ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสัปดาห์นิชาดาก็อยู่แค่ในบ้านทำอาหารรอสามีกลับมาเท่านั้นไม่ได้วิ่งไปอ่อยปราบอย่างที่เคยทำด้วยตั้งใจแล้วว่าจะเปลี่ยนนิสัยนางร้ายคนนี้ใหม่ เธอจะไม่เดินตามรอยนิชาดาคนเก่าอีกเป็นอันขาดและตัวปราณผู้เป็นสามีก็ไม่ได้มีปัญหากับเธอ ทะเลาะกันบ้างเรื่องพูดจาไม่เข้าหูแต่เธอก็เอาตัวรอดจากอารมณ์ร้ายๆ ของเขามาได้ทุกครั้ง
นิชาดามีห้องแยกกับสามีตั้งแต่แต่งานกันใหม่ๆ ทำให้การใช้ชีวิตของเธอไม่ต่างไปจากเดิมเพราะในโลกเธอก็อยู่ลำพังไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เหมือนคนอื่น ท่านทั้งสองแยกทางกันและแม่ของเธอก็ไม่ได้อยากเลี้ยงเธอให้เป็นภาระพอเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่หกก็ออกมาใช้ชีวิตลำพังส่วนแม่ก็ไปแต่งงานมีลูกอยู่กับสามีใหม่ไม่เคยติดต่อกลับมาหา เธอพยายามไปหาท่านหลายครั้งแต่ก็ถูกไล่พร้อมกับบอกชัดเจนว่าไม่อยากให้เธอเข้าไปวุ่นวายในชีวิตท่าน
การเข้ามาในนิยายเลยไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนนักเพราะการหายไปของเธอไม่ทำให้ใครห่วงหาหรอก บางทีเกิดเรื่องนี้ก็ดีจะได้ไม่ต้องเป็นตัวน่ารำคาญในชีวิตของใครอีก
เธอจะใช้ชีวิตเป็นนิชาดาคนใหม่
คนที่เข้มแข็งรักตัวเองไม่วิ่งตามความรักจากคนที่เขาไม่เห็นคุณค่า
หญิงสาวถอนหายใจโล่งอกพร้อมกับหันหลังเตรียมจะเดินเข้าบ้านทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีร่างสูงยืนขวางอยู่
ไอ้พระเอก!
มายืนทำบ้าอะไรในบ้านคนอื่น…
“หลีก” เห็นหน้าก็ไม่สบอารมณ์เสียบรรยากาศชมสวนหมดไม่รู้ปราบมาถึงบ้านทั้งที่เคยอ่านมาเขาไม่ถูกกับสามีเธอเวลาจะเจอกันทีนิชาดาต้องคอยไปดักรอในบริษัท
“เดินมาอ่อยแล้วคิดว่าฉันจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ”
ปราบมองคนที่หายหน้าไปตลอดสัปดาห์ด้วยความรู้สึกประหลาด เขาไม่เข้าใจว่านิชาดาเป็นอะไรถึงได้ตัดขาดการติดต่อเขาทุกช่องทาง
“เสียใจนาน่ารักผัวคนเดียวค่ะ มาทางไหนออกไปทางนั้นเลยอย่ามาพูดจาไร้สาระแถวนี้” อ่อยเหรอ? เธอไปอ่อยไอ้บ้านี่ตอนไหนกัน
บ้านอยู่ติดกันมันก็แย่แบบนี้สามารถเดินเข้าออกได้ง่ายๆ ไม่รู้พวกคนรวยคิดอะไรถึงได้เอาบ้านเมียหลวงกับเมียน้อยไว้ใกล้ๆ กัน
เธออยู่บ้านใหญ่ของคุณมินตราเป็นแม่สามีตอนนี้ท่านหมกตัวอยู่แต่ในห้องข้างบนไม่ยอมลงเพราะทนเห็นสามีตัวเองมีผู้หญิงคนอื่นไม่ไหวแม้จะหย่าขาดจากกันไปแล้วก็ตาม
ส่วนคุณพ่อก็อยู่บ้านเล็กอยู่ตรงกลาง ถัดไปอีกหลังเป็นบ้านของปราบกับปิ่นสุดาแม่ของเขาไม่ได้อยู่รวมกันแบบครอบครัวปกติ
เหอะ ก็แน่สิมีเมียน้อยจะปกติได้ยังไง
คนน่าสงสารคือแม่ผัวกับผัวเธอต่างหากละ ไอ้พระเอกกับแม่เขาไม่ได้น่าสงสารสักนิด คนดีที่ไหนจะแย่งผัวคนอื่นใช้ชีวิตหน้าเริดหน้าลอยอยู่ได้…
“พี่สะใภ้วันนี้ใจร้ายจังนะ ลืมแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนชอบให้ฉันอยู่ใกล้ๆ” ปราบรวบเอวเล็กเข้าหาตัวเมื่อเห็นอาการฮึดฮัดขัดใจของอีกฝ่าย นิชาดาไปกินอะไรผิดสำแดงเขาถึงได้แสดงท่าทีพยศใส่เขา
หญิงสาวใช้แรงทั้งหมดผลักอีกฝ่ายแต่มันกลับไม่ได้ส่งผลใดๆ กับปราบเลยสักนิด ร่างสูงยังคงโน้มใบหน้าลงจนเกือบชิดใบหน้าของเธอ
“เมื่อก่อนคืออดีตไปแล้วช่วยลืมมันไปซะ นาน่าไม่อยากให้พี่ปราณเข้าใจผิด” นิชาดาจ้องหน้าปราบนิ่งพร้อมกับหยุดดิ้นรน
ปราบแขนแกร่งคลายอ้อมกอดจากหญิงสาวที่ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ในตัวเขาหลงเหลืออยู่ในสายตา
“เธอแคร์พี่ชายฉันด้วยงั้นเหรอ” เขาคว้าแขนนิชาดาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังเตรียมจะวิ่งหนี
“นาน่ารักผัวคนเดียวค่ะ ฟังภาษาคนรู้เรื่องไหมทำไมชอบให้พูดบ่อยๆ” น่ารำคาญต้องให้พูดซ้ำไปซ้ำมา
ชาตินี้มีแต่ผัวค่ะ…รวย…เลว…นาน่าชอบ
“มาทำไม” เสียงเข้มดังจากท่านด้านหลังเป็นจังหวะเหมาะนิชาดาจึงรีบสะบัดแขนจากอีกฝ่ายวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังสามี
“พี่ปราณเขามาหาเรื่องนาน่า” หญิงสาวรีบกระซิบฟ้องเพราะเกรงว่าสามีที่รักจะเข้าใจผิดคิดว่าเธออ่อยน้องชายเขา
“พ่อฝากมาและบอกด้วยว่าให้พี่กินข้าวเย็นด้วย”
ปราบมองร่างเล็กกอดเอวหลบหลังพี่ชายแล้วบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร มันหน่วงๆ ทำตัวไม่ถูกคำพูดมากมายที่คิดไว้ถูกกลืนหายไปจนหมดทำได้เพียงยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้กับพี่ชายที่เขาไม่อยากนับญาตินัก
“เพิ่งรู้ว่ากินข้าวไม่ได้ถ้าขาดฉัน ถ้าว่างจะไปแล้วกันมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็กลับไปซะฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาเหยียบในบ้าน” ปราณมองน้องชายต่างแม่อย่างไม่เป็นมิตรและไม่คิดจะนับญาติกับลูกเมียน้อยอย่างมัน
สันดานชอบฉกถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก…
“เข้าบ้านกันเถอะนาน่าหิว” เสียงหวานจากด้านหลังเอ่ยเตือนสามีที่เอาแต่ยืนจ้องหน้ากับปราบอยู่ได้ มองหน้ากันนานเกินไปแล้ว
“หิวแล้วมายืนเอ้อระเหยอะไรอยู่ ข้าวมันจะลอยเข้าปากไหม” นิชาดาเบะปากให้กับคำตอบสามีที่ฟังอย่างไรก็เหมือนด่ามากกว่าการชวนภรรยาไปทานข้าว
สรุปคือสองพี่น้องนี้ปากหมาทั้งคู่….