เสิ่นเยียนฟางที่ตอนนี้ปวดท้องอยู่เล็กน้อยนอนอยู่ในห้อง นางกำลังคิดว่าจะทำเต้าหุูกับปลูกผักขาย ไหนๆก็ต้องอยู่กับตาทึ่มนี่เป็นผัวเมียกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องปรึกษาเขาก่อน บัณฑิตบางคนอับอายที่พ่อแม่ค้าขาย เมียเป็นแม่ค้า หากรับไม่ได้ก็ขอหย่าก้สิ้นเรื่อง ใครจะแบกหน้าตาแต่ท้องหิวกันเล่า
เสิ่นเยี่ยนฟางพยายามเดินออกมาข้างนอกเห็นเมิ่งลู่เจินกำลังนั่งสานตะกร้าก็มองอย่างสนใจ ก่อนจะไปนั่งข้างๆสองมือเท้าคางมองดูมือเล็กๆคู่นั้นทำงานอย่างคล่องแคล่ว เมิ่งลู่เจินเงยหน้ามายิ้มให้พี่สะใภ้ก่อนจะทำงานในมือต่อ
เสิ่นเยี่ยนฟางเคยได้ฝึกงานฝีมืออยู่สามปีเพราะคุณปู่เข้มงวดมาก ตอนนั้นนางเป็นคนใจร้อนเอะอะก็ท้าตีท้าต่อย จนกระทั่งคุณพ่อทนไม่ไหวกลัวลูกสาวจะไปหาเรื่องชาวบ้านจนบานปลายจึงจับมาอยู่ชนบทให้คุณปู่อบรม
คุณปู่ฝึกให้เธอเริ่มจากงานในไร่ เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักจนกระทั่งงานฝีมือ เพื่อให้เธอมีสมาธิและจิตใจเย็นขึ้นจากนั้นมาหลิวเยี่ยนฟางคนนั้นก็มีวิชาชีพติดตัวไม่น้อย ตอนฝึกอยู่กลางป่าเอาตัวรอดได้ดีที่สุดจนครูฝึกยังชม
เสิ่นเยี่ยนฟางคนเดิมมีฝีมือปักผ้า มีแรงเยอะอามาทำอะไรดีให้เกิดเม็ดเงินนะ ก่อนจะนึกได้จึงถามเมิ่งลู่เจิน
"นี่อาเจิน พี่อยากรู้ว่าที่นี่ใช้เครื่องจักสานจากหวายหรือไม่"
"หวายหรือ คือสิ่งใดขอรับพี่สะใภ้แล้วนำมาสานได้หรือขอรับ"
"หวายหรือเป็นพืขชนิดหนึ่งน่ะ นำมาสานได้ที่สำคัญยังทนทานกกว่าไม้ไผ่อีกด้วย พี่อยากหายไวๆจัง ดูลานหน้าบ้านสิ หญ้าสูงท่วมหัวพวกเราแล้ว"
"ที่นี่ไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วขอรับตั้งแต่."
ใบหน้าเล็กก้มลง น้ำตาคลอเบ้า เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นน้ำตาหยดลงที่ขากางเกงจนเป็นสีเข้มก็ลุกเข้าไปกอด ลูบหลังให้เขา
"อาเจิน หากมีอะไรอยากระบายพี่ยินดีรับฟังนะ เจ้าอย่าคิดว่าพี่เป็นคนอื่น บางทีการร้องไห้ออกมาก็ทำให้เราปลอดโปร่งได้ อย่าเก็บเอาไว้จนตัวเองทุกข์ใจ"
"ฮือๆๆๆ พี่สะใภ้เมื่อก่อนข้ากับพี่ใหญ่มีความสุขมากๆเลยขอรับ จนกระทั่งท่านแม่ทิ้งพวกเราไปฮือๆๆๆ"
"ห๊ะ มารดาเจ้าหรือแล้วบิดาล่ะ"
"ท่านแม่ทิ้งพวกเราไป ท่านพ่อก็เอาแต่เมามายจนกระทั่งสองปีก่อนท่านพ่อเมาแล้วพลัดตกไปในแม่น้ำ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ท่านปู่กับท่านย่าเห็นว่าพวกเราเป็นภาระจึงรังเกียจ แต่พี่ใหญ่สอบซิ่วไฉได้ก็อยากได้ผลประโยชน์ เวลาท่านย่าโมโหมักจะด่าเราสองคนว่าลูกโสเภณี ร่านราคะวิ่งหนีตามชู้ทิ้งมารหัวขนเอาไว้ให้ ฮือๆๆๆ"
เสิ่นเยี่ยนฟางกอดเด้กน้อยเอาไว้ปลอบใจพักใหญ่ ก่อนจะดันบ่าเล็กออกแล้วมองหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"นี่เด็กดี เขาบอกว่าพี่ชายคนโตก็เปรียบเหมือนบิดา พี่สะใภ้ก็เปรียบเหมือนมารดางั้นจากนี้ไปให้พี่สะใภ้เป็นท่านแม่ให้เจ้าดีหรือไม่ อีกหน่อยพอพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามีเจ้าตัวน้อยเจ้าก็ได้เป็นท่านอา แต่ตอนนี้ต้องเข้มแข็งห้ามทำตัวอ่อนแอ พี่ใหญ่เจ้าป่วยอยู่อย่าทำให้เขาเป็นห่วง เขารักเจ้ามากนะ"
"ข้ารู้ข้าเข้าใจขอรับ ว่าแต่ท่านแม่เหตุใดต้องทิ้งข้ากับท่านพ่อไป ข้าไม่เข้าใจ"
"อาเจิน ผู้ใหญ่อาจมีเหตุผลที่ไม่สามารถพูดหรือบอกออกมาได้ เจ้าโตขึ้นพยายามทำทุกอย่างให้รอบคอบ เวลาทำสิ่งใดใช้สติให้มากๆ เรื่องของผุ้ใหญ่อย่าไปคิดแทนพวกเขาเลย มานี่พี่จะสอนสานลายแปลกๆ พี่สานได้นะแต่อาจช้าสักหน่อย เดี๋ยวพี่จะค่อยๆบอกเจ้านะ"
ทั้งสองคนช่วยกันสานตะกร้า เมิ่งหย่งชวนมานานแล้ว เขาได้ยินทุกคำพุดของนาง นางอ่อนโยนกับน้องชายเขายิ่งนัก ช่างเป็นสตรีอบอุ่นเหลือเกิน แต่กับเขาแทบจะฆ่าให้ตาย
แต่เมื่อกี้นางบอกว่าจะมีเจ้าตัวเล็กกับเขาให้อาเจินเลี้ยง ถึงเขาจะรู้ว่าเป็นคำพูดปลอบใจน้องชายเขาแแล้วอย่างไร เขาถือว่านั่นเป็นคำสัญญาแล้วกัน ต้องขยันสักหน่อยเดี๋ยวเมียท้องว่างแล้วมีเวลาฟุ้งซ่าน
เมิ่งหย่งชวนเดินไปหาทั้งสองคนก่อนจะนั่งลง มองเสิ่นเยี่ยนฟางสอนน้องชายเขาสานตะกร้าเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดุแล้วแปลกตาไม่น้อย หากไปวางขายอาเจินคงดีใจที่หาเงินได้ เมิ่งหย่งชวนเอ่ยถามเสิ่นเยี่ยนฟาง
"เสี่ยวฟาง อาการปวดท้องเจ้าอย่างไรบ้าง เจ้าควรนอนพักไม่ใช่ออกมานั่งตากลมหน้าบ้านเช่นนี้"
"นอนอย่างเดียวมันอุดอู้นี่ เอ่อเจ้ามาก็ดีแล้วตาทึ่ม ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาเจ้าสักหน่อย"
"เรียกข้าท่านพี่ บอกแล้วว่าอย่าเรียกข้าว่าตาทึ่มกับไอ้เด็กบ้า หากมีคำปะหลาดอีกข้าลงโทษเจ้าจริงจังแน่ๆ"
เสิ่นเยี่ยนฟางยู่ปากใส่เขา จากนั้นก็หันไปสนใจเมิ่งลู่เจิน ยามอู่แล้วแสงแดดเริ่มแรงขึ้น เสิ่นเยี่ยนฟางหันไปทางเมิ่งหย่งชวนจากนั้นก็เอ่ยในสิ่งที่ต้องการออกมา
"เมิ่งหย่งชวน ข้า"
"แฮ่มๆๆเรียกท่านพี่ เสิ่นเยี่ยนฟางสอนยากสอนเย็นนักนะ"
"โว๊ะ ท่านพี่ก็ ท่านพี่สิ นี่ท่านพี่หย่งชวนข้างอยากดายหญ้าหน้าบ้าน อยากปลุกผัก อยากค้าขายเจ้าค่ะท่านพี่หย่งชวนจะสงเคราะห์ภรรยาผู้นี้ได้หรือไม่"
"เจ้านี่มันให้ตายสิเด็กบ้า อีกอย่างพื้นที่แค่นี้นอกจากปลูกไว้กินจะปลูกขายคงยากสักหน่อย เจ้าอยากค้าขายสิ่งใดบอกมาก่อน"
"ข้าอยากขายเต้าหู้ ขายถั่วงอกขายผัก ที่ดินบ้านท่านสามารถปลูกผักได้ ข้ามีวิธีอีกอย่างลำธารหลังบ้านสามารถกักไว้เลี้ยงปลาได้ เดิมทีค้าขายไม่ยากแต่เพราะท่านเป็นบัณฑิต เขาว่าบัณฑิตมักหน้าบาง แต่ว่าบัณฑิตก็ต้องกินข้าวหรือไม่เล่า ลำพังเงินเดือนซิ่วไฉของท่านจะพอเลี้ยงสามคนได้อย่างไร ไหนจะค่ากระดาษ ค่าหมึกค่าพู่กันที่ท่านต้องใช้เรียนอีก ข้าตั้งใจจะส่งอาเจินไปเรียนด้วย"
" เจ้าอยากค้าขายหรือ เสี่ยวฟางแต่สิ่งที่เจ้าเอ่ยมาเหตุใดข้ามิเคยได้ยินสักอย่าง แล้วอีกอย่างเลี้ยงปลาขายหรือ ปลามีกลิ่นคาวมากนักคนไม่นิยมทำอาหารหรอก "
"ข้ามีอีกหลายอย่างที่ท่านไม่รู้ ว่าแต่เรื่องค้าขายท่านมีปัญหาหรือไม่ อาเจินต้องเรียนหนังสือแม้ว่าไม่สอบขุนนางก็ควรดูบัญชีเป็น"
"พี่สะใภ้ ค่าเล่าเรียนแพงนักท่านอย่ามาสิ้นเปลืองกับคนโง่เขลาเช่นข้าเลยขอรับ ให้พี่ใหญ่เรียนคนเดียวนั่นแหละดีแล้ว"
"อาเจิน นกต้องมีขนคนต้องมีความรู้จึงสามารถบินขึ้นที่สูงได้ เจ้าอย่าดูถูกตนเองอย่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม หากอนาคตต้องแต่งงานสตรีดีๆมีมากมายแต่เจ้าต้องทำตัวให้คู่ควรกับพวกนาง"
"อาเจินพี่สะใภ้เจ้าหวังดีอย่าทำลายความตั้งใจนางเลย เอาเป็นว่าข้ายอมให้เจ้าค้าขาย บัณฑิตก็ต้องกินข้าว เสื้อผ้าต้องสวมใส่ ตราบใดที่เจ้าไม่ไปแย่งชิงผู้อื่นเหตุใดข้าต้องอับอายด้วยเล่า"
เมิ่งหย่งชวนอยากให้น้องชายได้เรียนเช่นกัน ที่เขาไปเมืองหลวงนั้นไม่มีใครู้ว่าเขาไปทำไมแม้แต่อาเจิน สกุลลู่ข้าจะทำให้พวกท่านต้องก้มหัวให้ข้าลูกชาวนาคนนี้ เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นเขาตกลงไม่ว่าอันใดก็ถามถึงโม่ที่ให้ไปซื้อ
"แล้วโม่หินของข้าเล่า เมื่อไหร่จะได้กัน ข้าอยากลองทำเต้าหู้แล้วนะ"
"ท่านปู่เก้าบอกว่าอีกสองวันจะมาส่งให้ เจ้าเข้าไปนอนได้แล้วอากาศเย็นลงแล้ว ดูท่าคืนนี้ฝนคงตกอีก บางทีอาจเข้าหน้าฝนแล้วกระมัง"
"ข้ายังงพอไหว ข้าไปทำอาหารให้พวกเจ้าดีกว่า จะได้ทำเผื่อมื้อเย็นไปด้วยเลย ถึงเวลานั้นก้แค่อุ่นเอา"
"พี่สะใภ้ขอรับ ไม่มีใครกินมื้อเที่ยงกันหรอกขอรับ มันสิ้นเปลือง"
"เจ้ากำลังโต ต้องกินอาหารบำรุงอีกอย่างท่านหมอจ้าวบอกแล้วว่าร่างกายพี่ชายเจ้าต้องบำรุง เมื่อวานพี่ซื้อหมูมาเดี๋ยวจะตุ๋นให้กิน อืมอยากได้ปลาสักสองตัวพี่จะลองไปดูว่าจับได้ไหม"
เมิ่งหย่งชวนอุ้มนางขึ้นพาดบ่าพาเดินเข้าห้องทันที เสิ่นเยี่ยนฟางทุบหลังเขารัวๆ ตาบ้านี่เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ
"เมิ่งหย่งชวนท่านทำอะไร ข้าจะไปจับปลามาบำรุงท่านกับอาเจินนะ"
"ท่านย่าเสิ่นบอกว่าเจ้าไม่ควรถูกน้ำเย็น เดี๋ยวข้าไปจับเองติดเตาเสร็จจะเรียกเจ้า ข้ารู้ว่าอาหารสองวันมานี้ไม่ถูกปากจึงอยากทำกินเอง แต่เรื่องจับปลาไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรทำ"
"แค่จับปลาจะอะไรนักหนา ข้าแค่มีระดูไม่ได้ป่วยขนาด อื้อออออ"
เมิ่งหย่งชวนปิดปากคนตัวเล็กทันที เถียงให้ได้ทุกคำเขาคิดถูกต้องให้นางมีลูกให้เขานั่นแหละจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน รอให้นางหายต่อต้านก่อนค่อยรวบรัดทีเดียว
เสิ่นเยี่ยนฟางที่ทุบเขาผลักเขาแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ยอมเมิ่งหย่งชวนในที่สุด คนตัวสูงที่เริ่มติดใจก็ไม่อยากออกจากห้องเสียแล้ว ได้แต่ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย
"อย่าดื้อ เมื่อคืนเจ้าไข้ขึ้นสูงข้าต้องเช็ดตัวถึงสองรอบ หรือเจ้าอยากให้ข้าเช็ดตัวให้บ่อยๆ ตัวเจ้านุ่มนิ่มขนาดนี้ข้าชอบนะเช็ดทั้งคืนยังได้แม่ตัวดี"
"ท่าน ท่านเองก็ป่วยงั้นปลากินวันหลังก็ได้ อย่าไปถูกน้ำเย็นเลย"