ขวัญสุดาเดินกลับที่พักด้วยท่าทีครุ่นคิด และที่กลับช้าก็เพราะว่าบุรินทร์สั่งอาหารมาเลี้ยงตอนเลิกงาน แต่เขาก็ไม่ได้อยู่กินอะไรด้วย บอกว่ามีนัดคุยธุระ
เปิดประตูเข้าห้องได้ วางกระเป๋าสะพายลงด้วยท่าทีเนือย ๆ พร้อมกับเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “คุณหมอกกำลังสงสัยฉัน”
สรสิชที่รออยู่ในห้อง ถามยิ้ม ๆ “สงสัยเรื่องอะไร”
ที่ตนพูดขึ้นมาคือต้องการบอกทางอ้อมให้รู้ ว่าไม่อยากเป็นเบี้ยให้อีกฝ่ายอีกแล้ว ขวัญสุดาไม่ตอบ เลือกถามกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพอสมควร “คุณหาวิธีอื่นไม่ได้หรือไง ฉันกับเขาทำงานด้วยกันมานาน เขาต้องจับได้แน่ ๆ เดี๋ยวก็เสียแผนคุณก่อนหรอก”
สรสิชยักไหล่ บอกอย่างว่าง่ายผิดสังเกต “ก็ได้”
หนุ่มใหญ่ขยับลุกจากโซฟาตัวเดียวในห้อง เข้ามาหาขวัญสุดา พร้อมถุงกระดาษสกรีนชื่อร้านดังส่งให้ “ของขวัญวันเกิดของคุณ”
เลขาสาวของบุรินทร์มองแล้วก็รับมาวางไว้ที่โต๊ะใกล้ตัว ไม่คิดจะเปิดออกดูว่าในนั้นคืออะไร สวย หรู ดูแพงระยับมากขนาดไหน แล้วสบตาสรสิชเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
“คุณสิช เราเลิกติดต่อกันก่อนได้ไหม ฉันระแวง ประสาทจะกินอยู่แล้วเนี่ย ถ้าคุณหมอกรู้ขึ้นมา เขาไล่ฉันออกเลยนะ นี่มันรวนไปถึงหน้าที่การงานของฉันด้วยนะคุณ”
“อะไรกันอุ๋ม แค่สร้างสถานการณ์ให้เขาไปเจอกับยายซิน จับได้แล้วยังไง เขาไม่ให้คุณออกหรอกน่า เรื่องเล็กน้อยน่า เอางี้ ถ้าหมอกเขาไม่จ้างคุณขึ้นมาจริง ๆ คุณมาหาผม มาทำงานกับผมก็ได้นี่ ผมยินดีรับคุณเข้ามาร่วมงานด้วยกัน”
“อย่ามาพูดดีเลย” ขวัญสุดาบอกอย่างหมั่นไส้ “คุณกลับไปเถอะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์”
สรสิชทำฮึดฮัดท่าทางหงุดหงิด ถึงอย่างนั้นก็ยอมจากไปแต่โดยดี ขวัญสุดาลุกไปปิดประตูแล้วก็ยืนพิงอยู่อย่างนั้นเป็นนาน นึกถึงสายตาของบุรินทร์ตอนคุยถึงเรื่องร้านเครื่องประดับของสาริศา ก็ให้ไม่สบายใจตั้งแต่ตอนนั้น มองหน้าเขาได้ไม่สนิทใจนัก
จะไม่ช่วยสรสิช ก็หวั่นใจกลัวจะเอาคลิปฉาวที่ต่อรองอยู่ตลอดไปเผยแพร่
เดินกลับมาทรุดตัวลงบนเตียง ลงนอนด้วยความหมดอาลัยตายอยากบนนั้นเป็นนาน ค่อยลุกไปชื่นชมชุดเครื่องประดับที่บุรินทร์ซื้อให้ ไม่ไยดีต่อของอีกชิ้นที่สรสิชนำมากำนัลเลยสักนิดเดียว
ขวัญสุดาหยิบชุดเครื่องประดับขึ้นทาบแก้มตัวเองด้วยความดีใจ ยิ้มพร้อมกับถอนหายใจบางเบา ขอแค่เป็นของที่มาจากเขา จะถูกจะแพงไม่สำคัญทั้งนั้น
นึกถึงสายตาที่บุรินทร์มองมาแต่ละครั้ง หากตนไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไป ก็ให้มั่นใจว่าบุรินทร์เองก็มีใจให้ตนเช่นกัน บางทีคงต้องหาทางเปิดเผยความในใจให้เขารู้ ทิ้งไว้นานวันเข้า รังแต่จะทำให้อะไร ๆ แย่ไปกว่านี้ เกิดเขาเจอใครที่ถูกใจมากพอจนตัดสินใจคบหาด้วย ตนที่เฝ้ามองบุรินทร์มาตลอดไม่ต้องช้ำใจหรอกหรือ
พลันนั้นเอง ความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของขวัญสุดา เจ้าหล่อนมองเลยไปที่ประตูห้องนิ่งเป็นนาน ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะต้องถอยห่างออกมาจากสรสิชให้จงได้ ถอยได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ต้องถอยออกมา บางทีเขาอาจไม่ใจร้ายพอที่จะทำถึงขนาดปล่อยคลิปลับนั้นก็เป็นได้
เลิกประชุมเกือบหกโมงเย็น ถึงได้พาตัวเองขึ้นรถขับห่างออกมาจากอาคารสำนักงานของบิดาด้วยอาการเบื่อหน่าย สาริศาเป็นได้เพียงแค่หุ่นเชิดจริง ๆ ประชุมกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เสนอความเห็นอะไรไปไม่เคยมีใครเห็นด้วยกับเธอเลยสักครั้ง
นึกแล้วท้อ บางช่วงของความคิด เคยอยากออกไปหางานทำด้วยตัวเอง งานที่อื่นที่ไม่ใช่ของบิดา ไม่ข้องเกี่ยวกับคอนเนกชันของบิดา ไต่เต้าขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาบารมีของท่าน
สายเรียกเข้าของโยษิตาฉุดให้หลุดออกจากห้วงความคิด ตอบรับทางนั้นแล้ว วางสายลง พารถขับมุ่งหน้าต่อไป
การได้พบปะเพื่อน ได้ระบายกับพวกนั้น คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สาริศาคลายเครียดได้ในตอนนี้ อดปลอบใจตัวเองไม่ได้ แม้ว่าบิดาจะชอบบงการ สั่งสารพัดเรื่องให้ทำตามอย่างที่ท่านบอก แต่ก็ไม่ได้บีบให้ชีวิตของเธออยู่ในกรอบมากจนกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย
บอกท่านว่าเย็นนี้ขอไปกินอะไรที่ร้านโยษิตา อ้างว่าเพื่อนเลี้ยงแสดงความยินดีที่ได้ไปดูงานกับบริษัทของบุรินทร์ ท่านไม่ว่าอะไรสักคำ คงเพราะมัววุ่นวายอยู่กับคู่ค้าคนสำคัญอยู่ เห็นออกไปด้วยกันตั้งแต่เที่ยง คงยาวถึงดึกค่อนคืน บางทีบางวันเธอก็ไม่เห็นท่านกลับมานอนที่บ้าน รู้ว่าบิดามีห้องชุดอยู่หลายที่ รู้ด้วยว่าท่านควงสาวน้อยสาวใหญ่มากหน้าหลายตา และท่านก็คงออกไปเที่ยว ไปผ่อนคลายตามประสาชายโสดหากมีเวลาว่าง
คิดมาถึงตรงนี้แล้วก็อยากมีอิสระแบบนั้น แต่คงเป็นได้แค่ความคิด เดินผ่านประตูร้านเข้าไปที่ด้านใน พนักงานยิ้มทักทายเธอ สาริศายิ้มตอบจาง ๆ เดินเลาะเรื่อยไปยังโต๊ะด้านหลัง
หน้าร้านปิดรับลูกค้าแล้ว เหลือเพียงพนักงานไม่กี่คน แล้วก็เพื่อนพ้องของเจ้าของร้านที่วันนี้อยู่กันครบหน้า ไปถึงเห็นสมิตานั่งละเลียดเหล้าแต่หัววัน ทักด้วยใบหน้าออกแดงระเรื่อนิด ๆ
“หน้าเหม็นเบื่อมาเชียวแม่นักธุรกิจคนเก่งแห่งปี”
อ้าปากจะแซวเพื่อนกลับว่าเมาประชดรักอีกหรืออย่างไร แต่ก็ถูกเสียงทักของพี่เทกดังขัดเสียก่อน “เป็นอะไรคะวันนี้ หน้ามุ่ยมาเชียว”
สาริศามองไปทางสาวหล่อ แล้วอ้อนกับทางนั้นอย่างทุกทีที่มีเรื่องไม่สบายใจ “เพื่อนคุณพ่อชวนให้ไปดูงานที่บริษัทน่ะสิคะ”
โยษิตาที่เดินไปเดินมา หยุดมอง ถามอย่างงุนงง “แล้วยังไงยะ ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่นังซิน”
เงียบอึดใจ ก็ค่อยเล่าให้ผองเพื่อนฟัง “ปัญหาก็คือฉันกำลังถูกจับคู่กับอีตาเจ้าของบริษัทนั่น” ทำหน้าเซ็งหันไปบอกโยษิตา “เหมือนที่แกโดนเลยปราง”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว โยษิตาแกล้งทำปากขมุบขมิบ ‘สมน้ำหน้า’
ฐปนรรฆ์เข้ามาโอบศีรษะกอดเบา ๆ อย่างต้องการปลอบใจ
“นี่คุณพ่อแกกับแม่ฉันอยู่แก๊งเดียวกันหรือไง ถึงได้ชอบจับคู่ให้ลูก”
สมิตาถามแทรกบ้าง “แก่ล่ะสิ”
นึกเดาอายุเขาคร่าว ๆ ในใจ ตอบไปสั้น ๆ ว่า “อือ” บุรินทร์แก่กว่าเธอเกินห้าปีแน่นอน อย่างไรก็เรียกว่าแก่นั่นแหละ แม้ว่าเขาจะยังไม่ดูแก่เลยก็ตามที บุคลิกสุขุม ใบหน้าหล่อเหลาทีเดียว
สาริศาถอนหายใจพรืด ไม่พูดอะไรอีก เรื่องที่เธอเคยถูกจับใส่พานให้เจ้าสัว ไม่เคยเอามาเล่าให้พวกนี้ฟัง แม้แต่กับพี่เทกคนสนิทอย่างฐปนรรฆ์ก็ไม่เคยรู้ เพราะมันใช่เรื่องที่ต้องคุยให้คนอื่นรู้นี่นา น่าอายออกจะตายไป อีกอย่างพอมันผ่านพ้นมาแล้ว เธอโล่งใจแล้ว เลยไม่อยากขุดขึ้นมาพูดอีก
สุดท้ายต้องกลับมาหนักใจอีกครั้ง เมื่อบิดาไม่เลิกรากับการพยายามจับเธอใส่พาน ยกให้คนที่ท่านเห็นว่าดี ดีที่ว่าคือดีต่อบริษัทของท่านต่างหาก ไม่ใช่ดีกับตัวเธอเลยสักนิด
ฐปนรรฆ์ปลอบอีกประโยคเมื่อเห็นว่าเธอดูหมกมุ่นอยู่กับความคิดในหัว “อย่าเพิ่งเครียด ทำใจให้สบาย ๆ ไว้ก่อน พี่กำลังคิดว่าบางทีคุณพ่ออาจอยากให้ลองไปดูงานจริง ๆ ก็ได้นะ ท่านอาจไม่ได้จับคู่ซินกับผู้ชายคนนั้นก็ได้”
พยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้คล้อยตาม เลือกที่จะเงียบ เป็นสมิตาที่พยายามเค้นถามต่อ “ดูงานอะไรนั่นน่ะ นานแค่ไหนวะซิน”
“สามเดือนแน่ะ”
โยษิตาไม่ยอมให้เรื่องมอดลงง่าย ๆ ยุส่งแบบขำ ๆ “ทางนั้นเขาก็ช่างกล้าชวนแกเนอะ นี่ถ้าไม่ได้คิดอะไรด้วย เขาไม่ชวนหรอก เชื่อฉันสิ งานก็คนละสาย เขาจะอยากชวนแกไปเรียนรู้ดูงานทำไมวะ ถ้าไม่อยากเคลมแกอะซิน”
“จะพูดทำไม เพื่อนยิ่งเครียด ๆ อยู่” ฐปนรรฆ์ส่งเสียงดุโยษิตา
คนถูกเอ็ดอ้าปากค้าง ย้อนคืนอย่างไม่ยอม “ก็ปรางพูดเรื่องจริงนี่พี่กัฟฟ์”
ฐปนรรฆ์เลยส่งสายตาบอกให้หยุดไซโคเธอได้แล้ว สมิตาบอกขัดอย่างที่พอจะมองออกว่าเริ่มมึนเล็กน้อย “ถ้าไม่อยากไปจริง ๆ แกก็ไม่ต้องไปสิวะ”
“ได้ที่ไหนเล่า” เป็นฐปนรรฆ์เองที่พูดขึ้นแทน
สาริศาเคยไม่ฟัง ไม่ทำตามที่บิดาบอกที่ไหนกัน เรื่องแบบนี้ คนในกลุ่มต่างรู้กันดี แล้วก็เลือกจะไม่พูดอะไรกันต่อ เรื่องของสรสิชไม่เหมาะกับการนำมาสนทนาด้วยประการทั้งปวง แค่เอ่ยถึงอาหารที่ปรุงมาสุกใหม่ก็เซ็งในทันที แล้วถึงได้ชี้มือลงกับจานตรงหน้า ชวนให้รับประทานอาหารด้วยกันดีกว่าที่จะเอาเรื่องเครียด ๆ มาคุย
กินไปเมาท์มอยกันไปจนเริ่มอิ่ม สาวหล่อเรียกพร้อมกับดึงแขนเธอให้ลุกตาม “มานี่มา”
สาริศาร้องถามเนือย ๆ “จะไปไหนคะพี่กัฟฟ์”
“ลุกมาเต้นกับพี่หน่อย”
บอกปัดเสียงยาน ส่ายหน้าว่า “ไม่เอา ซินไม่มีอารมณ์”
“หน่อยน่า” ฐปนรรฆ์ชวนเพราะจำได้ว่าเป็นเพลงโปรดของเธอ สาริศาอมยิ้มน้อย ๆ ยอมยืนตามแรงดึง ก่อนจะโยกย้ายขยับตามสาวหล่อรุ่นพี่ จนโยษิตาอดใจไม่ไหวป้องปากแซว
“ส่ายเยอะ ๆ หน่อยอีหนู”
นึกได้ก็ค่อยหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้
เสียงเชียร์ของเพื่อนดังอยู่ข้างตัว สาริศาที่พอได้ขยับตัวตามเพลงก็รู้สึกผ่อนคลาย สนุกสนาน ส่ายตามจังหวะไปพร้อมกับฐปนรรฆ์ สมิตาทนไม่ไหวเลยเข้าไปร่วมวงด้วย แว่วเสียงคุย เสียงหัวเราะดังลั่นที่หลังร้านนั้น
จบจากเพลงโปรดก็แว่วเสียงเพลงที่กำลังฮิตดังต่อเนื่องขึ้นมาอีก ทั้งหมดเลยปล่อยท่าเต้นข่มกันไปมาอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยนั่งลงพักเหนื่อย พลอยให้สาริศาคลายความตึงเครียดลงได้ในตอนนั้น
เธอหยิบแก้วขึ้นจิบ อดรำลึกความหลังไม่ได้ “นึกถึงตอนเรียนเนอะพี่กัฟฟ์”
สาวหล่อจำเหตุการณ์ช่วงรับน้องได้ ยิ้มตอบ ไม่ลืมหยิบยกเรื่องครั้งนั้นขึ้นมาอำเธอ “ใครก็ไม่รู้เต้นหน้านิ่งแข่งกับพวกไอ้ดอย จนมันต้องยกมือไหว้เลยละ”
โยษิตาโอดขึ้นว่า “เสียดายปรางไปไม่ทันถ่ายคลิป”
“พอเลยเรื่องถ่ายคลิปอะไรเนี่ย”
ฐปนรรฆ์ยกแก้วจะดื่มก็บอกขึ้นเมื่อนึกได้ “เดือนหน้าวันเกิดเจ้ายีสมันด้วยนะ”
“เออ ใช่พี่กัฟฟ์ เห็นมันส่งข้อความมาชวนเหมือนกัน แกไปไหมซิน” โยษิตาหันถามคนนั้นที คนนี้ที
สาริศาตอบเสียงเอื่อย “อยากไปก็ใช่จะไปได้เลยที่ไหน ฉันต้องขอคุณพ่อก่อน”
“เดี๋ยวให้พี่กัฟฟ์ช่วยขอ”
“ถ้าพี่กัฟฟ์ขอนะ ไม่ได้ไปหรอกค่ะ เชื่อเจ๊นี่” โยษิตาบอกอย่างพอรู้ บิดาของสาริศาไม่ใคร่ชอบใจพวกข้ามเพศนัก เจอหน้าฐปนรรฆ์ทีไร ท่านจะทำท่าเมินเฉยทุกที เรื่องนี้ทุกคนรู้แต่ไม่อยากพูดเจาะลึกหรือเอามาอำกันนัก แล้วหันไปถามกับสาวหล่อ เพราะเห็นว่าเป็นญาติกันกับยีส “พี่กัฟฟ์บอกให้มันจัดงานตอนเที่ยงไม่ได้หรือไง ซินมันจะได้แวบไปได้อะ”
ฐปนรรฆ์ร้องเสียงหลง “ตลกแล้ว จัดเลี้ยงเที่ยงเนี่ยนะ ไม่ได้เลี้ยงทำบุญบ้านนะเว้ย”
สมิตาเสนอความเห็นด้วยคน
“จัดตอนไหนแกก็ไปไม่ได้เปล่าวะซิน”
“เออ อันนี้จริง” แล้วก็ต่างคนต่างอำกันไปอำกันมาอยู่อย่างนั้นเป็นนาน สาริศามองดูเวลาอีกทีเห็นว่าสมควรต้องกลับแล้ว จำต้องตัดใจลุกขึ้นยืน โบกมือลาทุกคน กลับเข้าบ้านในเวลาต่อมา
วันแรกของการดูงานที่บุรินทร์กรุ๊ป อะไร ๆ ก็ดูขวางหูขวางตาเธอไปหมด นอนไม่หลับเลย อันที่จริงนอนไม่หลับตั้งแต่วันที่บิดาบอกนู่นแล้ว ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น แต่เป็นเพราะเครียดที่รู้ว่าต้องไปดูงานที่อื่นตั้งสามเดือนต่างหาก
เช้านี้เลยจัดกาแฟเข้ม ๆ แก้วเดียว พเยาบ่นว่าเธอไม่ยอมกินอะไร ระวังจะไปเป็นลมที่นั่น ก็จะให้กินอะไรลง ตอนนี้ท้องไส้เธอปั่นป่วนไปหมดแล้ว
คว้ากระเป๋าเดินลงมาที่รถ กระชากตัวออกจากโรงจอดทันที แล้วตรงไปยังอาคารสำนักงานที่บิดาบอกไว้แล้วว่าเป็นตึกไหน โซนไหนของใจกลางมหานคร พนักงานของเขาไม่ได้ให้การต้อนรับเธอดีเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ หญิงสาวหน้าสวยเฉี่ยวพาเธอเข้าลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นทำงานของบุรินทร์ ไปถึงพบเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
สาริศาปั้นหน้ายิ้ม ยกมือไหว้ตามมารยาท
บุรินทร์ทำเพียงพยักหน้าให้ ไม่มีการพูดคุยหยอกล้อใด ๆ ด้วยทั้งสิ้น เขาแนะนำคนของตนเองให้ได้รู้จักหน้าค่าตากันในนาทีต่อมา
“ขวัญสุดา เลขาของพี่ น่าจะเป็นพี่ซิน เรียกพี่ก็คงได้” บุรินทร์บอกเธอ แล้วก็ค่อยหันไปถามเลขาของเขาว่า “ได้ใช่ไหมคุณอุ๋ม”
ทางนั้นยิ้มหวาน ถามด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย “อะไรหรือคะบอส”
“ให้ซินเรียกคุณว่าพี่ไง เรียกได้ใช่ไหม”
ขวัญสุดายิ้มหวานกว่าเดิม ไม่ทันได้ตอบรับอะไร สาริศารีบบอกปัดอย่างเซ็ง ๆ ว่า “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณขวัญสุดา เรียกซินหรือสาริศาก็ได้ค่ะ”
ขวัญสุดามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แวบเดียวก่อนจางหายไป แล้วส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้ “เรียกพี่อุ๋มเถอะค่ะ”
ไม่ได้ตอบรับอะไร จะเรียกอย่างไรคงไม่มีผลกับการดูงานของเธอหรอก บุรินทร์แยกไปคุยงานกับขวัญสุดานานราวชั่วโมงได้ ให้เธอนั่งรออยู่ตรงโซฟาต้อนรับส่วนหน้า ถึงค่อยพาเดินดูรอบบริเวณ แล้วกลับขึ้นมาบนห้องทำงานอีกครั้ง เข้าเรื่องของการมาดูงาน ด้วยการแจงตารางว่าวันไหนเธอทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้าง
“กลางเดือนหน้าพี่จะลงไปดูที่สวนผลไม้กับโรงงาน คงไปราว ๆ...”
“สี่วันค่ะ” ขวัญสุดาขานบอกจำนวนวันที่ต้องไปให้เจ้านายหนุ่ม
สาริศาถามอย่างลุ้น ๆ ว่า “ซินไม่ต้องไปใช่ไหมคะ”
บุรินทร์หันมองเธอนิ่ง ๆ แล้วถึงตอบ “ครับ ซินไม่ต้องไปทำงาน แต่ต้องไปที่สวน ไปดูโรงงานพร้อมพวกเรา”
สาริศาทวนด้วยใบหน้าเบื่อ ๆ “สวน? โรงงาน? พวกเรา?”
“มีพี่ พี่อุ๋ม แล้วก็ซิน รอบนี้เราไปกันสามคน เดินที่สวน ดูงาน ดูระบบ แล้วก็เครื่องอบตัวใหม่ของโรงงานพี่ด้วยถึงค่อยกลับ”
ฟังแผนของบุรินทร์แล้วอดท้วงไม่ได้
“ดูแค่นั้น ต้องไปตั้งสี่วันเลยหรือคะ”
“ครับ” บุรินทร์ตอบรับก่อนแย้งด้วยแววตาแปลกใจ “ท่าทางเราไม่เหมือนคนอยากมาดูงานแบบที่อาสิชบอกเลยนะ”
ได้ยินเขาว่าแบบนั้น คิ้วของเธอขมวดแทบเป็นโบ ก็ใช่ไง เธอไม่ได้อยากมา เขาเองไม่ใช่หรือที่เอ่ยปากชวนกับพ่อของเธอน่ะ
และก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมาอีก ขวัญสุดารีบหันเหหัวข้อสนทนาไปว่า “แวะเยี่ยมคุณยายด้วยนะคะบอส วันสุดท้ายที่เราไปดูสวนและโรงงานตรงกับวันเกิดของท่านพอดีเลยค่ะ”
บุรินทร์นิ่งไป พึมพำว่าใช่ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ ดูวันอีกครั้งก็หันไปสบตา
ขวัญสุดา “ผมลืมวันเกิดท่านอีกแล้ว เดี๋ยวคุณอุ๋มช่วย...”
“ของขวัญใช่ไหมคะ อุ๋มเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเนื้อทองเหลืองสวยมาก ตรงกับวันเกิดของคุณยายเลยนะคะ”
บุรินทร์ฟังจบ มองเลขาคนสวยด้วยสายตาชื่นชม “ถ้าไม่มีคุณ ผมคงยุ่งหัวปั่นมากกว่านี้อีกหลายสิบเท่าตัวเลยเชื่อไหม”
“ไม่หรอกค่ะ” บอกอย่างถ่อมตัวด้วยอาการเอียงอายเล็กน้อย บุรินทร์ยิ้ม มองกันไปมาอยู่อย่างนั้นจนลืมไปแล้วมั้งว่ามีเธออยู่ตรงนี้อีกคน
สาริศากอดอกมองทั้งสองคนแล้วก็ค่อยกลอกตามองไฟที่ฝ้าเพดานด้านบน อยากพาตัวเองเดินออกจากฉากเจ้านายสุดหล่อกับลูกน้องสาวคู่ใจสุดสวยนี่เหลือเกิน
ในสมองของเธอตอนนี้ คอยแต่นับเวลาถอยหลังว่าเมื่อไรจะครบสามเดือนที่ต้องดูงานที่นี่เสียที เอาเข้าจริง สามวันเธอก็รู้ระบบงานหมดแล้ว