(แดนที่ 2 )
(เขตแดน)
เมื่อวานผมตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงแรมตัวเองแล้ว ผมว่าหมอหน้าสวยคนนั้นคงไม่ได้ฉีดยาแก้อักเสบให้ผมหรอก
เธอคงฉีดยาสลบมากกว่า แสบชิบหาย สงสัยผมคงต้องไปชำระแค้นกับคุณหมอสักหน่อยแล้ว
“วันนี้คุณแดนจะไปไหนครับ”
ซ้าย ขวาคือบอดี้การ์ดผมเอง ถามขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นผมเตรียมจะออกจากห้องพัก
“ไปหาหมอ”
“ห๊ะ คุณแดนเจ็บแผลหรอครับ”
“นั่งก่อนครับคุณแดน เดี๋ยวผมไปเรียกมาให้เอง”
ความห่วงใยโอเว่อของพวกมันทำให้ผมถึงกับส่ายหน้า
เอาจริงๆแผลโดนยิงนี่ก็แค่เฉียดๆเองไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่ที่ผมไปโรงพยาบาลไม่ได้เพราะไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่
เรื่องนี้คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
“ไม่ต้อง กูไม่ได้เจ็บอะไร แค่จะไปทักทายคุณหมอหน้าสวยคนเมื่อวานสักหน่อย”
“อ๋อออ”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญครับ”
“ไม่ต้องอะ เดี๋ยวกูขับไปเอง”
“ไม่ได้นะครับ คุณแดนจะไปโดยไม่มีบอดี้การ์ดที่ดีอย่างพวกผมได้ไง”
“ใช่ครับคุณแดน ให้พวกผมไปด้วยเถอะนะครับ”
นี่พ่อผมจ้างพวกมันมาเป็นบอดี้การ์ดหรือมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กกันแน่
ตามติด ตามดูแลซะอย่างกับผมเป็นเด็กอนุบาล
ผมเดินออกจากห้องมาโดยไม่สนใจฟังคำอ้อนวอนของสองคนนั้น น่ารำคาญจริงๆ -_-
“นี่คุณแดนจะทิ้งพวกเราแล้วหรอวะ”
“นั่นสิ มึงดูคุณแดนเดินไปไม่สนใจเราเลย”
“ฮรือ x 2”
บอดี้การ์ดทั้งสองโผเข้ากอดกันเมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่สนใจ
บ้านหมอรัน
บ้านหลังขนาดกลางไม่เล็ก ไม่ใหญ่มาก สีชมพูแลดูน่ารักตอนนี้เงียบสนิทเหมือนไม่มีใครอยู่
ผมพยายามกดกริ่งหลายครั้งแต่กลับไม่มีใครออกมาเปิดเลยหรือหมอจะไม่อยู่
ลองเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน หมออาจพยายามหลบหน้าผมก็ได้
“หึ คงรู้ล่ะสิว่าตัวเองมีความผิด”
ผมปีนรั้วไม้สีขาวหน้าบ้านหมอเข้าไปอย่างง่ายดาย
หมอคิดอะไรอยู่วะทำรั้วแบบนี้มันดูน่ารักเข้ากับตัวบ้านก็จริงแต่มันไม่ปลอดภัยเอาซะเลย น่าโมโหชะมัด
ทำไมไม่รู้จักรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองบ้างวะ (ไรท์ว่ามีแต่เขตแดนนี่แหละจ๊ะที่ไม่ปลอดภัยสำหรับหมอรัน : น้ำขลุกขลิก)
“แล้วกูจะมาคิดห่วงหมอทำไมวะ”
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดในหัวออก
เออ ผมจะมาห่วงหมอทำไม นี่ผมมาชำระแค้นนะ ไม่ได้จะมาห่วงเธอ
ปัง ปัง ปัง
จากการสอดส่องพบว่าในบ้านเงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ ขนาดผมทุบประตูดังขนาดนี้ยังไม่มีคนออกมาเปิดเลย สะเดาะกลอนเข้าไปเลยล่ะกัน
พูดเลยว่าบ้านหมอความปลอดภัยต่ำมาก ผมเข้ามาได้อย่างง่ายดายชนิดที่ว่าขโมยของหมดบ้านก็ยังไม่มีใครจับได้เลยอะ
ขณะผมกำลังเดินดูรอบๆบ้าน เสียงคนเดินลงมาจากฉันบนทำให้ผมต้องหันไปมอง
ร่างบางในชุดนอนกระโปรงลายสนู๊ปปี้กำลังเดินขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยด้วยใบหน้ายุ่งๆลงมาจากด้านบน
บอกได้คำเดียวว่า สวยชิบหาย!!
“อ่ะแฮ่ม”
“เฮ้ย! คุณเข้ามาได้ไง”
หมอหันมาชี้หน้าผม ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขนาดตกใจยังสวยเลยอะแล้วทำไมเธอหน้าซีดแบบนั้นวะ
“บ้านหมอความปลอดภัยต่ำเอง หมอไปเปลี่ยนรั้ว เปลี่ยนประตูใหม่ซะด้วยนะ มันงัดง่ายหมอไม่รู้หรอ”
“แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย”
เออ กูไปยุ่งอะไรกับบ้านเขาวะ ช่างเหอะ เคลียร์บัญชีแค้นกับหมอคนสวยก่อนดีกว่า
“นี่อย่าเข้ามานะ”
“หึหึ เมื่อวานหมอทำผมแสบมากนะ”
“ยาใส่แผลมันก็ต้องแสบสิ”
“อย่ามากวนตีนครับหมอ”
ผมเดินย่างสามขุมเข้าไปหาคุณหมอคนสวย
ร่างบางค่อยๆถอยหลังหนีผมแต่ไม่ทันที่ผมจะถึงตัวเธอ
อยู่ๆร่างบางก็ทรุดลง โชคดีที่ผมคว้าตัวเธอไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้หัวฟาดพื้นตายไปแล้ว
“นี่กูจะมาคิดบัญชีไม่ใช่หรอวะ”
ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะวางร่างบางลงบนโซฟาแล้วหยิบยาดมบนโต๊ะมาให้เธอดม
ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเลยนะ รู้งี้ให้ซ้ายกับขวามาก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งทำแบบนี้เอง แล้วนี่ผมต้องทำอะไรต่อวะ
“อื้อ ปวดหัวจัง”
ไม่นานคนบนโซฟาก็เริ่มขยับตัว หมอปรือตาเล็กน้อย นี่เธอพยายามมองผมหรือพยายามยั่วผมกันแน่ สายตาเธอเซ็กซี่เป็นบ้า
“เป็นไงบ้างอะหมอ”
“สงสัยจะเป็นไข้ คงพักผ่อนน้อยด้วยแหละ”
หมอตอบเสียงเบา เธอพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นเห็นแล้วก็สงสาร ผมเลยเอื้อมมือไปช่วยประคองเธอพอเป็นพิธี
“ถ้าไม่เต็มใจ ไม่ต้องช่วยก็ได้นะ”
“หมอพูดแบบนี้กับผู้มีพระคุณหรอ ถ้าผมไม่รับหมอไว้ป่านนี้หัวฟาดพื้นตายไปแล้ว”
“ขอบใจ”
คำพูดที่หลุดออกจากปากหมอทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยายามกลับมาทำสีหน้าปกติ
“แล้วนี่หมอจะทำอะไร”
“ก็จะไปกินข้าว กินยา เช็ดตัวจะได้นอนพัก คุณกลับไปก่อนเถอะ มีอะไรค่อยมาวันหลัง”
นี่ถ้าผมปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องดูแลตัวเองขนาดนั้นเองคนเดียวคงกลายเป็นตราบาปในชีวิตผมไปอีกนาน
เอาเหอะ ผมว่าผมควรอยู่ดูแลเธอหน่อยถึงผมจะเลวแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายพอที่จะทิ้งเธอไว้คนเดียวลง
“หมอนั่งเถอะ เดี๋ยวผมไปเอาให้ หมอจะเอาอะไรบ้าง”
“จะดีหรอ หมอดูแลตัวเองได้”
“เออ รีบๆบอกมา”
“เอาจริงๆนะ หมอกลัวคุณเอาคืนที่หมอทำคุณไว้เมื่อวานอะ”
หมอพูดเสียงอ้อมแอ้ม ก้มหน้าก้มตามองพื้น
“เหอะ ผมไม่ทำอะไรคนป่วยหรอ รีบบอกมา”
ทำไมหน้าผมมันเหมือนคนเลวขนาดนั้นเลยหรอ หมอถึงคิดว่าผมจะทำร้ายคนป่วยได้ลงคอ
ผมโยนขนมปังและกล่องยาที่หมอสั่งให้ไปเอาลงบนโต๊ะ
คงจะโยนแรงไปหน่อยเพราะร่างบางที่กำลังฟุบอยู่บนโต๊ะถึงกับสะดุ้ง เธอหันมาค้อนใส่ผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบขนมปัง
มือเรียวค่อยๆหยิบขนมปังเข้าปากเหมือนคนหมดแล้ว
เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ผมเลยแย่งขนมปังออกจากมือเธอมาถือไว้แล้วเป็นคนป้อนใส่ปากเธอเอง
“ไม่เป็นไร หมอไหว”
“กินไปเถอะ เห็นล่ะเวทนา”
ดูจากสีหน้าแล้ว หมอคงอยากด่าผมเต็มประดาแต่ด้วยสังขาร เธอเลยจำต้องกินขนมปังโดยมีผมป้อนให้เงียบๆ
“ขอพิงหน่อยนะปวดหัวจัง”
ไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธ หัวเธอก็ซบลงตรงไหล่ผมแล้ว
จะผลักออกก็ไม่กล้า ยิ่งเห็นปากบางเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆทั้งที่ยังหลับตาก็ยิ่งรู้สึกสงสาร หมอคงไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ไม่ไหวก็อย่าฝืน กินยาเลยมั๊ยจะได้นอน”
หมอพยักหน้าขึ้นลง ผมเลยป้อนยา ป้อนน้ำให้เธอก่อนจะจับเธอนอนลงดีๆ
แต่เมื่อมือสัมผัสกับตัวเธอผมก็ถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง ทำไมตัวเธอร้อนจี๋แบบนี้
“หมอตัวร้อนอย่างกับไฟ จะตายรึเปล่าเนี่ย”
“ปากเสีย ช่วยไปเอาน้ำกับผ้าผืนเล็กๆมาให้หมอหน่อย”
“เอามาทำไรอะ หมอจะถูพื้นหรอ”
“เฮ้อ หมอจะเอามาเช็ดตัว”
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าผมจะหาทุกอย่างตามที่หมอสั่งมาได้ครบ
“หมอได้แล้ว เช็ดสิ”
ผมสะกิดเธอเบาๆแต่คนบนโซฟาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมมองกะละมังใส่น้ำกับหน้าสวยๆของหมอสลับกันก่อนจะถอนหายใจ
เอาวะ เช็ดให้หมอหน่อยล่ะกัน นี่ผมไม่ได้ห่วงหมอนะแค่สงสารเห็นว่าตัวร้อน
หมอปัดมือผมออกเมื่อผมเอาผ้าผืนเล็กชุบน้ำ เช็ดแขนเธอก่อนจะบ่นมาอีกเป็นชุด
ถ้าไม่เห็นแก่หน้าสวยๆของหมอ ผมคงสาดน้ำใส่เธอไปแล้ว คนอุตส่าห์หวังดี ยังจะมาว่าอีก
“ผมไม่ใช่หมอนะเผื่อคุณลืม”
“ไม่ใช่หมอก็ควรรู้รึเปล่าว่าเช็ดตัวควรใช้น้ำอุ่นอ่ะ”
“ก็เห็นหมอตัวร้อน”
“เลยใช้น้ำเย็น?”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องใช้น้ำแบบไหน เห็นตัวร้อนเลยคิดว่าต้องใช้น้ำเย็นเช็ดให้หายร้อนไง ผมผิดตรงไหน
“เหอะ เอาไปเช็ดเองเลย”
ผมโยนผ้าใส่เธอก่อนจะเดินไปนั่งกอดอกมองร่างบางที่พยายามหยิบน้ำร้อนจากกาน้ำร้อนใกล้ๆเทใส่กะละมังอย่างทุลักทุเล
ผมมองทุกการกระทำของหมอเหมือนต้องมนต์ ตั้งแต่ที่หมอเอาผ้าชุบน้ำในกะละมังก่อนจะใช้มือเรียวสวยบิดมันแล้วเอามาเช็ดตามแขนและลำคอ
ถ้าคนอื่นทำคงธรรมดาแต่หมอทำแล้วโครตเอ็กซ์เลยอะ
“อื้อ อ๊า”
เสียงหวานแหบพร่าของหมอทำเอาผมถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้ แค่เช็ดตัวเธอจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้มั๊ยถามจริง
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์เรียกสติผมกลับคืนมา ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์เจ้าของเสียงกดรับอย่างลืมตัวว่าไม่ใช่โทรศัพท์ตัวเอง
“ฮัลโหลรัน วันนี้ไปไหนรึเปล่า”
ผมก้มมองมือถือในมือเมื่อเห็นว่าไม่ใช่ของตัวเองเลยเดินเอาไปให้เจ้าของโทรศัพท์แทน
หมอรับโทรศัพท์ไปคุยพลางยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะพี่หมอ รันทานยาแล้ว”
“…..”
“อิอิ แค่พี่หมออวยพร รันก็หายแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”
ชิ ทำเป็นหัวเราะคิกคัก แล้วเธอจะไปขอบคุณมันทำไมวะ ต้องมาขอบคุณผมสิถึงจะถูก
มันแค่อวยพรส่วนผมเนี่ยป้อนข้าวป้อนน้ำ หายาหาผ้ามาเช็ดตัวให้ไม่เห็นขอบคุณสักคำ เหอะ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่หมอ พี่หมอก็รู้ว่ารันถึกจะตาย”
ถึกอย่างนั้นหรอ ถ้าไม่ได้ผมช่วยป่านนี้ล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าตัวเองถึก อะโธ่
นั่งฟังหมอหน้าสวยนี่คุยหัวเราะต่อกระซิกกับไอผู้ชายในสายแล้วรู้สึกรำคาญ หงุดหงิดวุ้ย
ผมเลยตัดสินใจเดินออกมาจากสูบบุหรี่นอกบ้าน คิดดูสิครับขนาดผมเดินออกมาเธอยังไม่สนใจผมเลย ผมเป็นคนดูแลเธอนะโว้ย
ผมเดินออกมาสูบบุหรี่ในสวนหน้าบ้านพลางแอบเหลือบมองหมอที่ยังคงนั่งคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ในบ้าน
เหอะ ทีกับผมล่ะ ด่าฉอดๆ คิดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดแต่ก่อนที่ผมจะหยิบบุหรี่ม้วนต่อไปขึ้นมาสูบ เสียงป้าข้างบ้านก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“เป็นแฟนหมอรันหรอลูก”
“อะไรนะครับ?”
“แหมะ ไม่ต้องเขินหรอก หมอรันไม่เคยพาใครมาบ้าน เราเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่ป้าเห็น แสดงว่าพ่อหนุ่มนี่ตัวจริงล่ะสิ จะแต่งกันเมื่อไหร่หรอจ๊ะ”
ไปกันใหญ่แล้ว ชื่อพวกผมยังไม่รู้จักกันเลยแต่ป้าคิดไปไกลถึงจะแต่งงานกันแล้วก่อนที่ป้าจะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ ผมว่าผมต้องรีบแก้ข่าวก่อน
“ไม่ใช่นะครับป้า ผมกับหมอไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“อู้ย อย่ามาหลอกป้าเลย เอานี่จ๊ะ ป้าทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับมาฝากหมอรันเขา ฝากให้หมอรันด้วยนะ”
ผมรับถ้วยแกงจืดมาถือไว้งงๆ ป้าก็เอาแต่ยิ้มล้อแล้วเดินเข้าบ้านตัวเองไป ไม่ยอมฟังผมอธิบายอะไรสักนิด เฮ้อ
หมอยังคุยโทรศัพท์อยู่ที่เดิม ผมเลยเอาแกงจืดไปตั้งไว้ในครัวให้เธอก่อนจะเดินออกมาหยิบกุญแจรถบนโต๊ะเพื่อกลับโรงแรม อยู่ไปเขาก็ไม่เห็นค่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
“อ้าว คุณจะกลับแล้วหรอ”
“เหอะ หมอสนใจด้วยรึไง”
“ไม่เห็นต้องดุเลย หมอก็แค่ถาม”
ผมเหลือบตามองหมอเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถตัวเอง
ผลัวะ
ลับสายตาหมอรัน ผมเลยต่อยต้นไม้ใกล้ๆรถผมไปสองสามทีด้วยความหงุดหงิด
ยิ่งคิดถึงตอนหมอหัวเราะตอนคุยโทรศัพท์ยิ่งอารมณ์เสีย ทำไมผมรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้วะ แมร่ง!!
ทางด้านหมอรัน
เธอมองบุคคลหน้าดุเดินออกไปพลางเกาหัวตัวเองงงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาหงุดหงิดอะไร
“อะไรของเขาวะ”
——-
แดนเขาน้อยใจอะหมอ ดูแลหน่อย
เขาหงุดหงิด ต่อยต้นไม้มือหักไปแล้ว
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ
คอมเมนท์ให้ไรท์หน่อยนะคะ^^