“ตามมาสิครับ” เสียงนุ่มทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของพ่อบ้านฮันเอ่ยบอกกับเบต้าที่เพิ่งมาถึงบ้านสกุลวัฒนาได้ไม่นานไม่ทันที่จะถอดกระเป๋าที่สะพายอยู่ด้านข้างด้วยซ้ำ ทำให้หยดเทียนรีบพยักหน้าตกปากรับคำทันทีแล้วโยนสัมภาระที่มีเข้าล็อกเกอร์ แล้วเดินตามหลังของอัลฟ่าวัยกลางคนไปอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร
ฮันเดินนำหน้าลูกน้องเข้ามายังห้องเก็บของเก่าที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวถัดจากด้านหลังโรงอาหารของพนักงานมาค่อนข้างไกลอยู่พอควร ฝีเท้าชะงักกึกหยุดนิ่งตามผู้ที่อยู่ด้านหน้าพร้อมมองสำรวจสิ่งของเปื้อนฝุ่นที่อยู่รอบกายอย่างสงสัย ว่าทำไมพ่อบ้านต้องพาเขาที่นี่ จะให้เขาทำความสะอาดที่นี่หรือ?
“ให้ผมทำความสะอาดที่นี่หรือครับ?” สองมือประสานไว้ข้างหน้าด้วยความเคยตัวแล้วจึงเอ่ยถาม
พ่อบ้านเอี่ยวใบหน้าให้เห็นสันจมูกโด่งเพียงเล็กน้อยแล้วเงียบไม่พูดจาโต้ตอบ ก่อนในอีกไม่กี่วินาทีถัดมาชายอัลฟ่าจะยกฝ่ามือเหี่ยวย่นประทับลงบนกำแพงสีหม่นแล้วกดมือลงไปเบาๆ ราวกับว่ากำแพงบริเวณนั้นอ่อนตัวคล้ายกับสวิตช์ควบคุมอะไรบางอย่าง แล้วเปลี่ยนกลับมาไพล่ไว้ด้านหลังดั่งเดิม
“ครืน...” ฝ่าเท้าที่จั้งสัมผัสพื้นรับรู้ถึงการสั่นไหวที่มาพร้อมกับเสียงบางสิ่งที่มีน้ำหนักกำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า เบต้าชะโงกหน้าไล่ตาหาสาเหตุอย่างตระหนกทว่ามองซ้ายมองขวาก็ไม่พบ กระทั่งเมื่อหลุบมองต่ำดูบนพื้นจึงเห็นว่า พื้นที่ขัดเงาเปื้อนฝุ่นตรงหน้าพ่อบ้านนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่คล้ายประตูที่มีบันไดลงไปยังที่ใดสักที่โผล่ขึ้นมาแทน
หยดเทียนกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกหวั่น สถานที่ที่ไม่คุ้นตาและลึกลับซับซ้อนมักซ่อนความดำมืดของสถานที่แห่งนั้นเอาไว้ตามที่เขาได้อ่านจากหนังสือนวนิยาย และได้ดูจากภาพยนตร์หลายเรื่อง จึงทำให้เบต้าอกสั่นผวาระแวงสิ่งรอบข้างไปหมดไม่เว้นแม้แต่พ่อบ้าน
ฮันรอจนกำแพงที่ค่อยๆ เคลื่อนออกหยุดลงกับที่ แล้วเดินก้าวเท้าเหยียบขั้นบันไดลงไปด้านล่างโดยที่ไม่บอกกล่าวผู้ที่ยืนสั่นอยู่ด้านหลังสักคำ ดวงตาเบิกโตเมื่อเห็นว่าคนที่ออกคำสั่งให้ตามมาเดินนำหน้าลงไปแล้ว และรู้ทันทีว่าเขาเองก็ต้องลงไปข้างล่างตามติดเจ้านายอย่างปฏิเสธคำสั่งไม่ได้ เขาสูดหายใจฮึดสู้แล้วค่อยๆ วางฝีเท้าอันสั่นเครือลงเหยียบพื้นเย็นเฉียบของพื้นบันไดขั้นแรกด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ แล้วจึงเริ่มขยับฝีเท้าก้าวลงไปทีละขั้น
เสียงพื้นรองเท้าเหยียบย้ำสัมผัสกับของเหลวชื้นแฉะดังขึ้นตลอดโถงทางเดินที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด กลิ่นอับของอากาศคละเคลากับกลิ่นสนิมลอยตีขึ้นจมูกจนแสบแสนไปทั่วศีรษะ ร่างสันทัดเดินขบปากงมทางอยู่ตามลำพังอย่างน่าสงสาร เขาถูกบังคับให้ย้ำไปด้านหน้าบนทางที่ชื้นแฉะไปเรื่อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งกลัวทั้งระแวงไปทุกหนทางแม้เสียงหยดน้ำกระทบพื้นยังทำให้หยดเทียนสะดุ้งขนลุกไปทั้งตัวได้
“อึก..ไปไหนกันหมด พะ พ่อบ้านอยู่ไหน..” ร่างเล็กแอบกระตุกไหล่ผวาเมื่อเสียงที่ตนเอ่ยออกมาดังสะท้อนกลับดั่งเสียงแอ็คโคในหนังสยองขวัญให้วิญญาณคนสวนหนีหาย
ใจหวิวลอยโหวงเหวงอยู่ในความมืดอยู่นานจนกระทั่งแสงสลัวร่ำไรเป็นให้ลักษณ์ของความปลอดภัยอยู่ปลายทางเดิน ร่างบางคลี่รอยยิ้มดีใจแล้วรีบก้าวเท้าตามไปทีละนิด จนในที่สุดเขาก็ฝ่าความมืดออกมาได้
แต่ทว่าแสงไฟที่สว่างอยู่บนปลายทางมันจะปลอดภัยจริงหรือ?
ความหนักอึ้งจางหายไปทันทีที่ออกมาต้องกับแสงสลัว ราวกับยกอิฐก้อนใหญ่ที่ทับพืชไม้ออกไปให้ได้รับแสงพระอาทิตย์ แล้วก็ใจดีที่ไม่มีมือหรือสิ่งอื่นใดเข้ามากระชากขาในระหว่างที่เขาเดินมา
เมื่อเริ่มตั้งสติได้ใหม่ หยดเทียนก็เริ่มกวาดตาสำรวจห้องสีเทาหม่นกว้างที่ไม่คุ้นตาซ้ำยังดูแปลกประหลาดอย่างไม่เคยเห็น ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้างที่มีเพียงเก้าอี้สองตัวที่ถูกวางไว้คนละฝั่งของโต๊ะไม้เก่าที่ตั้งอยู่กลางห้อง เบต้าขยับสายตาเหลือบดูสิ่งที่อยู่ด้านข้างถัดจากโต๊ะไม่ไกลจึงเห็นว่า ชายอัลฟ่ารูปร่างสูงผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายท่านของบ้านยืนเก๊กท่าเป็นนายแบบ พร้อมกับพ่อบ้านที่ยืนนิ่งอยู่ด้านซ้ายเยื้องมาด้านหลังไม่พูดไม่จาและจ้องมองที่ที่เขาด้วยสายตาลุ่มลึกไม่สามารถคาดเดาสิ่งใดได้
“นั่งสิครับ” เสียงเย็นเอ่ยเชิญลูกน้องผู้มาใหม่พร้อมกับผายมือไปที่เก้าอี้ เช่นเดียวกับเขาที่ลดตัวนั่งอีกด้าน ท่าทางของพ่อบ้านทำให้ขนแขนอันสั้นลุกตั้งอย่างไม่ชอบมาพากล
“ครับ..” หยดเทียนเอ่ยเสียงแผ่วแล้วเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขามีกดดันอย่างไรไม่รู้กับท่าทางสุขุมและใบหน้าแต้มรอยยิ้มสยองของพ่อบ้าน อีกทั้งสีหน้าเคร่งขรึมเดาอารมณ์ยากของนายท่านที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังอีก มันช่างทำให้เบต้าหายใจยากเหลือเกิน
“มะ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
หลังจากที่ได้ฟังประโยคคำถาม ฮันก็ยกยิ้มจนตาปิดแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนาบนุ่ม
“สิ่งที่คุณเทียนจะได้ยินต่อจากนี้คือเรื่องจริงทั้งหมด และเมื่อการทดสอบนี้จบลงคุณเทียนจะไม่สามารถลาออกจากการเป็นคนสวนของสกุลวัฒนาได้ เว้นแต่ตายเท่านั้น”
“...” ร่างเพรียวนั่งเกร็งสั่นไม่กล้าปริปากได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น
“ที่ที่คุณเทียนนั่งอยู่ตอนนี้คือคฤหาสน์หลังงามของนายหญิงผู้มีศักดิ์เป็นคุณย่าของนายท่าน.. หลังจากอายุของนายท่านเข้าปีที่ 19 นายหญิงจึงยกทรัพย์สินมากมายรวมถึงคฤหาสน์หลังนี้ให้ เพื่อแสดงความยินดีที่นายท่านขึ้นเป็นรองหัวหน้าตระกูลอิวามุโระ ตระกูลเก่าแก่ที่ควบคุมยากูซ่านับแสนและอาชญากรอีกหลายหมื่นนาย”
“ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกเราเกือบทั้งหมดจึงถูกเก็บรวบรวมอยู่ที่ใดที่หนึ่งในคฤหาสน์หลังนี้ ด้วยเหตุนี้หากข้อมูลที่สำคัญของเราหลุดลอดออกไปแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลเสียต่อเราอย่างมหาศาลได้”
ทั้งสีหน้า แววตาหรือแม้กระทั่งวาจาที่เปล่งออกมา สะกดจิตให้เบต้านั่งนิ่งฟังอย่างขัดขืนไม่ได้พลางทำหน้าตะลึงงัน เพราะเรื่องที่อยู่ของเจ้านายที่อยู่ต่อหน้า รวมถึงคนในคฤหาสน์ที่เกือบทั้งหมดเป็นยากูซ่าล้วนเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อทั้งนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าสักวันมันจะเกิดขึ้นกับตัวเองเข้า และไม่แน่ว่าสถานการณ์ตอนนี้เขาอาจจะโดนตรวจสอบว่าตัวเขาเป็นภัยต่อนายท่านและตระกูลอิวามุโระหรือไม่
“ผมเชื่อว่าคุณเทียนจะไม่หักหลังเราแน่นอนครับ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นผมคงปล่อยคุณไว้ไม่ได้ ผมจึงอยากขอความร่วมมือคุณเทียนในฐานะที่ผมเองก็เป็นเจ้านาย ช่วยตอบคำถามตามความจริงด้วยนะครับ” แม้จะเอ่ยประโยคที่น่ากลัวออกมาแต่ใบหน้าของพ่อบ้านกลับยังคงยิ้มแย้มอยู่
หยดเทียนพยักหน้าตอบรับรัวๆ อย่างว่าง่าย
“ขอบคุณครับ” ฮันตอบกลับพร้อมกับเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบบางสิ่งขึ้นมา แล้ววางมันไว้ตรงกลางเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ
“ปืนกล็อก 26 เจน 2 ซับคอมแพค เป็นปืนที่ผมได้รับมาจากผู้นำรุ่นที่ 11 ของอิวามุโระเมื่อ 30 ปีก่อนแต่ถึงจะเก่าไปบ้างแต่ประสิทธิภาพยังถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียวครับ ทำตัวตามสบายนะครับเราจะเริ่มกันแล้ว” ฮันเอนหลังพิงกับพนักพิงเก้าอี้พร้อมสีหน้าเช่นเดิม
“คุณเทียนเข้ามาสมัครเป็นคนดูแลสวนในคฤหาสน์ด้วยคำแนะนำของป้าน้อยใช่หรือไม่ครับ”
หยดเทียนพยักหน้ารับหงึกหงักด้วยความรวดเร็ว
“เช่นนั้นคุณเทียนรู้จักหรือทำงานให้กับคนอื่น.. ในขณะที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์สกุลวัฒนาหรือเปล่าครับ”
เขาส่ายหน้าเมื่อความจริงขัดกับประโยคคำถาม ดวงตาเฉี่ยวของฮันคอยจับผิดราวกับเซนเซอร์คอยสอดส่องมาที่เขาแทบจะไม่หันไปทางอื่น ในขณะที่เอ่ยคำถามแต่ละคำถาม หลายครั้งที่พ่อบ้านมักถามคำถามใหม่และวนซ้ำกลับมาคำถามเดิม ทำให้ผู้ตอบคำถามอึกอักในการตอบเพราะทั้งกลัวทั้งต้องจำและทั้งต้องคอยระแวงว่าอัลฟ่าคนไหนจะหยิบปืนแล้วลั่นมาที่เขาหรือเปล่า
ฮันเอ่ยถามหลายคำถามจนแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าพูดความจริงทุกประการ เขาฉายแววตาอย่างภูมิใจในตัวลูกน้อง และเอ่ยคำถามสองข้อสุดท้าย
“คุณเทียนรับรู้ถึงข้อมูลบางส่วนของเราหรือเปล่าครับ”
“อะ เอ่อ...” หยดเทียนอ้ำอึ้งในการตอบแม้รู้ว่าควรตอบให้เร็วที่สุด เขาลังเลที่จะตอบอย่างมากเพราะความจริงแล้วเขาก็เคยได้ยินมาบ้าง ไม่ว่าจากเรย์หรือจากพวกบอดี้การ์ด หากเลือกตอบตามความจริงก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ตัวเองตายมากขึ้น แล้วหากเลือกพูดโกหกออกไปก็คงไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะใช่ว่าพ่อบ้านจะโดนหลอกง่ายๆ
“ระ รู้ครับ ผมได้ยินจากเรย์ ละ และพี่ๆ บอดี้การ์ดมาผ่านๆ ครับ”
พ่อบ้านฮันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยถามคำถามสุดท้าย “..คำถามสุดท้ายแล้วครับ”
เบต้ารู้สึกกดดันเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อคำถามที่แสนจะกดดันมาถึงข้อสุดท้าย คำถามที่จะตัดสินว่าเขาจะอยู่หรือจะตาย เขายังคงเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่าพ่อบ้านยังคงไว้ใจเขาไม่เปลี่ยน เพราะถึงอย่างไรแมวเก้าชีวิตอย่างเขาต้องรอดออกมาจากสถานการณ์นี้ได้แน่นอน
‘เอาว่ะ! ไม่มีดวงซื้อหวยแต่เรามีดวงเลี่ยงความซวยมีหรือจะไม่รอด!’ หยดเทียนคิดปลอบใจตัวเองในขณะที่นั่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะกดดันด้วยการคิดแง่ดีอยู่ซ้ำๆ แม้จะไม่ได้ช่วยบรรเทาความกลัวลงก็ตาม
“คุณเทียนแตะต้องโต๊ะทำงานของนายท่านใช่ไหมครับ”
ฮันละแผ่นหลังออกจากพนักพิงเก้าอี้ก่อนวางศอกที่ประสานมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ พร้อมกับสีหน้าที่ไร้รอยยิ้มอย่างที่หยดเทียนไม่เคยเห็น ดวงตาคมปลายแหลมแสนราบเรียบจ้องมองมาที่ดวงตากลมสีหม่นราวกับเตรียมพร้อมจะลั่นไกลใส่ทุกเมื่อหากเขาตอบผิด
“จะ จริงครับ! ผมเห็นโต๊ะนายท่านรกผมก็เลยจัดระเบียบให้ มะ ไม่ได้เปิดอ่านอะไรเลยครับ!”
หลังจากได้รับคำตอบทั้งหมดที่ซักถามคนสวนไป ฮันก็นั่งนิ่งรวบรวมสีหน้าท่าทางและแววตาที่เบต้าหนุ่มแสดงออกมาแล้วประเมินว่าคำตอบที่ได้เป็นความจริงดั่งที่อีกฝ่ายว่าไว้หรือเปล่า สายตาของฮันยังคงจดจ้องร่างเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่วางตาพร้อมกวนบรรยากาศให้กดดันเข้าไว้ กระทั่งผ่านไปได้สักพักใหญ่ใบหน้าที่นิ่งเฉยของพ่อบ้านจึงแปรเปลี่ยนกลับเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแสดงให้รู้ว่า อีกฝ่ายผ่านการทดสอบครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ คุณเทียนเป็นพนักงานของบ้านสกุลวัฒนาอย่างเป็นทางการแล้วครับ”
เพียงแค่อัลฟ่าที่ยืนหลบอยู่ในมุมมืดได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดของอีกฝั่งไปอย่างไร้ความข้องใจใดๆ เพราะเชื่อคนสนิทที่อยู่ข้างกายมานานอย่างไร้ข้อกังขาด้วยฝีมือและความฉลาดของพ่อบ้านทำให้เห็นประจักษ์แก่ตามานัดต่อนัดแล้ว
“หะ ห้ะ?” มีเพียงคำว่าห้ะที่ดังก้องอยู่ในหัวตอนนี้ เมื่อกี้ยังทำหน้าเขียวซักเขาอยู่เลยแต่พอมาตอนนี้กลับยิ้มตาปิดให้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น แต่หากถามว่าหยดเทียนดีใจหรือไม่ที่ผ่านการทดสอบความเป็นความตายมาได้โดยที่ร่างกายยังครบ 32 ส่วน บอกเลยว่ายิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียอีก
“ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณเทียนตกใจนะครับ แต่ถึงยังไงทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎครับ”
“อะ อ่า...ครับ”
“เช่นนั้นเดือนนี้ผมจะเพิ่มโบนัสให้คุณเทียน ถือซะว่าเป็นรางวัลของคนซื่อสัตย์ที่มีต่อผมและนายท่านนะครับ”
“...ขอบคุณครับ” แม้จะยังคงตกใจกับเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนอยู่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พ่อบ้านเอ่ยออกมาแล้วทำให้หัวใจที่ตกลงไปอยู่ตาตุ่มตื่นชื้นขึ้นมาบ้างคือโบนัสพิเศษ แม้จะได้ไม่คุ้มเสียเท่าไหร่แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
“กลับไปทำงานเถอะครับอีกสักครู่ผมจะเรียกพบ” ว่าจบฮันก็เดินขึ้นบันไดไปก่อน ซึ่งเป็นคนละทางกันกับที่เขาเดินลงมาเมื่อตอนต้น
“เกือบแล้ว” มือสากยกตบอกเบาๆ พลางถอนหายใจเพราะก้อนหัวใจหวิวยังคงเต้นโครมครามไม่หาย โชคดีที่เขาเลือกที่จะไม่เอ่ยคำโกหกใดๆ จึงรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงนอนอาบเลือดอยู่บนพื้นแน่ๆ
หยดเทียนยกมือเช็ดเม็ดเหงื่อที่ไหลลงขมับก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยขาที่ยังสั่นเป็นเสาไม้คลอน แล้วเดินขึ้นบันไดตามหลังพ่อบ้านไป
ก้นนิ่มหย่อนลงบนม้านั่งที่ตั้งอยู่ในสวนหลังบ้านอันเป็นที่ประจำ ก่อนที่แผ่นหลังจะเอนพิงพนักพิงของม้านั่งแล้วหลับตาลงหวังจะช่วยผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างกับเป็นฉากหนึ่งในละคร
เขาลองกลับมาคิดย้อนดูหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาจึงนึกเอะใจได้ หนุ่มน้อยอัลฟ่าที่อยู่ๆ ก็เข้ามาทำตีสนิทตั้งแต่วันแรกและบอกความลับของเจ้านายที่ไปได้ยินมากับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวัน ทั้งเหล่าบอดี้การ์ดที่หลุดพูดเรื่องธุรกิจที่ว่าเป็นความลับนักลับหนาทั้งๆ ที่มีผู้มาใหม่นั่งร่วมวงอยู่ด้วย อดคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นหนึ่งในแผนของพ่อบ้านและนายท่าน เผลอๆ เรื่องที่เขาโดนหาเรื่องเมื่อสองวันก่อนก็คงรวมอยู่ในแผนนี้ด้วยกระมัง
เปลือกตาบางหรี่ตาลงเมื่อแสงสว่างแยงตาทำให้การพักผ่อนเพียงชั่วครู่ต้องโดนตัดบทไป เบต้าจึงต้องละแผ่นหลังออกมา นั่งหลังโก่งมองสิ่งที่ขัดหูขัดตาในสวนอย่างตื้อมึน ก่อนจะพยุงกายลุกขึ้นเมื่อคิดว่าตนควรไปทำงานเช่นคนอื่นได้แล้ว
แต่ในขณะที่คนสวนกำลังยืดเส้นยืดสายเตรียมพร้อมสำหรับทำงาน ดวงตากลมโตก็ดันเหลือบไปสบเข้ากับร่างสูงกำยำของอัลฟ่าผู้เป็นหัวหน้าสูงสุดพอดี ชายหนุ่มกำลังนั่งจิบชาด้วยความสบายใจเฉิบเช่นคนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรให้คิด ทำราวกับว่าลืมเรื่องที่ทำกับเขาไว้ก่อนหน้านี้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
หยดเทียนจึ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เมื่อเห็นใบหน้าตีมึนของอีกฝ่ายแล้วรีบหลุบตาลงหนี เพราะแม้จะมีความไม่ชอบใจในตัวของนายท่าน แต่ก็ไม่มีทางลืมความชั่วร้ายของเจ้านายที่เพิ่งกระทำเรื่องราวอันโหดร้ายกับเขาไป หยดเทียนจึงรีบรุดกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากตรงนั้นไปเพราะไม่ใคร่อยากเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายมากนัก
“หึ” มุมปากหยักยกยิ้มพร้อมส่ายหัวเบาๆ ในท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่พอใจแต่ก็ยังมีความกลัวที่แสดงออกทางดวงตาอย่างชัดเจน นึกขบขันแล้วสายตาก็มองตามแผ่นหลังเล็กไปจนสุดทางเดิน ก่อนที่ความคิดอันแสนประหลาดจะผุดขึ้นมาในหัว
ความรู้สึก อารมณ์หรือกระทั่งตัวตนของเด็กคนนี้เป็นอย่างไร?
หากจะว่าหัวรั้นไม่ยอมคนก็ว่าไม่เต็มปาก หรือหากจะพูดว่าเก่งกล้าสามารถก็เปล่งออกมาไม่เต็มเสียง นับแต่นั้นความอยากรู้อยากเห็นก็เปิดสวิตช์ตัวเองเริ่มทำงาน ส่งผลให้เอย์จิเริ่มสนใจลูกน้องคนนี้มากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เขาเพียงอยากรู้ว่าต่อไปในวันข้างหน้า เด็กหนุ่มเบต้าร่างเตี้ยคนนี้จะแสดงท่าทีอันน่าสนใจอย่างไรให้เขาได้ชมอีกกัน