บทที่6 รักษาตัว

2181 Words
บทที่6 “โอย..” เสียงโอดโอย ดังขึ้นทุกครั้งที่เธอขยับตัวเดิน เพื่อไปยังต้นน้ำ บนบ่ามีถุงผ้าผูกอย่างดี ดอกเหมยใช้มือหยิบดินสอพองที่บังเอิญเจอที่ข้างแม่น้ำ ลูบไล้ไปทั่วตัวขณะที่เดิน เพราะคนที่นี่ไม่ได้นิยมเข้าป่ากัน ในตอนพลบค่ำเช่นนี้ ตอนนี้เหมือนมีแค่เธออยู่คนเดียว ดังนั้นดอกเหมยเลยสวมเพียงชุดบางๆ ซึ่งสวมก่อนชุดแบบจีนปกติ [ไหวมั้ยคะเจ้านาย ไม่ได้กินข้าวสองวัน แถมยังโดนรุมสกรัม ต่อด้วยโดนปล้นเงินไปหมดอีก] ‘ไหนอาลู่บอกไม่มีใครอยากแตะตัวฉัน วันนี้มีแต่คนแตะตัวฉันอย่างกับเป็นซุปเปอร์สตาร์’ ดอกเหมยแดกดัน พวกเขาแตะตัวเธอ ด้วยปลายเท้าน่ะสิ ‘แถบนี้จะหาอาหารได้บ้างมั้ยเนี่ย’ ดอกเหมยเอ่ยถาม ระบบช่วยเหลือก็ต้องมีไว้ช่วยเหลือเรื่องแบบนี้ล่ะ [ประมวลผลจากอาหารในโลกเก่าของเจ้านาย มีผลไม้ทานได้แต่อยู่ในป่าลึก เข้าป่าตอนดึกน่าจะไม่ปลอดภัย แนะนำตกปลาค่ะ เรามีคันเบ็ดและเหยื่อขาย] ‘ขายของอีกแล้ว ว่าแต่ แต้มฉันไม่ขึ้นสักนิดเลยเหรอ’ ดอกเหมยเดินเข้าไปใกล้ๆกิ่งไผ่ ก่อนจะตัดมันมาหนึ่งท่อนเล็ก และหนึ่งท่อนใหญ่ [ไม่ขึ้นเจ้าค่ะ] ดอกเหมยพยักหน้าเข้าใจ คนในเมืองมีแต่ตั้งท่ารังเกียจ แล้วเธอจะปักธงได้ยังไงกันล่ะ ‘พอจะมีตะขอตกปลาให้ฟรีมั้ย’ ดอกเหมยลูบหัวนิดๆ เขินหน่อยๆที่ต้องขอร้องระบบช่วยเหลือแบบนี้ [ไม่มีเจ้าค่ะ] ‘ระบบขี้งก’ ดอกเหมยพูดแทรกทันทีที่เหม่ยลู่พูดจบ นางเดินไปนั่งแถบโขดหินริมน้ำ ก่อนจะเดินไปบริเวณแอ่งน้ำซึ่งเป็นโคลน รอบๆนั้นมีใบบัวบกขึ้นอยู่ เธอหยิบชามข้าวเก่าๆออกมาจากย่าม ก่อนจะเอาไปล้าง และใส่น้ำในนั้น จากนั้นก็เอาใบบัวบกลงไปขยำ แล้วดื่มน้ำของมัน ไม่อย่างนั้นคงต้องช้ำในตายแน่ๆ โดนยำขนาดนั้น [เจ้านายทำอะไรหรือคะ หิวขนาดนั้นเลยหรือ] เหม่ยลู่ค่อยๆเลียบๆเคียงๆเข้าไปใกล้นายสาว ด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้มาก นอกจากแนะนำ ‘ไม่ใช่หรอก ฉันเป็นนักเขียน ทนต่อความหิวได้พอสมควร ...แถบนี้มีเถาวัลย์เล็กๆบ้างมั้ย อ้อ แล้วก็ กิ่งไม้แห้ง เอามาก่อไฟ’ ดอกเหมยถาม เหม่ยลู่รีบยกปีกไปข้างหน้าเพื่อชี้ทางทันที [ต้องการแค่นั้นจริงๆหรือคะ ด้านในป่ามีกระท่อมร้าง เจ้านายไปนอนที่นั่นได้นะคะ] เหม่ยลู่แนะนำ ตามประสาระบบช่วยเหลือ ‘ไม่เอาล่ะ ไกลน้ำ คนเรา ขาดอาหารได้ แต่ขาดน้ำไม่ได้นะ อ้อ ลืมไป เหม่ยลู่เป็นนกนี่นา’ ดอกเหมยเชิดใส่ ยังงอนความขี้งกของระบบอยู่ หญิงสาวเดินเข้าป่า โชคดีมากๆเมื่อเจอดงสับปะรด แทบจะริมป่า เถาวัลย์เองก็ดึงจากไม้เลื้อยที่คล้ายกับตระกูล ใบย่านาง แต่ใบมีลักษณะเล็กกลมมนกว่า ดอกเหมยเดินกลับออกมาพร้อมกับของเต็มไม้เต็มมือ เธอปอกสับปะรดกินก่อนอันดับแรก เพราะแสงอาทิตย์ยังไม่หมดไป ก่อนจะเดินไปนั่งก่อไฟ แซ่ก แซ่ก เสียงที่ดอกเหมยพยายามเอาหินภูเขาไฟกระทบกัน ดูน่าสงสารไม่ต่างจากสภาพหญิงสาวตอนนี้ ทั้งมือแดงเถือก หน้าแดงก่ำ เพราะความพยายาม และความกดดัน ยิ่งน่าสงสารมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอไม่เห็นกระทั่งประกายไฟออกมาจากหินทั้งสองเลย [ให้ช่วยมั้ยคะเจ้านาย] ‘เธอทำอะไรได้ล่ะ ถือหินช่วยฉันเหรอ’ ดอกเหมยพูดประชด มือปาดเหงื่อหยดที่เท่าไรไม่รู้ เธอนั่งก่อไฟตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก จนพระอาทิตย์ตกดิน โชคดีที่วันนี้ พระจันทร์ส่องแสงสว่าง แถมโลกนี้ยังมีพระจันทร์ถึงสองดวง ได้ยินว่า ดวงหนึ่งจะสว่างอยู่ตลอดเวลา แต่จะดวงเล็กกว่า อีกดวงจะสว่างเป็นข้างขึ้นข้างแรม เหมือนโลกของเธอ [ช่วยทำอย่างนี้ได้เจ้าค่ะ] พรึ่บ... ทันทีที่เหม่ยลู่อ้าปาก เหมือนมีลูกไฟเล็กๆออกมาจากปาก ก่อนจะวิ่งเข้าหากองไม้ที่ดอกเหมยเรียงไว้อย่างดี จนไฟลุกขึ้นทันที ‘ทำได้แล้วไม่บอกแต่แรกยะ รู้มั้ยว่าทั้งเหนื่อย ทั้งหิว แล้วคนหิวก็จะพาล’ ดอกเหมยหน้างอ แม้เริ่มจะมีหวังว่าจะอยู่รอดมากขึ้นก็เถอะ เพราะลำพังตัวเธอ ก่อกองไฟเองไม่สำเร็จแน่ๆ [คิคิ เห็นเจ้านายตั้งใจ ก็ไม่อยากจะขัดนี่คะ] เสียงหัวเราะคิกคักอย่างหยอกล้อ ยิ่งทำให้คนโมโหหิว ยิ่งงอนมากขึ้นไปอีก ดอกเหมยหันไปสนใจไม้ไผ่ เธอลับมีดให้คม ก่อนจะใช้ผ่าครึ่งไม้ไผ่ท่อนเล็กตามแนวยาว ก่อนจะแบ่งครึ่งเรื่อยๆ จนได้ขนาดที่ต้องการ ดอกเหมยงอไม้ไผ่ให้โค้ง เพื่อดูความยืดหยุ่นว่าจะสามารถดึงจนงอเข้าหากันได้หรือไม่ เมื่อได้ที่แล้วเธอจึงดึงให้ปลายงอหากัน ก่อนจะใช้เถาวัลย์จากเปลือกไม้ ซึ่งหนากว่ามัดปลายไว้ พอได้โครงแล้ว หญิงสาวนอนลงเพื่อพักผ่อน แต่มือก็หยิบเถาวัลย์เส้นเล็กซึ่งกลมกว่ามาสานกันเป็นตาข่าย รูไม่ใหญ่มาก พอจะเดาได้รึยังว่าดอกเหมยทำอะไร ใช่แล้ว สวิงตักปลา แต่เป็นแบบที่ใช้ช้อนปลามีแต่ห่วง ไม่มีไม้จับ [ถึงเวลานอนแล้วนะคะเจ้านาย] ดอกเหมยพยักหน้ารับ ก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆตอบสนองกับเสียงนั้น มือวางเถาวัลย์ที่สานค้างไว้ข้างตัว ก่อนที่เปลือกตาจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหลับไปในที่สุด . ตู้ม ดอกเหมยที่กำลังลองใช้สวิงช้อนปลา กลับพลาดท่าให้ปลาหลายต่อหลายครั้ง ปลาที่ต้นน้ำใหญ่มากๆ เพราะเป็นจำพวกปลาแซลม่อนซะส่วนใหญ่ [โอ้ย หนักอ่ะ ฮือ ยกไม่ไหว] เพราะแขนที่ไม่มีแรง ของหญิงสาวที่ไม่ค่อยได้กินอะไร ทำให้ยกสวิงที่ใส่ปลาแซลมอนขนาด6กิโลกรัมไม่ไหว [ลองวิธีอื่นไหมเจ้าคะ นอกจากอุปกรณ์สวิง ถ้าเจ้านายทำได้ มีอีกหลายอย่างเลย ทั้งไซดักปลา ลอบดักปลา ฉมวก กรณีนี้แนะนำฉมวกค่ะ] เป๊าะ ดอกเหมยดีดนิ้วดังเปาะ เห็นด้วยกับเหม่ยลู่อย่างมาก ถ้าใช้ฉมวกทิ่มให้ปลาตายแล้วค่อยยกขึ้นจากน้ำ น่าจะง่ายกว่าการจับเป็น แล้วมันดิ้นหนี ‘ฉลาดมาก ขอบคุณนะอาลู่’ ดอกเหมยชมก่อนจะเดินเข้าป่าเพื่อหาของ ถ้านกน้อยเป็นมนุษย์ ตอนนี้นางคงจะยิ้มแก้มปริไปแล้ว เจ้านายแสนจะปากร้ายขี้บ่นของนาง นานๆจะชมให้ได้ยินที แค่คิดก็ชื่นใจ ดอกเหมยตัดไผ่กลมเล็กๆแต่ยาวพอตัวมา ก่อนจะตัดและมัดเข้ากับมีดของเธอ โชคดีที่มีดพกของเธอปลายแหลม แต่ถ้าแทงพลาดบ่อยๆ มีดต้องบิ่นแน่ๆ ดังนั้นเธอต้องพยายามหาทางอื่นเผื่อไว้ในอนาคต ดอกเหมยเคยได้ยินว่า มีคนทำฉมวกจากไม้ไผ่ พวกเขาใช้ไฟลนปลายๆไม้ ช่วงที่เหลาไว้แหลมแล้ว เพื่อให้มีความคมและทนขึ้น ดอกเหมยถือฉมวกมีดไว้ในมือ ก่อนจะค่อยๆเล็งเป้า เพราะน้ำตื่นเพียงเข่าและใสจนเห็นพื้น ทำให้มองเห็นปลาอย่างชัดเจน เพราะธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ ทำให้ปลาไม่ได้ตกใจกลัวมนุษย์เลยสักนิด เมื่อดอกเหมยทิ่มฉมวกลงเต็มแรง จึงโดนเป้าเต็มๆ เธอกดฉมวกค้างไว้ จนกระทั่งปลาตัวใหญ่หยุดดิ้น ดอกเหมยหยิบสวิงมาช้อนปลาขึ้น พอมันไม่ขยับตัวแล้วก็เหมือนจะง่ายขึ้นเยอะเลย “อร่อยที่สุดเลย” ดอกเหมยแทบจะตะโกน หลังจากลิ้นรับรสชาติคำแรก หลังจากปลาตัวใหญ่ ถูกแล่ และย่างจนสุกแล้ว [อยากกินบ้างจัง] เสียงบ่นพึมพำดังขึ้น ดอกเหมยบิเนื้อปลา ก่อนจะวางลงตรงหน้าเหม่ยลู่ “กินเถอะ มีตั้งเยอะ กินคนเดียวไม่ทันเน่าหรอก” ดอกเหมยพูด ก่อนจะยิ้มให้เหม่ยลู่ [เจ้านายนี่ ใจดีกว่าที่คิดนะเจ้าคะ ทีแรกคิดว่าใจร้าย] เหม่ยลู่รีบยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะรีบก้มลงกินเนื้อปลาสีขาว กลัวว่าดอกเหมยจะเปลี่ยนใจเอาคืนไป “ฉันน่ะใจดี ไม่เหมือนระบบอย่างเธอหรอก ปากดีแต่ใจร้าย ” ว่าแล้วดอกเหมยก็ส่งสายตา ชิ้ง! ให้เหม่ยลู่ “ช่วยหาให้หน่อยสิ ว่าในป่าพอจะมีสมุนไพรพวกนี้มั้ย” [อะไรบ้างคะ ถ้าหาของอาลู่ถนัดสุดๆ ถ้าให้ของนี่ไม่ได้จริงๆ] คำหลังเหม่ยลู่ ลู่ปีกลงอย่างรู้สึกผิด “ขมิ้นชัน มะพร้าว กระเพรา สะเดา อัญชัญ ใบเตย ตระไคร้ มะกรูด มะนาว ต้นชา…. (และอื่นๆ)” ดอกเหมยร่ายสมุนไพรในชีวิตก่อนออกมาจนแทบจะหมดทั้งร้อยแปดชนิด [มีแต่ของที่คล้ายๆกันค่ะ แต่เรียกชื่อคนละอย่าง ตามอาลู่มาเลยค่ะ] “ไกลมากก็ไม่ต้องไปนะ ฉันต้องสวยขึ้นระดับหนึ่ง ก่อนจะออกจากป่าหรือไปให้คนเห็น” ดอกเหมยตั้งใจ ว่าต้องรักษาตัวเองสักหน่อย หนึ่งเพื่อเตรียมสำหรับช่วงปลายตอนที่2 สองคือยิ่งสวยเร็ว เธอยิ่งได้แต้มเร็ว จะได้ซื้อของจากร้านค้าอาลู่ มาสร้างเนื้อสร้างตัว [ไม่ไกลมากค่ะ โชคดีที่เราอยู่แถบกลางป่าอยู่แล้ว เลยมีของเยอะ อาลู่จะแนะนำผลไม้ที่กินได้ที่นี่ด้วยเจ้าค่ะ] เหม่ยลู่รีบเอาความดีความชอบ ดอกเหมยเดินตามอาลู่ไปทั่วป่า ทั้งที่พอกดินสอพองไว้ เมื่อเช้าเธอคั้นน้ำสับปะรดมาพอกผิว ก่อนจะเอาเส้นใยที่เหลือมาขัดผิวตอนอาบน้ำ แล้วพอกด้วยดินสอพองเหมือนเดิม เหม่ยลู่ทำตามที่บอกจริงๆ เธอบินพาไปแวะดูผลไม้ในเส้นทางด้วย ทั้งต้นที่ยังไม่ถึงฤดูกาล ผลไม้ที่ยังเป็นลูกอ่อนยังกินไม่ได้ จนถึงผลไม้แก่แล้วพร้อมทาน แถมยังได้สมุนไพรมาเกือบครบ ขาดก็แต่อัญชัญ ซึ่งที่นี่เป็นพืชเพาะปลูก [ครบแล้วนะเจ้าคะ งั้นอาลู่ขอเข้านอนพักผ่อนสักครึ่งชั่วยาม] ดอกเหมยพยักหน้า เธอนั่งอยู่หน้ากองไฟที่เดิม วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น ดอกเหมยนั่งคั้นน้ำกะทิ จากมะพร้าวที่เธอขูดโดยใช้กาบหอยที่เหลาจนแหลม ซึ่งต้องระวังนิดหน่อย แต่เพราะมะพร้าวเป็นมะพร้าวกะทิเนื้อดี ทำให้เนื้อออกมาง่ายไม่ต้องใช้แรงมาก ดอกเหมยวางน้ำกะทิไว้ก่อนเพื่อรอให้กะทิแยกชั้น เธอหันไปสนใจของอย่างอื่น ก่อนจะหยิบทั้งหมดมาแยกชนิด ว่าใช้กับส่วนไหนของร่างกายบ้าง เช่น มะกรูดใช้สระผม ใช้ขัดเล็บเท้า ขัดฝ่าเท้า น้ำมะนาว น้ำสัปปะรด น้ำใบเตย น้ำมะกรูด รวมกันเพื่อใช้สำหรับเป็นสบู่ สะเดา ใบตะไคร้ ใบกะเพรา ใบชา ก็กลั่นน้ำเพื่อใช้เป็นครีมล้างหน้า ช่วยดูแลเรื่องสิว เมื่อถึงเวลาเธอก็หันไปแยกชั้นกะทิที่วางไว้และนำไปนึ่ง ใช้แค่น้ำมันส่วนที่ต้องการ ก่อนที่นำไปเคี่ยวเพื่อขึ้นเป็นตัวครีม แล้วใส่ผสมกับสูตรครีมล้างหน้า เพื่อใช้เป็นครีมบำรุงผิวหน้า ดอกเหมยลองเอาน้ำมันมะพร้าวมาใช้ทำ น้ำมันตระไคร้หอม เพื่อเอาไว้ทาไล่ยุงเสียหน่อย อยู่ในป่าเขา ยุงและแมลงก็ยิ่งเยอะ [เจ้านายเก่งจังเลยเจ้าค่ะ] เหมยลู่อดชื่นชมไม่ได้ เจ้านายของนางตอนนี้ตัวเหลืองเพราะพอกขมิ้นไว้ ก่อนจะขัดล้างออกด้วยสูตรขัดตัวใยสับปะรด ตามด้วยเปลือกมะนาว [ตอนสมัยวัยรุ่น ฉันไม่ค่อยมีตังค์ เลยรู้วิธีทำของพวกนี้มา] ดอกเหมยไม่อยากจะบอกว่าเธอเคยทำครีมขายด้วย ใช้ได้ผลดีสุดสุด โชคร้ายที่โดนจับเสียก่อน เพราะไม่มี อย. ดอกเหมยเดินลงน้ำเพื่อหยิบเนื้อปลาที่ฝากธรรมชาติดูแลไว้ เพราะเมื่อวานแล่เนื้อปลามาเพียงส่วนหนึ่ง ก่อนจะทำให้สุก เลยมีเนื้อเหลือไว้กินหลายวันเลย แถมอากาศที่นี่ยังค่อนข้างเย็น ทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด ยกเว้นก็แต่ผิวของเธอที่ดูแลยากขึ้นนั่นล่ะ ยิ่งหนาวผิวก็ยิ่งแตกแห้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD