ตอนที่ 2 แดนเถื่อน

2297 Words
(แดนที่ 2 ) (เขตแดน) เมื่อวานผมตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงแรมตัวเองแล้ว ผมว่าหมอหน้าสวยคนนั้นคงไม่ได้ฉีดยาแก้อักเสบให้ผมหรอก เธอคงฉีดยาสลบมากกว่า แสบชิบหาย สงสัยผมคงต้องไปชำระแค้นกับคุณหมอสักหน่อยแล้ว “วันนี้คุณแดนจะไปไหนครับ” ซ้าย ขวาคือบอดี้การ์ดผมเอง ถามขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นผมเตรียมจะออกจากห้องพัก “ไปหาหมอ” “ห๊ะ คุณแดนเจ็บแผลหรอครับ” “นั่งก่อนครับคุณแดน เดี๋ยวผมไปเรียกมาให้เอง” ความห่วงใยโอเว่อของพวกมันทำให้ผมถึงกับส่ายหน้า เอาจริงๆแผลโดนยิงนี่ก็แค่เฉียดๆเองไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่ที่ผมไปโรงพยาบาลไม่ได้เพราะไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น “ไม่ต้อง กูไม่ได้เจ็บอะไร แค่จะไปทักทายคุณหมอหน้าสวยคนเมื่อวานสักหน่อย” “อ๋อออ” “ถ้าอย่างนั้นเชิญครับ” “ไม่ต้องอะ เดี๋ยวกูขับไปเอง” “ไม่ได้นะครับ คุณแดนจะไปโดยไม่มีบอดี้การ์ดที่ดีอย่างพวกผมได้ไง” “ใช่ครับคุณแดน ให้พวกผมไปด้วยเถอะนะครับ” นี่พ่อผมจ้างพวกมันมาเป็นบอดี้การ์ดหรือมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กกันแน่ ตามติด ตามดูแลซะอย่างกับผมเป็นเด็กอนุบาล ผมเดินออกจากห้องมาโดยไม่สนใจฟังคำอ้อนวอนของสองคนนั้น น่ารำคาญจริงๆ -_- “นี่คุณแดนจะทิ้งพวกเราแล้วหรอวะ” “นั่นสิ มึงดูคุณแดนเดินไปไม่สนใจเราเลย” “ฮรือ x 2” บอดี้การ์ดทั้งสองโผเข้ากอดกันเมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่สนใจ บ้านหมอรัน บ้านหลังขนาดกลางไม่เล็ก ไม่ใหญ่มาก สีชมพูแลดูน่ารักตอนนี้เงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่ ผมพยายามกดกริ่งหลายครั้งแต่กลับไม่มีใครออกมาเปิดเลยหรือหมอจะไม่อยู่ ลองเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน หมออาจพยายามหลบหน้าผมก็ได้ “หึ คงรู้ล่ะสิว่าตัวเองมีความผิด” ผมปีนรั้วไม้สีขาวหน้าบ้านหมอเข้าไปอย่างง่ายดาย หมอคิดอะไรอยู่วะทำรั้วแบบนี้มันดูน่ารักเข้ากับตัวบ้านก็จริงแต่มันไม่ปลอดภัยเอาซะเลย น่าโมโหชะมัด ทำไมไม่รู้จักรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองบ้างวะ (ไรท์ว่ามีแต่เขตแดนนี่แหละจ๊ะที่ไม่ปลอดภัยสำหรับหมอรัน : น้ำขลุกขลิก) “แล้วกูจะมาคิดห่วงหมอทำไมวะ” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดในหัวออก เออ ผมจะมาห่วงหมอทำไม นี่ผมมาชำระแค้นนะ ไม่ได้จะมาห่วงเธอ ปัง ปัง ปัง จากการสอดส่องพบว่าในบ้านเงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ ขนาดผมทุบประตูดังขนาดนี้ยังไม่มีคนออกมาเปิดเลย สะเดาะกลอนเข้าไปเลยล่ะกัน พูดเลยว่าบ้านหมอความปลอดภัยต่ำมาก ผมเข้ามาได้อย่างง่ายดายชนิดที่ว่าขโมยของหมดบ้านก็ยังไม่มีใครจับได้เลยอะ ขณะผมกำลังเดินดูรอบๆบ้าน เสียงคนเดินลงมาจากฉันบนทำให้ผมต้องหันไปมอง ร่างบางในชุดนอนกระโปรงลายสนู๊ปปี้กำลังเดินขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยด้วยใบหน้ายุ่งๆลงมาจากด้านบน บอกได้คำเดียวว่า สวยชิบหาย!! “อ่ะแฮ่ม” “เฮ้ย! คุณเข้ามาได้ไง” หมอหันมาชี้หน้าผม ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขนาดตกใจยังสวยเลยอะแล้วทำไมเธอหน้าซีดแบบนั้นวะ “บ้านหมอความปลอดภัยต่ำเอง หมอไปเปลี่ยนรั้ว เปลี่ยนประตูใหม่ซะด้วยนะ มันงัดง่ายหมอไม่รู้หรอ” “แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย” เออ กูไปยุ่งอะไรกับบ้านเขาวะ ช่างเหอะ เคลียร์บัญชีแค้นกับหมอคนสวยก่อนดีกว่า “นี่อย่าเข้ามานะ” “หึหึ เมื่อวานหมอทำผมแสบมากนะ” “ยาใส่แผลมันก็ต้องแสบสิ” “อย่ามากวนตีนครับหมอ” ผมเดินย่างสามขุมเข้าไปหาคุณหมอคนสวย ร่างบางค่อยๆถอยหลังหนีผมแต่ไม่ทันที่ผมจะถึงตัวเธอ อยู่ๆร่างบางก็ทรุดลง โชคดีที่ผมคว้าตัวเธอไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้หัวฟาดพื้นตายไปแล้ว “นี่กูจะมาคิดบัญชีไม่ใช่หรอวะ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะวางร่างบางลงบนโซฟาแล้วหยิบยาดมบนโต๊ะมาให้เธอดม ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเลยนะ รู้งี้ให้ซ้ายกับขวามาก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งทำแบบนี้เอง แล้วนี่ผมต้องทำอะไรต่อวะ “อื้อ ปวดหัวจัง” ไม่นานคนบนโซฟาก็เริ่มขยับตัว หมอปรือตาเล็กน้อย นี่เธอพยายามมองผมหรือพยายามยั่วผมกันแน่ สายตาเธอเซ็กซี่เป็นบ้า “เป็นไงบ้างอะหมอ” “สงสัยจะเป็นไข้ คงพักผ่อนน้อยด้วยแหละ” หมอตอบเสียงเบา เธอพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นเห็นแล้วก็สงสาร ผมเลยเอื้อมมือไปช่วยประคองเธอพอเป็นพิธี “ถ้าไม่เต็มใจ ไม่ต้องช่วยก็ได้นะ” “หมอพูดแบบนี้กับผู้มีพระคุณหรอ ถ้าผมไม่รับหมอไว้ป่านนี้หัวฟาดพื้นตายไปแล้ว” “ขอบใจ” คำพูดที่หลุดออกจากปากหมอทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยายามกลับมาทำสีหน้าปกติ “แล้วนี่หมอจะทำอะไร” “ก็จะไปกินข้าว กินยา เช็ดตัวจะได้นอนพัก คุณกลับไปก่อนเถอะ มีอะไรค่อยมาวันหลัง” นี่ถ้าผมปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องดูแลตัวเองขนาดนั้นเองคนเดียวคงกลายเป็นตราบาปในชีวิตผมไปอีกนาน เอาเหอะ ผมว่าผมควรอยู่ดูแลเธอหน่อยถึงผมจะเลวแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายพอที่จะทิ้งเธอไว้คนเดียวลง “หมอนั่งเถอะ เดี๋ยวผมไปเอาให้ หมอจะเอาอะไรบ้าง” “จะดีหรอ หมอดูแลตัวเองได้” “เออ รีบๆบอกมา” “เอาจริงๆนะ หมอกลัวคุณเอาคืนที่หมอทำคุณไว้เมื่อวานอะ” หมอพูดเสียงอ้อมแอ้ม ก้มหน้าก้มตามองพื้น “เหอะ ผมไม่ทำอะไรคนป่วยหรอ รีบบอกมา” ทำไมหน้าผมมันเหมือนคนเลวขนาดนั้นเลยหรอ หมอถึงคิดว่าผมจะทำร้ายคนป่วยได้ลงคอ ผมโยนขนมปังและกล่องยาที่หมอสั่งให้ไปเอาลงบนโต๊ะ คงจะโยนแรงไปหน่อยเพราะร่างบางที่กำลังฟุบอยู่บนโต๊ะถึงกับสะดุ้ง เธอหันมาค้อนใส่ผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบขนมปัง มือเรียวค่อยๆหยิบขนมปังเข้าปากเหมือนคนหมดแล้ว เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ผมเลยแย่งขนมปังออกจากมือเธอมาถือไว้แล้วเป็นคนป้อนใส่ปากเธอเอง “ไม่เป็นไร หมอไหว” “กินไปเถอะ เห็นล่ะเวทนา” ดูจากสีหน้าแล้ว หมอคงอยากด่าผมเต็มประดาแต่ด้วยสังขาร เธอเลยจำต้องกินขนมปังโดยมีผมป้อนให้เงียบๆ “ขอพิงหน่อยนะปวดหัวจัง” ไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธ หัวเธอก็ซบลงตรงไหล่ผมแล้ว จะผลักออกก็ไม่กล้า ยิ่งเห็นปากบางเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆทั้งที่ยังหลับตาก็ยิ่งรู้สึกสงสาร หมอคงไม่ไหวแล้วจริงๆ “ไม่ไหวก็อย่าฝืน กินยาเลยมั๊ยจะได้นอน” หมอพยักหน้าขึ้นลง ผมเลยป้อนยา ป้อนน้ำให้เธอก่อนจะจับเธอนอนลงดีๆ แต่เมื่อมือสัมผัสกับตัวเธอผมก็ถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง ทำไมตัวเธอร้อนจี๋แบบนี้ “หมอตัวร้อนอย่างกับไฟ จะตายรึเปล่าเนี่ย” “ปากเสีย ช่วยไปเอาน้ำกับผ้าผืนเล็กๆมาให้หมอหน่อย” “เอามาทำไรอะ หมอจะถูพื้นหรอ” “เฮ้อ หมอจะเอามาเช็ดตัว” ใช้เวลาพักใหญ่กว่าผมจะหาทุกอย่างตามที่หมอสั่งมาได้ครบ “หมอได้แล้ว เช็ดสิ” ผมสะกิดเธอเบาๆแต่คนบนโซฟาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมมองกะละมังใส่น้ำกับหน้าสวยๆของหมอสลับกันก่อนจะถอนหายใจ เอาวะ เช็ดให้หมอหน่อยล่ะกัน นี่ผมไม่ได้ห่วงหมอนะแค่สงสารเห็นว่าตัวร้อน หมอปัดมือผมออกเมื่อผมเอาผ้าผืนเล็กชุบน้ำ เช็ดแขนเธอก่อนจะบ่นมาอีกเป็นชุด ถ้าไม่เห็นแก่หน้าสวยๆของหมอ ผมคงสาดน้ำใส่เธอไปแล้ว คนอุตส่าห์หวังดี ยังจะมาว่าอีก “ผมไม่ใช่หมอนะเผื่อคุณลืม” “ไม่ใช่หมอก็ควรรู้รึเปล่าว่าเช็ดตัวควรใช้น้ำอุ่นอ่ะ” “ก็เห็นหมอตัวร้อน” “เลยใช้น้ำเย็น?” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องใช้น้ำแบบไหน เห็นตัวร้อนเลยคิดว่าต้องใช้น้ำเย็นเช็ดให้หายร้อนไง ผมผิดตรงไหน “เหอะ เอาไปเช็ดเองเลย” ผมโยนผ้าใส่เธอก่อนจะเดินไปนั่งกอดอกมองร่างบางที่พยายามหยิบน้ำร้อนจากกาน้ำร้อนใกล้ๆเทใส่กะละมังอย่างทุลักทุเล ผมมองทุกการกระทำของหมอเหมือนต้องมนต์ ตั้งแต่ที่หมอเอาผ้าชุบน้ำในกะละมังก่อนจะใช้มือเรียวสวยบิดมันแล้วเอามาเช็ดตามแขนและลำคอ ถ้าคนอื่นทำคงธรรมดาแต่หมอทำแล้วโครตเอ็กซ์เลยอะ “อื้อ อ๊า” เสียงหวานแหบพร่าของหมอทำเอาผมถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้ แค่เช็ดตัวเธอจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้มั๊ยถามจริง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์เรียกสติผมกลับคืนมา ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์เจ้าของเสียงกดรับอย่างลืมตัวว่าไม่ใช่โทรศัพท์ตัวเอง “ฮัลโหลรัน วันนี้ไปไหนรึเปล่า” ผมก้มมองมือถือในมือเมื่อเห็นว่าไม่ใช่ของตัวเองเลยเดินเอาไปให้เจ้าของโทรศัพท์แทน หมอรับโทรศัพท์ไปคุยพลางยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะพี่หมอ รันทานยาแล้ว” “…..” “อิอิ แค่พี่หมออวยพร รันก็หายแล้ว ขอบคุณมากนะคะ” ชิ ทำเป็นหัวเราะคิกคัก แล้วเธอจะไปขอบคุณมันทำไมวะ ต้องมาขอบคุณผมสิถึงจะถูก มันแค่อวยพรส่วนผมเนี่ยป้อนข้าวป้อนน้ำ หายาหาผ้ามาเช็ดตัวให้ไม่เห็นขอบคุณสักคำ เหอะ “ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่หมอ พี่หมอก็รู้ว่ารันถึกจะตาย” ถึกอย่างนั้นหรอ ถ้าไม่ได้ผมช่วยป่านนี้ล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าตัวเองถึก อะโธ่ นั่งฟังหมอหน้าสวยนี่คุยหัวเราะต่อกระซิกกับไอผู้ชายในสายแล้วรู้สึกรำคาญ หงุดหงิดวุ้ย ผมเลยตัดสินใจเดินออกมาจากสูบบุหรี่นอกบ้าน คิดดูสิครับขนาดผมเดินออกมาเธอยังไม่สนใจผมเลย ผมเป็นคนดูแลเธอนะโว้ย ผมเดินออกมาสูบบุหรี่ในสวนหน้าบ้านพลางแอบเหลือบมองหมอที่ยังคงนั่งคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ในบ้าน เหอะ ทีกับผมล่ะ ด่าฉอดๆ คิดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดแต่ก่อนที่ผมจะหยิบบุหรี่ม้วนต่อไปขึ้นมาสูบ เสียงป้าข้างบ้านก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน “เป็นแฟนหมอรันหรอลูก” “อะไรนะครับ?” “แหมะ ไม่ต้องเขินหรอก หมอรันไม่เคยพาใครมาบ้าน เราเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่ป้าเห็น แสดงว่าพ่อหนุ่มนี่ตัวจริงล่ะสิ จะแต่งกันเมื่อไหร่หรอจ๊ะ” ไปกันใหญ่แล้ว ชื่อพวกผมยังไม่รู้จักกันเลยแต่ป้าคิดไปไกลถึงจะแต่งงานกันแล้วก่อนที่ป้าจะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ ผมว่าผมต้องรีบแก้ข่าวก่อน “ไม่ใช่นะครับป้า ผมกับหมอไม่ได้เป็นอะไรกัน” “อู้ย อย่ามาหลอกป้าเลย เอานี่จ๊ะ ป้าทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับมาฝากหมอรันเขา ฝากให้หมอรันด้วยนะ” ผมรับถ้วยแกงจืดมาถือไว้งงๆ ป้าก็เอาแต่ยิ้มล้อแล้วเดินเข้าบ้านตัวเองไป ไม่ยอมฟังผมอธิบายอะไรสักนิด เฮ้อ หมอยังคุยโทรศัพท์อยู่ที่เดิม ผมเลยเอาแกงจืดไปตั้งไว้ในครัวให้เธอก่อนจะเดินออกมาหยิบกุญแจรถบนโต๊ะเพื่อกลับโรงแรม อยู่ไปเขาก็ไม่เห็นค่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม “อ้าว คุณจะกลับแล้วหรอ” “เหอะ หมอสนใจด้วยรึไง” “ไม่เห็นต้องดุเลย หมอก็แค่ถาม” ผมเหลือบตามองหมอเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถตัวเอง ผลัวะ ลับสายตาหมอรัน ผมเลยต่อยต้นไม้ใกล้ๆรถผมไปสองสามทีด้วยความหงุดหงิด ยิ่งคิดถึงตอนหมอหัวเราะตอนคุยโทรศัพท์ยิ่งอารมณ์เสีย ทำไมผมรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้วะ แมร่ง!! ทางด้านหมอรัน เธอมองบุคคลหน้าดุเดินออกไปพลางเกาหัวตัวเองงงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาหงุดหงิดอะไร “อะไรของเขาวะ” ——- แดนเขาน้อยใจอะหมอ ดูแลหน่อย เขาหงุดหงิด ต่อยต้นไม้มือหักไปแล้ว อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ คอมเมนท์ให้ไรท์หน่อยนะคะ^^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD