EP.2 เด็กหญิงปริศนา

1210 Words
EP.2 เด็กหญิงปริศนา “ครับพ่อเลี้ยง เด็กปลอดภัยแล้วครับ แต่ตามร่างกายมีแผลฟกช้ำจากการถูกทุบตี ส่วนคราบเลือดที่ติดอยู่ตามตัวเด็กไม่ใช่เลือดของเธอครับ” นายแพทย์อธิบายอาการของเด็กหญิงด้วยความแปลกใจ “ว่าแต่พ่อเลี้ยงพอจะทราบมั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กถึงมีสภาพเช่นนี้” “ผมไม่ทราบเลยครับคุณหมอ เธอวิ่งมาตัดหน้ารถผมก่อนจะสลบไป” “พ่อเลี้ยงควรแจ้งความเอาไว้นะครับ เพราะดูจากเลือดเป็นจำนวนมากที่ติดตามเนื้อตัวของเด็ก ผมเกรงว่า...” หมอสูงวัยมีท่าทางครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด “ครับ ผมจะแจ้งความเพื่อให้ตำรวจมาเก็บหลักฐานเอาไว้” เจ้าของปางไม้พยักหน้าช้าๆ อย่างเห็นด้วยกับหมอ ไม่ว่าเลือดเหล่านั้นจะเป็นเลือดของใคร แต่อาการของอีกฝ่ายคงสาหัสปางตายแน่ๆ ที่เขาได้แต่ภาวนาก็คือขออย่าให้เด็กหญิงเป็นฆาตกรฆ่าใครเลย เธอยังดูเด็กและน่าสงสารเกินกว่าที่จะต้องมารับโทษ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับพ่อเลี้ยง อีกสักครู่พ่อเลี้ยงก็เข้าไปเยี่ยมคนไข้ได้เลย ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องพักครับ” “ขอบคุณมากครับคุณหมอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยขอบคุณก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ “มีอะไรวะน่าน” ณรงค์วิทย์รับโทรศัพท์ทันทีเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นใคร “ฉันมีเรื่องให้แกช่วยหน่อย อยากให้แกเป็นคนทำคดีนี้...” พ่อเลี้ยงหนุ่มเล่าเหตุการณ์และข้อสันนิษฐานเบื้องต้นให้เพื่อนซี้ฟังก่อนจะวางสายแล้วเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยทันที ร่างผอมบอบบางนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง น่านฟ้าพิจารณาเด็กหญิงอย่างละเอียด เมื่อใบหน้าของเด็กหญิงถูกทำความสะอาดปราศจากคราบเลือด ฝุ่น ไคลจนหมดจด เขาจึงได้เห็นเต็มตาว่าเด็กหญิงมีใบหน้าหวาน ขนตายาวงอน ผิวขาวละเอียด อีกไม่กี่ปีเมื่อเธอโตเป็นสาวคงจะสวยจนหนุ่มๆ ทั่วทั้งบางต้องมองตามจนเหลียวหลังเป็นแน่ ดูจากรูปร่างเธอในตอนนี้ก็เดาได้ว่าเด็กสาวน่าจะมีอายุแค่เพียง 14-15 ปีเท่านั้น ว่าแต่เด็กคนนี้เป็นใคร! เหตุใดจึงมาอยู่ที่หน้าปางไม้ของเขาได้... “พ่อเลี้ยงครับ เด็กขยับตัวฟื้นแล้วครับ” นายมิ่งร้องขึ้นเมื่อเห็นมือของเด็กสาวขยับ พ่อเลี้ยงหลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะมองไปที่เด็กสาวที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ กรี๊ด! ทันทีที่เธอเห็นชายแปลกหน้าสองคนอยู่ข้างตัวเธอ เด็กสาวก็หวีดร้องด้วยความตกใจ “อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามา! หนูกลัวแล้ว! กลัวแล้ว! อย่าฆ่าหนู!” เด็กสาวตัวสั่นเทา ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัว พ่อเลี้ยงหนุ่มและคนขับรถถึงกับยืนอึ้งเมื่อได้ยินดังนั้น สองหนุ่มต่างฐานะมองหน้ากันก่อนที่พ่อเลี้ยงจะหันไปบอกคนขับรถให้ออกไปก่อน “นายออกไปก่อนแล้วโทรหาณรงค์วิทย์ให้มาหาฉันที่นี่ด้วย” “ครับพ่อเลี้ยง” มิ่งรับคำแต่ยังไม่วายเหลือบมองไปที่เด็กสาว ซึ่งบัดนี้เธอคว้าแจกันมาถือเอาไว้ พร้อมที่จะฟาดทุกคนที่ก้าวเข้าไปใกล้ตัวเธอ “ใจเย็นๆ นะหนู” พ่อเลี้ยงน่านฟ้าใช้น้ำเสียงนุ่มค่อยๆ อธิบายให้เด็กหญิงฟัง ด้วยตระหนักดีว่าเธอกำลังเสียขวัญจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเธอพบเจอกับอะไรมาถึงได้ดูหวาดกลัวและไม่ยอมไว้ใจใคร “ฉันไม่ใช่คนร้าย ฉันเป็นคนช่วยเธอ จำได้หรือเปล่าเธอวิ่งมาตัดหน้ารถฉันก่อนจะล้มลง” “หนูจำไม่ได้...หนูจำไม่ได้เลย” เด็กหญิงเปลี่ยนท่าที เธอดูสับสนจนกลอกดวงตากลมโตไปมา “ถ้าอย่างนั้นหนูพอจะบอกฉันได้มั้ยว่าหนูชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ฉันจะโทรให้ครอบครัวของหนูมารับหนูกลับ หนูจะได้ปลอดภัยยังไงล่ะ” ชายหนุ่มเกลี้ยกล่อม เขาเลือกที่จะยืนอยู่ห่างๆ ไม่เดินเข้าไปใกล้จนเด็กสาวหวาดกลัว “...” เด็กสาวนิ่งเงียบ หน้าถอดสีจนซีดขาว มือทั้งสองข้างกำผ้าห่มเอาไว้แน่น ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังถล่มลงตรงหน้าเธอ “หนูไม่รู้ หนูไม่รู้” จู่ๆ เด็กสาวร้องไห้โฮออกมา พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่รู้จะปลอบสาวน้อยตรงหน้าอย่างไร ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อถามเธอ “หนูเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บปวดตรงไหน” พูดพลางเอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่ เพราะดูอาการเด็กสาวแล้วคงต้องให้แพทย์เข้ามาช่วยดูแล “หนูกลัว หนูจำไม่ได้ว่าหนูชื่ออะไรค่ะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองพ่อเลี้ยงหนุ่ม ประกายตาหวาดหวั่นเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา ไหลอาบแก้มนวลเป็นสาย หัวใจของพ่อเลี้ยงกระตุกวูบก่อนจะรวบตัวเธอเข้ามากอดโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ เขารู้แต่เพียงว่าเด็กคนนี้กำลังกลัว จะปล่อยให้ความกลัวกัดกินหัวใจเธอจนบอบช้ำมากไปกว่านี้ไม่ได้ เด็กสาวสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น น่าแปลกเหลือเกินที่ความเจ็บปวดและความหวาดกลัวเมื่อครู่ค่อยๆ คลายลง แม้จะไม่หายไปเสียทั้งหมด แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยว่าอ้อมกอดแข็งแกร่งนี้จะสามารถปกป้องเธอจากอันตรายทั้งปวงได้ นายแพทย์ทำการตรวจเช็กสมองของเด็กสาวอย่างละเอียด แล้วก็พบว่าสมองของเด็กสาวน่าจะได้รับการกระทบกระเทือน การกระทบกระเทือนที่พูดถึงนั้นไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้ายเพราะบริเวณศีรษะไม่มีรอยแผลหรือรอยฟกช้ำใดๆ หมอสูงวัยจึงวินิจฉัยอาการของเด็กสาวว่าอาจเกิดจากการช็อก จนร่างกายลบเลือนความทรงจำไปจนหมด ซึ่งหมอและนายตำรวจหนุ่มได้ร่วมกันสันนิษฐานว่าเธออาจหนีใครบางคน เกิดการต่อสู้จนทำให้เกิดคราบเลือดติดตัวเด็กสาวมา เธอคงจะหวาดกลัว ช็อก จนทำให้ความทรงจำหายไป “น่าสงสาร” พ่อเลี้ยงน่านฟ้าถอนหายใจออกมาช้าๆ แล้วมองไปยังร่างบอบบางที่นอนอยู่บนเตียง เธอหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็เอาแต่ร้องไห้ที่จำอะไรไม่ได้จนอาจทำให้สุขภาพแย่ลงกว่าเดิม “ไม่ต้องห่วงนะไอ้น่าน ฉันจะช่วยตามสืบเรื่องนี้จนถึงที่สุด ว่าแต่...” ณรงค์วิทย์มองไปยังเด็กสาวบนเตียงก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อน “นายจะเอายังไงกับเด็กคนนี้ต่อไป” “ฉันจะดูแลเธอเอง อย่างน้อยในปางไม้ของฉันก็ปลอดภัยสำหรับเธอ ถ้าให้ไปอยู่ที่อื่นฉันไม่ไว้ใจ” พ่อเลี้ยงน่านฟ้าพูดขึ้น ความรู้สึกห่วงใยและเอื้ออาทรต่อเด็กสาวที่ตกทุกข์ได้ยากทำให้เขาไม่อาจปล่อยมือเธอไปได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD