหม่ของกาสิโนน่ะ”
“ได้ค่ะ ว่าแต่...ถ้าเสิร์ฟเสร็จแล้วหนูกลับบ้านได้เลยใช่ไหมคะ”
“กลับได้เลยครับ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ค่ะ” เมลิสสายิ้มก่อนจะยกถาดขนาดใหญ่ที่มีสเต๊กเนื้อชั้นเลิศ ซุปครีมเห็ด สลัดพาร์มาแฮม และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่กับโยเกิร์ต เดินอ้อมไปยังทางเดินด้านหลัง ขณะที่ในหัวเอาแต่คิดถึงขนมจีนน้ำยาป่าที่เธอไม่เคยได้ทานอีกเลย นับจากวันที่บิดาและมารดาจากไป
ห้านาทีต่อมา...วิลล่าหลังใหม่
ปิ๊งป่องๆ
คาเรนเทียที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบคว้าเสื้อคลุมมาสวมหลังจากที่ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น
ทันทีที่เปิดประตูออกไป ร่างสูงถึงกับชะงักนิ่ง เมื่อเห็นใบหน้าอันงดงามของสาวไซซ์มินิที่ส่งยิ้มหวานมาให้ ‘พระเจ้า! ที่นี่จ้างนางฟ้ามาเสิร์ฟอาหารด้วยเหรอวะ?’
“เอ่อ...ขออนุญาตค่ะท่าน” เมลิสสาเอ่ยด้วยสำนวนอังกฤษอย่างรู้สึกเขินนิดๆ หลังถูกหนุ่มที่หล่อเหลาราวกับพระเอกเบอร์ต้นๆ ของฮอลลีวูดจ้องมอง
“ชะ..เชิญ จะ...จัดโต๊ะตรงนั้น” คาเรนเทียตอบกลับเสียงสั่นๆ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกประหม่าต่อหน้าสาว ไม่สิ! เด็กสาวต่างหาก เธอน่าจะอายุ 17 หรือไม่ก็...16 อ๊ะ! แต่ที่นี่ไม่รับพนักงานที่อยู่ต่ำกว่า 20 นี่
“ค่ะ” เมลิสสายิ้มบางๆ ก่อนจะถือถาดเดินตรงไปด้านใน
คาเรนเทียมองตามส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างรู้สึกตื่นตัว ‘พระเจ้า! หน้าตาอย่างเด็ก แต่หุ่นเอ็กซ์โคตรๆ’
“เอ่อ...จะเสร็จหรือยัง?” คนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ เพราะอยากจะดอมดมกลิ่นกายของสาวเจ้า
“ใกล้แล้วค่ะท่าน” มิราส่งยิ้มบางๆ ให้ ก่อนจะยกถ้วยซุปครีมเห็ดวางลงที่โต๊ะ แต่ทว่า...มันกลับชนเข้ากับแขนของคนที่นั่งอยู่
เพล้ง!
“ให้ตายสิ!” คาเรนสบถอย่างหัวเสีย หลังจากถูกซุปหกใส่
“ขะ...ขอโทษคะท่าน” เมลิสสาเอ่ยเสียงสั่นรีบหยิบแก้วน้ำเปล่าเทลงตรงจุดที่ซุปหกใส่
“นะ...นี่เธอ” คาเรนเทียอ้าปากค้างอย่างตกใจ! เมื่อเห็นมือบางปัดๆ ลูบๆ ยังจุดที่เขาซุกซ่อนขีปนาวุธขนาดใหญ่ยักษ์เอาไว้
“วะ...ว้าย! นะ...หนูไม่ตั้งใจค่ะ” คนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่ากำลังกอบกำ เอ๊ย! กอบกุมของสงวน รีบปล่อยมือทันทีทันใด
“รออยู่นี่นะ อย่าขยับไปไหนเชียว” คาเรนเทียบอกเสียงเข้ม หลังถูกแตะต้องของสำคัญ ที่แม้จะมีเสื้อคลุมกั้นอยู่ แต่ว่ามันก็ไวต่อสัมผัส แถมขยายตัวซะจนรู้สึกปวดไปทั้งแก่นกาย
“เอ่อ...ทะ...ท่านจะไปไหนคะ?” เมลิสสากัดฟันถามเสียงสั่น ขณะที่น้ำตาเริ่มจะเอ่อล้น ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ราวกับถูกผีผลักยังไงยังงั้น ‘พระเจ้า! หวังว่าเขาคงไม่ไปเอาปืนมายิงเราทิ้งหรอกนะ’
“จะไปเช็กความเสียหาย ถ้ามันใช้งานไม่ได้ล่ะก็ เธอลำบากแน่” คาเรนเทียคาดโทษเสียงเข้มก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้าห้องพัก แล้วกดใส่รหัสเพื่อกันสาวจอมซุ่มซ่ามหนี
คนที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป หันมองทางหนีทีไล่รอบๆ ก็พบว่าประตูทางเข้าและประตูห้องอื่นๆ ล้วนแต่มีแป้นพิมพ์เข้ารหัสที่เธอไม่รู้
หญิงสาวยังไม่ทันได้คิดอะไรไกล คาเรนเทียที่หายไปตรวจเช็กอาวุธสังหาร เอ๊ย! อาวุธประจำกาย ก็เดินออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“มานี่!” เขาตรงไปคว้าข้อมือบางของหญิงสาวแล้วพาไปที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว
“นะ...หนูขอโทษค่ะท่าน หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เมลิสสารีบยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว
“ขึ้นไปบนเตียง” คาเรนเทียบอกพลางมองสังเกตเรือนร่างของสาวตรงหน้าอีกครั้ง ขณะที่เลือดในกายไหลพล่านไปทั่วทั้งตัว
“...” เมลิสสามองเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะให้เธอขึ้นไปทำอะไร
“ขึ้นไป!” คาเรนเอ่ยเร่งคนที่ยังไม่ยอมขยับ
“คะ...ค่ะ” เมลิสสารีบขึ้นเตียงไปอย่างลนลาน ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นคนตัวโตถอดเสื้อคลุมโยนทิ้ง เหลือเพียงกางชั้นในสีขาวเพียงตัวเดียว “ทะ...ท่านจะทำอะไรคะ”
“ก็ทดสอบว่าน้องชายของฉันยังใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่านะสิ” คาเรนเทียบอกก่อนจะขยับขึ้นเตียงตามไปติดๆ
“ยะ...ยังไงคะ” คนที่ยังไม่ประสีประสาทำท่าจะขยับหนี แต่ก็ถูกร่างสูงทาบทับเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องคิดหนีให้ยาก เพราะยังไงคืนนี้เธอก็ต้องเป็นของฉัน” คาเรนเทียซุกไซ้ซอกคอระหงทันที ไม่ปล่อยให้สาวเจ้าได้มีโอกาสตั้งตัว
“ไม่นะ...อะ...อื้อ...” เมลิสสาดีดดิ้นได้เพียงครู่ ก็ถูกริมฝีปากหนา กดทับและจูบอย่างเร่าร้อน จนเธอแทบจะขาดใจ
“อืม...” คาเรนเทียถอนจูบที่เนิ่นนานออก แล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มีกลิ่นของอาหารปะปนอยู่นิดๆ แต่เขากลับไม่นึกรังเกียจ
“ยะ...อย่าทำแบบนี้คะท่าน”
“อย่าขัดขืน ไม่งั้นเธอจะเจ็บตัว”
“ฮึก...ขอล่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะ...”
“แต่ฉันตั้งใจ” คนที่ถูกขนานนามว่าร้ายและโหดบนเส้นทางเดินของมาเฟีย แต่ในชีวิตไม่เคยจะข่มเหงน้ำใจของผู้หญิงคนไหน เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่สาวมาถวายตัวให้ แต่กับพนักงานเสิร์ฟที่ต้องตาต้องใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขากลับไม่สนวิธีที่จะครอบครอง
คาเรนเทียปล้ำถอดกางเกงยีนเข้ารูปออกจากขาเรียวงาม เผยให้เห็นแพนตี้ตัวจิ๋วสีฟ้าอ่อนลายลูกไม้บางๆ ทำเอาเขาถึงกับหายใจติดขัดขึ้นมาทันใด
“อ๊ะ! อย่าค่ะ” เมลิสสารีบปัดมือหนาที่กำลังจะถอดเสื้อของเธอออก
“อย่าดื้อ!”
“ฮึก...ดะ...ได้โปรด...อย่าทำอะไรหนูเลยค่ะ อะ...ว้าย!”เมลิสสารีบยกมือขึ้นปิดส่วนนั้นส่วนนี้จ้าละหวั่น เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้มีแค่แพนตี้กับบราเท่านั้น
‘พระเจ้า! เพอร์เฟกต์อะไรอย่างนี้’ คาเรนเทียจ้องมองเรือนร่างที่อรชรอ้อนแอ้น เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งอันน่าหลงใหล อย่างที่ไม่เคยพบ เคยเห็นมาก่อน
“ฮึก...หนู...” เมลิสสาคว้าหมอนมาปิดบังกายจากสายตาของคนตรงหน้าอย่างรู้สึกหวาดกลัว
“ฉันสัญญาว่าจะนุ่มนวลกับเธอ” คาเรนเทียเอ่ยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงจูบซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลเบาๆ เพื่อให้สาวเจ้าหายตื่นกลัว
เมลิสสาถึงกับหยุดร้องไห้ไปทันทีทันใด เมื่อพ่อเทพบุตรสุดหล่อแสดงท่าทีที่อบอุ่นต่อเธอ
คาเรนเทียยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลูบไล้สะโพกที่งอนงาม แล้วเลื่อนขึ้นมายังเอวบาง ที่แอบกลัวว่าหากจับกระแทกแรงๆ คนในอ้อมกอดอาจจะแหลกหักคามือ
เมลิสสาสะดุ้งเบาๆ เมื่อริมฝีปากหนาหยักได้รูปฉกจูบลงมายัง ริมฝีปากที่อวบอิ่มของเธอ แล้วสอดแทรกลิ้นอุ่นๆ เข้ามา “อะ...อืม...”