ตอนที่ 7

1754 Words
ในที่สุดอี้หลันก็จะได้เข้าเมืองอีกครั้งเพื่อไปรับรถเข็นเด็ก ใช่แล้ว! วันนี้คือวันนัดรับรถเข็นตามที่เถ้าแก่ร้านไม้แจ้งนางเมื่อครั้งก่อน เช้าวันนี้บ้านหยาง 3 คน พ่อ แม่ ลูก จึงจะเดินทางเข้าไปในเมือง “แอ้!” เด็กน้อยส่งเสียงสดใส เมื่อมีนกบินผ่านหัวไป ชี้นิ้วเล็กๆ ให้มารดาดูอีกด้วย “เสี่ยวอี้ ชอบนกหรือ” อี้หลันมองตามนิ้วมือบุตรชาย “แอ้” หยางอี้ก็หันมาตอบมารดาของตน และเงยหน้าขึ้นมองฟ้าดูนกเช่นเดิม อี้หลันที่อุ้มบุตรชายอยู่ ก็มองตามบุตรชาย ทั้งยังชวนบุตรชายคุยไปด้วย เด็กในวัยนี้เริ่มมีพัฒนาเพิ่มขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านร่างกาย การกิน การมองเห็น การสื่อสาร นางจึงพยายามที่จะพูดคุยกับลูก เล่นกับลูกบ่อยๆ หยางหยางที่เดินออกมาจากในบ้านเพราะถูกภรรยาไล่ให้ไปอาบน้ำ ก็ยืนมอง 2 แม่ลูก พูดคุยกัน ด้วยรอยยิ้ม “เสร็จแล้วหรือเจ้าคะท่านพี่” เสียงนุ่มเอ่ยถามชายหนุ่ม “เสร็จแล้ว” “แอ้ แอ้” เจ้าซาลาเปาที่เห็นบิดาก็ส่งเสียงขึ้นมาทันที “วันนี้พ่อกับท่านแม่จะพาเจ้าไปเที่ยวในเมืองดีหรือไม่” ถึงแม้บุตรชายจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เขาก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเจ้าซาลาเปาก้อนนี้ยิ่งนัก “แอ้!” เจ้าซาลาเปาสีเขียวเงยหน้ายิ้มหวานให้กับบิดาตน “เรารีบไปกันเถิดเจ้าคะ ก่อนที่แดดจะร้อนกว่านี้” อี้หลันที่ยืนฟังสามีและบุตรชายคุยกันเสียเป็นเรื่องเป็นราวเอ่ยขึ้น วันนี้นอกจากจะไปรับรถเข็นแล้ว หยางหยางยังนำปลา 5 ถัง ไปขายอีกด้วย ส่วนนางก็มีของที่อยากได้เช่นกัน “ได้ๆ เจ้าอุ้มเสี่ยวหยางขึ้นไปนั่งเถิด” อี้หลันรู้ว่าต่อให้นางปฏิเสธเขาก็คงยกเหตุผลร้อยแปดมาพูด เพื่อให้นางขึ้นไปนั่งบนรถเข็นอยู่ดี นางจึงยอมขึ้นไปนั่งแต่โดยดี ระหว่างทางครอบครัวหยางก็ได้ทักทายชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาด้วย ชาวบ้านที่หมู่บ้านนี้หลายคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านหยาง “ท่านน้าหยาง” เด็กน้อยร่างกายผอมแห้ง เสื้อผ้ามีแต่รอยปะชุนคนหนึ่งทักหยางหยาง ข้างกันนั้นยังมีหญิงสาวร่างกายบอบบาง อืม ถ้าลมพัดมาแรงๆ นางจะปลิวหรือไม่นะ อี้หลันรู้สึกสงสัยยิ่ง “สวัสดีอาไฉ สวัสดีพี่สาวจางขอรับ จะไปที่ใดกันหรือขอรับ” หยางหยางทักทาย 2 แม่ลูก “สวัสดีอาหยาง สวัสดีอาอี้ พี่กับอาไฉ จะเข้าไปในเมือง แล้วพวกเจ้าเล่า” ‘จางฮวา’ เป็นผู้ตอบคำถามนั้น “สวัสดีเจ้าค่ะ ไหนๆ เสี่ยวอี้สวัสดีท่านป้ากับพี่ชายหน่อยสิ” “แอ้” เด็กน้อยยิ้มทักทายให้กับบุคคลตรงหน้า “ไอหยา ช่างรู้ความเสียจริง” จางฮวาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม นางเป็นคนรักเด็ก เมื่อเห็นเด็กตัวน้อย ก็อดที่จะเข้าไปหยอกล้อไม่ได้ ด้วยลูกชายของนางก็เริ่มโตแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถหยอกล้อได้เช่นแต่ก่อน “อาไฉ สวัสดีท่านน้าอี้ขอรับ” พูดจบเด็กน้อยนามว่า ‘ซีไฉ’ ก็เดินไปแอบด้านหลังมารดา ทำให้เจ้าซาลาเปาก้อนน้อยๆ เอียงคอมองอย่างสงสัยก่อนจะส่งเสียง อ้อ แอ้ ตามประสา เพราะคิดว่าซีไฉเล่นกับตน “พวกข้าก็จะเข้าไปในเมืองเช่นกันขอรับ เช่นนั้นพวกเราไปพร้อมกันเลยดีหรือไม่ขอรับ” “ได้ๆ” พูดคุยกันไปเดินทางกันไป ไม่นานก็มาถึงตัวเมืองเสียที อี้หลันจึงลงจากรถเข็นพร้อมอุ้มเจ้าซาลาเปาลงเดิน “แอ้ แอ้” หยางอี้ดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าผู้ใด หันมองซ้ายที ขวาที ดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา “คึกเชียวนะ เจ้าซาลาเปาน้อย” อี้หลันอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อบุตรชาย “เช่นนั้นข้าขอแยกตัวตรงนี้เลยนะอาหยาง อาอี้” นางต้องเอาผ้าเช็ดหน้าที่ปักไปฝากขายที่ร้านผ้า ถึงแม้จะได้ราคาเพียงผืนละ5 อีแปะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย “เจ้าค่ะ” เมื่อได้คำตอบจากอี้หลัน 2 แม่ลูกก็แยกตัวออกไปทันที ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ครอบครัวหยาง “เจ้าเป็นอันใด” หยางหยางอดที่จะถามภรรยาตัวน้อยไม่ได้ เมื่อนางมองไปทางจางฮวากับซีไฉ “ข้าสงสัยเจ้าค่ะ ว่าพวกเขาอยู่กันเพียงลำพังหรือเจ้าคะ” ได้ยินคำถามจากปากภรรยาหยางหยางก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “ใช่ สามีของนางเสียได้เกือบปีแล้ว นางจึงต้องเป็นเสาหลักของบ้าน” ถึงแม้ทั้งบ้านจะมีเพียงนางและบุตรชายก็ได้ “นางเป็นสตรีจะให้ขึ้นเขาล่าสัตว์เหมือนบุรุษก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ขึ้นเขาเก็บผักป่ามากิน เหมือนนางจะปักผ้าเช็คหน้าส่งขายที่ร้านผ้าด้วย” ได้ฟังเรื่องราวของ 2 แม่ลูกแล้ว นางก็สงสารยิ่งนัก การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ดูจากขนาดตัวและเสื้อผ้าของทั้งคู่แล้ว คงจะลำบากไม่น้อยเลย ปักผ้าเช็คหน้าขายจะได้กี่อีแปะกัน “เดี๋ยวเราเอาปลาไปขายก่อน แล้วค่อยไปที่โรงไม้ดีหรือไม่” หยางหยางไม่อยากให้ภรรยาคิดเรื่องอื่นมากเกินไป จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ดีเจ้าค่ะ” ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก จึงมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เหลาอาหารฝูตั้งอยู่ และก็เป็นไปตามที่คิดเมื่อหลงจู๊รับซื้อปลาของพวกนางทั้งหมด ถ้าถามว่าทำไมไม่จับปลาขายให้เหลาอาหารเสีย เพราะจับไม่ยาก อีกทั้งยังได้ราคาดี ถามว่าทำได้ไหมมันก็ได้แหละ แต่นางไม่ได้ทะลุมิติมาเพื่อจับปลาขายเสียหน่อย ในเมื่อนางทะลุมิติมาแล้ว นางก็อยากทะลุมิติเป็นคนที่ร่ำรวยมีกินมีใช้ไม่หมดต่างหากเล่า แต่ในเมื่อไม่ได้ร่ำรวยตั้งแต่เกิด นางก็จะต้องทำให้ตัวเองร่ำรวยด้วยหนึ่งสมอง? สองมือ? ของนางและสามีนางให้ได้! “สวัสดีขอรับมีอะไรให้ช่วยหรือไม่ขอรับ” ลูกจ้างในร้านเห็นว่ามีลูกค้ายืนอยู่หน้าร้านก็รีบออกมาต้อนรับ ร้านไม้แห่งนี้ถึงจะไม่ใหญ่ แต่การบริการดีมากๆ “สวัสดีขอรับ ข้ามารับรถเข็นที่สั่งทำไว้ขอรับ” หยางหยางเอ่ย “พวกท่านนั่นเอง เชิญขอรับๆ” เมื่อรู้ว่าลูกค้าคือคนที่นายท่านอยากพบมากที่สุด เขาก็ต้องรีบพาไปพบกับนายท่านโดยเร็ว “นายท่านขอรับ เจ้าของรถเข็นมาแล้วขอรับ” เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานของนายท่านเขาก็รีบร้องบอกทันที กัวจิ้งที่ได้ยินว่าบุคคลที่เขาต้องการพบมากที่สุดมาถึงเสียที ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม จนปากจะฉีกถึงใบหู “พวกเจ้ามาแล้ว” ครอบครัวหยางได้แต่ทำหน้าโง่งม แม้กระทั่งหยางอี้ยังเอียงคอมองเถ้าแก่เจ้าของร้านไม้อย่างน่าเอ็นดู “คารวะเถ้าแก่ขอรับ” “คารวะเถ้าแก่เจ้าค่ะ” “แอ้” เด็กน้อยก็ไม่น้อยหน้าทักทายเถ้าแก่เช่นที่บิดามารดาทำ “ไม่ต้องมากพิธี คนกันเองทั้งนั้น มานั่งก่อน” เจอกันเพียง 2 ครั้งก็กลายเป็นคนกันเองแล้วหรือ “เกิดอันใดขึ้นหรือไม่เจ้าคะเถ้าแก่” หรือรถเข็นเด็กจะมีปัญหา เหตุใดดูเหมือนเถ้าแก่ร้านไม้จะใจดีผิดปกติ “ไม่มีอันใดเกิดขึ้น รถเข็นของเจ้าช่างในร้านทำเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่มันมีแต่ไม้เจ้าจะใช้อย่างไรหรือ” นี้เป็นอีกเรื่องที่เขาสงสัย “เช่นนั้นให้คนของท่านนำรถไม้ ออกมาให้พวกข้าดูได้หรือไม่เจ้าค่ะ” “ได้ๆ” แถ้แก่หันไปสั่งกับคนงานในร้านที่ที่อยู่ใกล้ๆ ให้ไปนำรถเข็นมาออก ว้าว อีหลันเห็นรถเข็นเด็กที่คนงานนำออกมาก็ได้แต่อุทานในใจ ช่างในสมัยนี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก “ใช่ตามที่เจ้าคิดหรือไม่” หยางหยางหันมาถามภรรยา “ใช่เจ้าค่ะ ท่านพี่อุ้มลูกหน่อยเจ้าค่ะ ข้าจะเอาเบาะไปใส่ในรถเข็น” “ได้” หยางหยางรับหยางอี้มาอุ้มและยืนมองอี้หลันนำเบาะที่นางนั่งเย็บ ไหนจะลายประหลาดๆ นั่นอีก ที่เป็นตัวสีฟ้าขาว หัวกลม ตัวสั้น มีปาก มีหนวด กำลังฉีกยิ้มบ้าง กำลังนอนหลับบ้าง ไม่ใช่แค่หยางหยางเท่านั้น แม้แต่เถ้าแก่ร้านไม้ ช่างในร้าน คนงานในร้านก็ออกมาดูด้วยเช่นกัน เมื่อนางใส่เบาะเสร็จเรียบร้อย ก็หันมารับบุตรชายจากหยางหยางไปลองนั่งในรถเข็น และลองเข็นไปมาเพื่อตรวจสอบว่าถูกต้องตามที่ต้องการหรือไม่ “แอ้ แอ้” เด็กน้อยเหมือนได้ของเล่นใหม่ จึงส่งเสียงเล็กๆ ไม่หยุดด้วยความสนุกสนาน “ไอหยา มันวิเศษมาก” เป็นเถ้าแก้ที่เอ่ยขึ้นก่อน เขาที่สงสัยว่าจะให้เด็กนั่งได้เช่นไร ตอนนี้ก็กระจ่างแจ้งแล้ว “พวกท่านช่างเก่งกาจยิ่งนักเจ้าค่ะ” อี้หลันไม่ลืมที่จะเอ่ยชมทุกคนในร้าน “มีสิ่งใดต้องแก้ไขหรือไม่แม่นาง” ช่างไม้คนหนึ่งเอ่ยถาม เขาดีใจที่ได้รับคำชมจากลูกค้า “ไม่มีเจ้าค่ะ” นางตอบคำถามของช่างไม้คนนั้น ก่อนจะหันไปดู 2 พ่อลูก “สนุกใหญ่เลยนะเสี่ยวอี้” หยางหยางเอ่ยแหย่บุตรชาย ที่ยังส่งเสียงไม่หยุด เพราะตอนนี้เขากำลังลองเข็นรถเข็นอยู่ในร้านมันสะดวกสบายอย่างที่ภรรยาเขาบอกจริงๆ “แอ้ แอ้” เด็กน้อยยิ้มจนตาเป็นสระอิ ดูจนพอใจแล้วอี้หลันก็หันมาทางเถ้าแก่เจ้าของโรงไม้ เพื่อจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือ “เถ้าแก่เจ้าคะ ข้าต้องการจ่ายเงินส่วนที่เหลือเจ้าค่ะ” “เอ่อ ข้าขอคุยกับพวกท่านได้หรือไม่” หยางหยางกับอี้หลันหันมองหน้าก่อนก่อนจะตอบรับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD