EP.3 อาน่านฟ้า กับ หนูแสงดาว
“แบบนั้นก็ดี แต่นายต้องไปเรียนต่อที่อเมริกาไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะฝากเธอไว้กับพี่สมบัติและพี่เอื้องคำ คงต้องรบกวนนายให้ช่วยเข้าไปดูแลเธอที่ปางไม้ด้วย ฉันจะรับเด็กคนนี้เป็นเด็กในการปกครองของฉันจนกว่าเธอจะได้เจอครอบครัวของเธอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเป็นบุตรชายคนเดียว ไม่มีพี่น้องหรือญาติสนิทที่ไหน ถ้าเกิดว่าเธอไม่มีครอบครัวเขาก็จะรับเธอเอาไว้เป็นคนในครอบครัวของเขาในฐานะ...น้องสาว
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยดูแลเธอจนกว่านายจะกลับมา”
“ขอบใจนายมาก” น่านฟ้ายื่นมือไปตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะหันไปสอบถามหมอ “แล้วอีกนานแค่ไหนครับกว่าเธอจะจำทุกอย่างได้”
“เรื่องนี้หมอเองก็ตอบไม่ได้ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจยิ่งเปราะบางครับ เราคงต้องค่อยๆ รักษาไปตามอาการ และพาเธอไปยังสถานที่ที่เธอคุ้นเคยอาจจะทำให้ความจำของเธอกลับมาในเร็ววัน”
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ด้วยความวิตก เพราะนอกจากเธอจะจำอะไรไม่ได้แล้ว เธอยังไม่พกเอกสารอะไรที่สามารถระบุตัวตนของเธอได้เลยสักอย่าง จึงกลายเป็นว่าการสืบหาประวัติและครอบครัวของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย
เจ้าของมือเล็กกุมมือหนาเอาไว้แน่น ด้วยหวาดกลัวผู้คนที่อยู่รายล้อมตัวเธอ เด็กสาวไม่ยอมปล่อยมือพ่อเลี้ยงน่านฟ้า ซ้ำยังแอบอยู่ข้างหลังคนตัวโตเมื่อเห็นคนอื่นๆ ในปางไม้มองมายังเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น ยามนี้คนที่เธอยอมคุยด้วยมีเพียง 4 คนเท่านั้น นั่นก็คือพ่อเลี้ยงน่านฟ้า นายตำรวจณรงค์วิทย์ คุณหมอ และนายมิ่งคนขับรถ
“ไม่ต้องกลัวหรอก ทุกคนในปางไม้วงศ์ภูริเป็นเหมือนญาติสนิทของฉัน ถ้าหนูไว้ใจฉันหนูก็สามารถไว้ใจพวกเขาได้” คนตัวโตกว่าก้มลงมากระซิบบอกเด็กน้อยที่แอบอยู่ด้านหลังเขา
“หนูกลัวค่ะ” เด็กสาวมองไปทีละคนด้วยท่าทางหวาดกลัว กลัวว่าจะเจอเจ้าของเงามืดในความฝัน ฝันที่ต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่หลับตา ฝันร้ายที่พรากความสุขไปจากชีวิตเด็กหญิงวัย 14 ปีอย่างเธอ
“ไม่ต้องกลัวที่นี่ปลอดภัย ทุกคนที่นี่จะดูแลหนูเหมือนที่ฉันดูแล” พ่อเลี้ยงน่านฟ้าลูบลงที่ศีรษะของเด็กสาวเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอเพื่อให้กำลังใจ นั่นล่ะเธอจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วมองไปยังทุกคนอีกครั้ง เมื่อเปิดใจเธอจึงเห็นว่าทุกคนยิ้มและมองมายังเธอด้วยท่าทางเป็นห่วง พวกเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอจินตนาการเอาไว้เลยสักนิด
“ทุกคนคงรู้เรื่องแล้ว ฉันขอให้ทุกคนช่วยดูแลเธอด้วย โดยเฉพาะพี่สมบัติกับพี่เอื้องผมคงต้องฝากเธอไว้กับพี่นะครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะหันไปกำชับกับคนเก่าคนแก่ของปางไม้วงศ์ภูริ
“ไม่มีปัญหาค่ะพ่อเลี้ยง ฉันกับพี่สมบัติไม่มีลูก จะช่วยดูแลหนูคนนี้อย่างดีที่สุดเลยค่ะ ว่าแต่หนูคนนี้ชื่ออะไรเหรอคะ” เอื้องคำยิ้มแย้มมองหน้าเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
“...” พ่อเลี้ยงนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ เขาลืมไปเลยว่าเด็กสาวต้องมีชื่อ จะเรียกว่า ‘หนู’ ไปตลอดคงไม่ได้แน่
“หนูจำชื่อตัวเองไม่ได้ค่ะ” เด็กสาวตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พ่อเลี้ยงน่านฟ้าเห็นดังนั้นจึงเปลี่ยนจากการกุมมือเธอไว้เป็นโอบกอดไหล่เธอด้วยแขนข้างหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงให้ความสูงเท่ากับเธอเพื่อจะได้มองใบหน้าของเด็กสาวได้อย่างชัดเจน
“ฉันจะตั้งชื่อให้หนูเอง” ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาสุกใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ขนาดว่าเธอกำลังเศร้าและหวาดกลัว ดวงตาของเธอก็ยังงดงามจนแทบไม่อาจละสายตา เขาไม่อยากคิดเลยว่าหากว่าเธอยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอจะยิ่งงดงามสักเพียงใด
“ฉันจะตั้งชื่อหนูว่า...แสงดาว ดีมั้ย”
เด็กสาวพยักหน้ารับทันทีก่อนจะยิ้มกว้างอย่างพอใจเมื่อได้ชื่อที่ไพเราะ ณ เวลานี้โลกทั้งใบของเด็กสาวมีเพียงพ่อเลี้ยงน่านฟ้าผู้ที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะบอกหรือสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็พร้อมจะทำ เพราะเธอรักและเชื่อมั่นในตัวเขา และยึดเขาไว้เป็นเสาหลักเพื่อให้หัวใจที่อ่อนล้าของเธอได้พักพิงอย่างสงบ
“พี่เอื้องช่วยพาแสงดาวไปที่ห้องนอนที่ผมสั่งให้จัดเอาไว้ด้วยครับ”
“ได้ค่ะพ่อเลี้ยง” เอื้องคำปราดเข้ามาจูงมือแสงดาว แต่เธอกลับตัวสั่นแล้วสะบัดมือออกจากการจับจูงอย่างรวดเร็ว แล้วจึงหันไปมองพ่อเลี้ยงอย่างขอความช่วยเหลือ
“ไม่ต้องกลัวนะแสงดาว ป้าเอื้องไว้ใจได้ ลุงสมบัติก็ใจดี ทุกคนจะรักหนูอย่างที่ฉันรักหนูนะ” พ่อเลี้ยงน่านฟ้าปลอบประโลมเด็กสาวจนเธอหายตกใจและยอมตามเอื้องคำไปแต่โดยดี พ่อเลี้ยงหนุ่มมองเด็กหญิงผอมแห้งติดจะเก้งก้างเดินไปจนลับสายตา ความรู้สึกที่ต้องปกป้องเด็กคนนี้ทำให้หัวใจของเขาพองโตขึ้นอย่างน่าประหลาด
“ดูท่าหนูแสงดาวจะติดพ่อเลี้ยงมากเลยนะครับ” สมบัติพูดขึ้นแล้วมองหน้าเจ้านายหนุ่มด้วยท่าทางหนักใจ เป็นอันรู้กันว่าเจ้านายหนุ่มเลื่อนวันเดินทางไปกรุงเทพฯ ได้สามวัน แต่ไม่สามารถเลื่อนเที่ยวบินไปอเมริกาได้ อย่างไรเสียวันพรุ่งนี้พ่อเลี้ยงน่านฟ้าก็ต้องเดินทางไปอเมริกา แล้วแสงดาวล่ะจะเป็นอย่างไร
“ผมจะบอกแสงดาวเองครับพี่สมบัติ” พ่อเลี้ยงถอนหายใจด้วยความหนักใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาณรงค์วิทย์เพื่อพูดคุยถึงความคืบหน้าในการตามหาครอบครัวของแสงดาว เด็กสาวหายตัวออกมาถึงสองวันเช่นนี้ อย่างไรเสียผู้ปกครองก็ต้องออกตามหาและแจ้งความเอาไว้แน่ๆ
“ไม่มีวี่แววอะไรเลยว่ะน่าน” ณรงค์วิทย์ตอบกลับมาแทบจะทันทีที่กดรับสายโทรศัพท์
“ไม่มีใครมาแจ้งความตามหาคนหายเลยเหรอวะ” พ่อเลี้ยงทวนถามอย่างไม่อยากเชื่อ เด็กสาวหน้าตาน่ารักแบบแสงดาว ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ควรจะร้อนใจแล้วรีบเร่งตามหามิใช่หรือ...
“ไม่มีเลย ฉันเช็กหมดแล้วทั้งในจังหวัดของเราและจังหวัดใกล้เคียง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะติดต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ด้วย”
“ฝากด้วยนะเพราะพรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางแล้ว รบกวนให้นายช่วยมาเป็นเพื่อนเล่นพูดคุยกับแสงดาวหน่อย ฉันไม่อยากให้เธอเหงา เผื่อว่าการออกไปเที่ยวเล่นนอกปางไม้จะทำให้เธอเจอสถานที่ที่คุ้นเคยแล้วจำอะไรได้บ้าง”