หยางหยางเดินคิดอะไรไปเรื่อยจนมาถึงลำธารที่อยู่หลังบ้าน อีกฝั่งของลำธารเป็นภูเขา ที่เขาและชาวบ้านคนอื่นๆ จะขึ้นไปล่าสัตว์ หรือหาผักป่า เมื่อมาถึงลำธารหยางหยางก็วางถังที่นำมาใส่ปลาลง ก่อนจะลงไปดูหลุมดักปลา เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าปลาจะเต็มทุกหลุมเช่นนี้ ไม่รอช้าเขารีบนำปลาออกจากหลุมไปใส่ในถัง โดยจะคัดเอาเฉพาะปลาตัวใหญ่ ส่วนตัวเล็กตัวน้อย เขาจะปล่อยสู่ลำธารเช่นเดิม
ปลา 10 หลุม ได้มาถึง 5 ถัง คงต้องนำไปขายที่เหลาอาหารฝูเช่นเมื่อวาน ไม่รู้ว่าปลาที่เหลาอาหารรับซื้อไว้จะหมดหรือยัง เนื่องจากปลามีหลายถังหยางหยางจึงเดินกลับไปเอารถเข็นมาใส่ปลาเสียทีเดียว จะได้ขนไปครั้งเดียวหมด เมื่อยกถังปลาถังสุดท้ายขึ้นรถเข็นแล้วเขาก็เข็นกลับบ้านทันที กลับถึงบ้านก็พบว่าภรรยากำลังหั่นผักที่เขาเก็บมาจากข้างบ้านอยู่พอดี ส่วนลูกชายนอนหลับอยู่บนที่นอนอันเล็กๆ ของเขาข้างมารดา
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ได้ปลาเยอะหรือไม่เจ้าคะ” อี้หลันที่กำลังหั่นผักคะน้าหันมาถามหยางหยางที่เดินเข้ามาในครัว
“ได้ถึง 5 ถัง พี่ว่าจะเอาไปขายให้เหลาอาหารไม่รู้วันนี้เขาจะรับหรือไม่”
“ลองเอาไปขายดูก่อนเจ้าค่ะ ถ้าเขาไม่รับก็แค่ไปขายให้กับที่อื่น”
“พี่จะทำตามเจ้าว่า”
“ท่านพี่ไปอาบน้ำเถิดเจ้าคะ ท่านพี่อาบน้ำเสร็จข้าคงทำอาหารเสร็จพอดี” วันนี้นางจะทำผัดคะน้าหมูชิ้น กับต้มปลาทุบพริกใส่สักเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
“เจ้าอยากได้สิ่งใดหรือไม่ พี่จะซื้อมาให้” หยางหยางถามอี้หลันที่ยืนอุ้มลูกมาส่งเขาไปขายปลาที่หน้าบ้าน เขาชวนนางไปด้วยกันแล้ว แต่นางไม่ไป นางบอกว่าวันนี้จะจัดการกับผักที่เขาเก็บมาเมื่อวานให้เสร็จ เพราะถ้านานกว่านี้ผักจะเหี่ยวเฉาเอาได้
อี้หลันคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “ไม่มีเจ้าค่ะ” ตอนนี้นางไม่มีสิ่งใดที่อยากได้ “อย่าลืมเอาต้มปลาไปให้บ้านอาเหอด้วยนะเจ้าคะ”
“พี่ไม่ลืม เช่นนั้นพี่ไปก่อน” หยางหยางตอบภรรยาก่อนจะเข็นรถออกจากบ้านไป วันนี้ภรรยาของเขาฝากกับข้าวไปให้บ้านสหายของเขาอย่างเหอหมิงด้วย เพราะเหอหมิงนั้นอยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่ตายจากไปหมดแล้ว แม้จะมีหญิงสาวในหมู่บ้านที่อยากแต่งเข้าบ้านเหอ แต่สหายของเขาก็ไม่ได้สนใจ วันๆ เอาแต่ทำงาน ขึ้นเขาล่าสัตว์ แต่นี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่หญิงสาวหลายคนชมชอบสหายของเขา
“อาเหอ อาเหอ” หยางหยางตะโกนเรียกเหอหมิงอยู่หน้ารั้วบ้าน
เหอหมิงที่ได้ยินเสียงสหายก็รีบวิ่งออกมาทันที “อาหยาง มีอันใดหรือไม่” เหอหมิงถามด้วยความสงสัย
“หลันเอ๋อร์ให้ข้าเอาต้มปลามาให้เจ้า” กล่าวจบก็ยื่นกล่องใส่แกงไปให้คนตรงหน้า
“ไอหยา ฝากขอบคุณอาหลันมากๆ ลำบากพวกเจ้าแล้ว” หอม ขนาดยังไม่เปิดกล่องยังหอมขนาดนี้ ถ้าเปิดกล่องคงทั้งหอมทั้งอร่อยแน่ๆ
“ลำบากอันใดกัน” หยางหยางกล่าว
“ฮ่าฮ่า ว่าแต่เจ้าจะไปไหนหรือ” เหอหมิงมองไปที่รถเข็นก็เห็นว่ามีถังอยู่ถึง 5 ถัง ทั้งยังมีฝาปิดไว้อย่างมิดชิดเสียด้วย
“ข้าจะไปขายปลาให้เหลาอาหารฝู เจ้าจะไปด้วยหรือไม่”
“ปลาหรือ?”
“ใช่” ไม่พูดเปล่าเขายังเปิดฝาถังให้เหอหมิงได้เห็นปลาที่อยู่ในถัง กับสหายคนนี้เขาไม่จำเป็นต้องปิดบัง
“ไอหยา เจ้าจับปลาได้”
“เป็นหลันเอ๋อร์ที่บอกวิธีกับข้า และแกงที่นำมาให้เจ้าก็มีต้มปลาด้วย เจ้าลองกินดูไม่คาวเลยสักนิด”
“อาหลันช่างเก่งยิ่ง เช่นนั้นเจ้าไปเถิด ข้าจะกินแกงปลาของอาหลัน” นานๆ จะได้กินปลา ขออยู่บ้านกินปลาดีกว่า
“ตามใจเจ้า แล้วอยากได้สิ่งใดหรือไม่”
“ไม่ๆ เจ้ารีบไปเสียทีเถิด ข้าจะเข้าบ้านไปกินต้มปลา” เหอหมิงเอ่ยไล่สหาย
หยางหยางได้แต่ทำหน้าโง่งมที่โดนสหายไล่ แต่ก็ยอมไปแต่โดยดีเพราะถ้าช้ากว่านี้แดดจะร้อน
ทางด้านอี้หลันเมื่อสามีออกจากบ้านไปแล้ว นางก็เดินกลับเข้าบ้าน พาเจ้าซาลาเปาน้อยนอนลงบนที่นอนที่นางนำมาตั้งไว้บนแคร่ในครัว
“เสี่ยวอี้ของแม่นอนรอแม่ก่อนนะ เดี๋ยวแม่มา” อี้หลันก้มลงมาคุยกับบุตรชาย
“แอ้” เด็กน้อยก็ตอบรับเสียงใส
เมื่อพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วอี้หลันก็เดินไปหยิบกระบุงที่ใส่ผัก เขียง มีด และตะกร้า มาตั้งไว้ข้างๆ แคร่ ผักที่หยางหยางเก็บเมื่อวานมีทั้งหมด 3 กระบุง นางจะเลือกไว้ทำอาหารอย่างละนิดละหน่อย ส่วนที่เหลือนางจะดองเก็บไว้กิน
อี้หลันจัดการหั่นผักตรงหน้า เริ่มปอกเปลือกหัวไชเท้าหั่นเป็นชิ้นๆ ต่อด้วยเด็ดใบผักกาดขาวและหั่นเป็นชิ้นๆ เช่นกัน ส่วนคะน้านางจะใช้เพียงแค่ตรงก้านที่จะใช้ในการดองเท่านั้น
หั่นไปก็คิดไปว่านางจะหาเงินจากช่องทางไหนดี โลกก่อนนางเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีสุดท้าย คณะวิทยาศาสตร์ ที่ชอบทำอาหารกินเอง และมีงานอดิเรกคือชอบวาดรูป พอมาอยู่ที่นี่ด้วยข้อกำจัดในหลายๆ อย่างทำให้นางยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำสิ่งใดดี อีกทั้งยังมีลูกเล็กวัย 5 เดือน จะทำอันใดก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
“แอ้ แอ้” เสียงเล็กๆ อันน่ารัก เรียกให้นางหันไปมอง เจ้าก้อนซาลาเปากำลังอมนิ้วหัวแม่มือของตนเอง
“ไม่อมนิ้วนะลูก” อี้หลันดึงนิ้วหัวแม่มือออกจากปากของหยางอี้
เด็กน้อยไม่ยอมแพ้ยังพยายามจะเอานิ้วเข้าปากให้ได้ ไม่รู้ว่านิ้วอร่อยอันใดนัก บุตรชายของนางถึงพยายามจะอมมันทุกครั้งที่นางดึงออก
“แอ้!” แหนะ มีขึ้นเสียงใส่นางอีกด้วย
“ถ้านิ้วมือของเสี่ยวอี้อร่อย เช่นนั้นวันนี้เสี่ยวอี้ไม่ต้องกินนมดีหรือไม่”
เด็กน้อยไม่เข้าใจที่มารดาพูด ได้แต่นอนมองมารดาตาปริบๆ “แอ้”
“เด็กดีของแม่” นางก้มลงหอมแก้มบุตรชายฟอดใหญ่ “ชื่นใจ แค่นี้แม่ก็มีแรงทำงานแล้ว”
“แอ้” ยิ้มจนเห็นเหงือกแดงๆ ของลูกแล้ว นางก็มีความสุขยิ่งนัก มีแรงที่จะหั่นผักที่เหลืออยู่ให้เสร็จแล้ว
หั่นผักเสร็จทุกกระบุงแล้ว อี้หลันก็เดินถือตะกร้าที่ใส่ผักที่หั่นแล้วไปล้างหลังบ้าน ในจุดที่มองเห็นบุตรชายได้ ตอนนี้เจ้าซาลาเปาก้อนน้อยๆ หลับไปแล้ว นางจึงต้องทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้มีเสียงรบกวนการนอนของบุตรชาย
เมื่อล้างผักจนสะอาดแล้วนางก็นำไปตั้งไว้ให้สะเด็ดน้ำสักเล็กน้อย ก่อนจะไปหยิบไหที่ล้างคว่ำไว้เมื่อวานมาใส่ผักที่เตรียมไว้ได้เป็นสิบๆ ไหเลยทีเดียว โชคดีที่เมื่อวานนางซื้อไหมาหลายใบจึงเพียงพอต่อการใส่ผักเพื่อดอง เสร็จจากนั้นอี้หลันก็ไปก่อไฟนำหม้อมาตั้งต้มน้ำให้เดือด ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำส้มสายชู คนให้เข้ากัน ก่อนจะลองเอามาชิมดูเพื่อให้ได้รสชาติที่พอใจ อืม หวาน เปรี้ยวกำลังดี เมื่อได้รสชาติที่พอใจแล้วนางก็ตั้งไว้ให้เย็น ก่อนที่จะนำไปเทใส่ไหผักดอง นำไปตั้งเรียงไว้บนชั้นไม้ ผัก 3 กระบุง ได้ผักดองเกือบ 20 ไห
ทำงานเสร็จไป 1 อย่าง เจ้าลูกชายก็ยังไม่ตื่น จึงเดินไปหยิบผ้าที่ปักค้างไว้เมื่อวานมานั่งเย็บต่อ ถ้าเย็บเบาะที่จะใส่ในรถเข็น เสร็จแล้ว นางจะได้เย็บชุดของทุกคนในบ้านต่อ งานนางช่างเยอะแยะเสียจริง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามในที่สุดเบาะรองในรถเข็นของหยางอี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว อี้หลันชูเบาะรองนั่งขึ้นดูด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง นางก็มีฝีมือเหมือนกันนะเนี่ย
“หลันเอ๋อร์พี่กลับมาแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวขึ้นเสียอีก
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้าง” อี้หลันเอ่ยถามเสียงเบาเมื่อสามีของตนเดินเข้ามาในครัวแล้ว เจ้าของร่างสูงยิ้มส่งให้ร่างบางก่อนจะเดินเข้ามาหานาง
“วันนี้พี่ขายปลาได้มาตั้ง 7 ตำลึง หลงจู๊ยังบอกอีกว่าถ้าเรามีปลาอีกให้เอาไปขายที่เหลาอาหารได้เลย เขาจะรับซื้อทั้งหมด” หยางหยางหยิบเงินส่งให้หญิงสาวเป็นผู้เก็บไว้
ตอนที่เขาไปถึงเหลาอาหารแล้วแจ้งว่ามาขายปลา เด็กที่เหลาอาหารก็รีบไปตามหลงจู๊มาพบเขา ยังบอกอีกด้วยว่าปลาที่ซื้อเมื่อวานนั้นขายหมดแล้ว
“หลันเอ๋อร์เจ้าว่าพี่จับปลาไปขายทุกวันดีหรือไม่” ขายปลาเพียงแค่ 2 วัน ได้ถึง 10 ตำลึง มากกว่าเขาที่ขึ้นเขาล่าสัตว์ป่าไปขายอีก
อี้หลันเผลอหัวเราะออกมาเสียงใส ที่ได้ยินความคิดของสามี “ปลาจะไม่หมดลำธารก่อนหรือเจ้าคะ”
หยางหยางนิ่งเงียบไปทันทีที่ได้ยินคำถามของภรรยา นั่นนะสิ ถ้าเขาจับขายทุกวัน ปลาอาจจะหมดลำธารก็เป็นได้
“เราค่อยนำไปขายทุก 2 วัน 3 วัน ดีหรือไม่เจ้าคะ พวกเขาจะได้ไม่คิดว่าปลาจับง่ายเกินไป จนอาจจะลดราคารับซื้อจากเรา” เพราะสินค้าถ้ามากเกินไปใช่ว่าจะดี
“จริงด้วย เอาแบบเจ้าว่าก็ได้ แล้วเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ”
“ข้าทำเบาะที่จะใส่ในรถเข็นของเสี่ยวอี้เพิ่งเสร็จเจ้าค่ะ ดูสิเจ้าคะท่านพี่คิดว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง” อี้หลันยื่นเบาะให้คนตรงหน้ากดู
หยางหยางจึงเอื้อมมือไปหยิบเบาะมาดู “สวย” ลวดลายที่อยู่เบาะเป็นตัวอันใดสักตัวที่เขาไม่เคยเห็นมีสีฟ้า บางตัวนั่ง บางตัวนอน บางตัวมีไม้ไผ่อยู่บนหัวกำลังบินอยู่บนอากาศ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าตัวที่นางเย็บคืออันใด แต่มันก็ช่างสวยงามยิ่ง เขาไม่เคยรู้เลยว่านางจะมีความสามารถถึงเพียงนี้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” อี้หลันยิ้มรับคำชมจากสามี ขอบ้ายอหน่อยก็แล้วกัน
“ลูกนอนนานหรือยัง” พวกเขาคุยกันขนาดนี้แล้ว ลูกก็ยังไม่ตื่นอีก ช่างขี้เซายิ่งนัก
“นานแล้วเจ้าค่ะ ข้าว่าจะปลุกเขาแล้วเจ้าค่ะ” หยางอี้นอนได้เกือบ 2 ชั่วยามแล้ว ถ้านอนนานกว่านี้เดี๋ยวคืนนี้เขาจะไม่นอนรวมถึงนางด้วยที่จะไม่ได้นอน
แต่ยังไม่ทันที่นางจะปลุกบุตรชาย เจ้าตัวเล็กก็เริ่มขยับร่างกาย บิดตัวไปมา ช่างน่าเอ็นดูนัก ก่อนที่ดวงตาสุกใสจะลืมขึ้นมองดูท่านพ่อที ท่านแม่ที และโปรยยิ้มมอบให้
“แอ้” ตื่นนอนแล้วก็อารมณ์ดีเลยนะบุตรชายของนาง