ภารกิจอ้อนผัวในยามเช้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดีไม่มีการต่อต้านใดๆ ให้เห็นนิชาดาจึงคาดเดาได้ว่าปราณเองก็ไม่คนเลวร้ายอะไรนักเพียงแค่น้อยใจการกระทำของนิชาดาคนก่อนเท่านั้นและเธอตั้งมั่นไว้ว่าจะซื่อสัตย์กับเขาคนเดียวแม้การแต่งงานนี้จะเกิดจากผู้ใหญ่ก็ตาม
เธอจะเป็นภรรยาที่ดีไม่สร้างเรื่องให้ปราณปวดหัวอย่างเช่นแต่ก่อน
“วันนี้ฉันต้องไปกินข้าวกับพ่อหลังเลิกงาน” ปราณหยิบเสื้อคลุมจากภรรยาและบอกให้เธอรู้ว่าเขาอาจกลับช้ากว่าปกติ
เขาไม่เคยกลับบ้านช้าแม้ว่านิชาดาจะอยู่บ้านหรือไม่ทุกครั้งตอนเธอเหยียบเข้าบ้านจะมีเขารออยู่เสมอนั่นส่งผลให้หญิงสาวรู้สึกสงสารผู้เป็นสามีที่ร้ายได้กับทุกคนยกเว้นแค่เธอคนเดียว
นิชาดาคนก่อนคิดอะไรอยู่ถึงได้กล้าทำร้ายจิตสามีตัวเองอย่างไร้สำนึก
“นาน่าก็ต้องกินข้าวเย็นคนเดียวสินะ” หน้าสวยเศร้าลงเมื่อคิดว่าต้องอยู่บ้านลำพัง เธออาจจะเคยอยู่คนเดียวแต่นี่มันบ้านคนอื่นไม่ใช่ห้องเล็กๆ ที่เคยอาศัย
“ฉันจะมากินด้วย” เสียงห้วนรีบตัดบทเพราะทนเห็นคนตัวเล็กทำหน้าเศร้าเหมือนจะตายไม่ได้
น่ารำคาญ!
“จริงนะคะ” คนถามฉีกยิ้มแก้มปริกอดแขนสามีไม่สนสายตาอิหลักอิเหลื่อของคนขับรถ หญิงสาวสนใจเพียงคนข้างกายเท่านั้น
“อืม” ภรรยาดีใจขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนไม่เคยอยากร่วมโต๊ะอาหารกับเขาด้วยซ้ำแต่ในเมื่อนิชาดายอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขามันก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าเขาจะทำเพื่อเธอบ้าง
แค่กลับบ้านมากินข้าวเป็นเพื่อนเมียทุกวันก็ไม่เห็นว่ามันจะยากเย็นตรงไหน…
“รีบไปรีบกลับนะคะหรือจะให้นาน่าเดินไปรับที่บ้านคุณพ่อไหม” เธอเสนออย่างกระตือรือร้นเพราะอยากเห็นพ่อสามีเหมือนกันในนิยายบรรยาว่ายังดูหล่อเหลา
“ไม่ต้อง!” ใบหน้าปราณเริ่มตึงจินตนาการไปเองว่าภรรยาอยากไปหาน้องชาย
“ทำไมละคะนาน่าอยากเจอพี่ปราณเร็วๆ นี่” ตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกออกว่าตนเองนั้นพลาดจึงรีบแก้ตัว
“รอที่บ้านนี่แหละจะได้ไม่ต้องเดินเหนื่อย” เหตุผลง่ายๆ และปราณก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยจริงๆ หากนิชาดาต้องเดินไปกลับยิ่งตอนมืดๆ สัตว์มีพิษก็ยิ่งมากตามไปด้วยหากเดินมารับแล้วถูกมันกัดคงไม่ดีแน่
“เดี๋ยวค่ะ” หญิงสาวคลายมือจากการกอดแขนสามีแต่ก็ไม่วายเรียกเขาไว้
“มีอะไรอีก” คนถามทำท่าหงุดหงิดรู้สึกรำคาญเสียงหวานงุ้งงิ้งข้างหู
“จุ๊บ ตั้งใจทำงานนะคะ ถ้าคิดถึงก็ทักมาหานาน่า” ริมฝีปากกระจับจูบแก้มปราณที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนเจอสัตว์ประหลาด
ชายหนุ่มใจเต้นรัวตะลึกกับการกระทำภรรยา เธอไปกินยาผิดขวดมาหรืออยากแกล้งเขาถึงได้มาคอยออดอ้อนลวนลามเขาบ่อยครั้ง
“ฉันจะไปคิดถึงเธอทำไม” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบขึ้นรถไม่ยอมหันหน้าไปมองภรรยาสาวที่ยืนโบกมือพร้อมกับหัวเราะขบขันกับอาการหน้าแดงหูแดงของสามี
เสียงบ่นพึมพำสามีไม่ได้รอดพ้นหูน้อยๆ แต่นิชาดาก็ทำเป็นไม่ได้ยินเพราะอีกไม่นานหรอกทุกลมหายใจเขาต้องคิดถึงแต่เธอเพียงคนเดียว
“คุณแม่ไม่กินเหรอคะ” เธอมองถาดอาหารในมือแม่บ้านก่อนจะนึกออกว่าแม่สามีอยู่ห้องริมสุด
“ค่ะ คุณนายเอาแต่นอนซมอย่างเดียวเลย น่าสงสารนะคะ” แม่บ้านถอนหายใจกับสภาพเจ้านาย
“นาน่าจัดการเองค่ะพี่ไปพักเถอะ” นิชาดามองอาหารในถาดก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกอะไรดีๆ ออก หน้าที่ภรรยาดีเด่นก็ต้องเริ่มจากการดูแลแม่สามีเป็นอันดับแรก
ก๊อกๆ
หญิงสาวเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปพร้อมกับถาดอาหารที่ตนนั้นทำมาใหม่ๆ จากนั้นเดินเข้าไปหาคุณมินตราแม่สามีที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงสภาพไร้ชีวิตชีวาทั้งที่ท่านนั้นเป็นผู้หญิงสวยมากชนิดที่คนวัยเดียวกันเทียบไม่ติด
“คุณแม่กินข้าวหน่อยสิคะ” ความรักไม่เคยทำร้ายใครมีแต่เราทำร้ายตัวเองทั้งนั้น
คุณมินตราหย่ากับสามีก็เพราะไม่อาจทนเห็นผู้หญิงคนอื่นอยู่ใกล้ๆ ท่านทรงโปรดไม่ได้แม้จะพยายามทำใจสุดท้ายก็มีปากเสียงกันทุกครั้งเวลาปิ่นสุดาแม่ของปราบอยู่ในระยะสายตา สุดท้ายทุกอย่างจึงจบลงด้วยการหย่าร้างโดยคุณมินตราอยู่บ้านใหญ่อดีตสามีอยู่บ้านข้างๆ เพราะขี้เกียจต้องมานั่งห้ามอดีตภรรยากับแม่ของปราบทะเลาะกัน
ถ้าถามในมุมเธอแม่สามีน่าสงสารที่สุด ถูกแย่งสามีจากรุ่นพี่ที่ตัวเองเคยไว้ใจเป็นใครก็ต้องโกรธ
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!” เสียงมินตราตวาดลูกสะใภ้อย่างไม่ค่อยชอบใจนักหลังจากได้ยินคนใช้เล่าวีรกรรมหลายอย่างให้ฟัง
“คุณแม่จะมานอนเศร้าอะไรอยู่คะ ทำแบบนี้รู้ไหมว่าคนอื่นเป็นห่วงแค่ไหน ทำตัวไร้ค่าไปผู้ชายก็ไม่กลับมาหรอกนะคะ ทำแบบนี้หน้าแก่เร็วไปอีกสิบปีเลยนะคะ”
นิชาดาขยับมายืนข้างเตียงมองใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีก่อนจะพูดเรียกสติท่านเพราะทราบดีว่าแม่สามีรักสวยรักงามเป็นที่สุด
“นี่เธอกล้าว่าฉันเหรอห๊ะ!” มินตราหันมาตะคอกลูกสะใภ้เสียงลั่นห้อง
“ไม่อยากให้นาน่าว่าก็ลุกมากินข้าวค่ะ” ถอนหายใจสองเฮือก เธอเดินไปยกถาดอาหารมาให้แม่สามีบนเตียง
เพล้ง!
ถาดอาหารถูกโยนลงพื้นแตกกระจายแต่หญิงสาวก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวใดๆ ออกมา
“ฉันไม่กิน! ไม่กินได้ยินไหม!”
“ต้องกิน!” นิชาดามองพื้นแล้วปวดหัวกับแม่สามี
“กรี๊ด! ออกไปจากบ้านฉัน! ออกไป๊!” มินตรากรีดร้องไล่ลูกสะใภ้ที่มาทำอวดดีใส่ รู้สึกโกรธจนแทบคุมสติไม่อยู่
“กรี๊ดดดด!!! คุณแม่ชอบกรี๊ดนักก็มาแข่งกัน กรี๊ดดด!!!” กรี๊ดมากรี๊ดกลับให้มันรู้กันไปว่าเธอจะแพ้คนแก่คราวแม่ คอนเสิร์ตจัสตินบีเบอร์เธอยืนกรี๊ดได้ตั้งหลายชั่วโมงแค่นี้ไม่ระคายคอหรอก
“กรี๊ด!!! พอได้แล้ว! พอ! แค่กๆ” เมื่อสู้ไม่ไหวท่านก็ทำได้เพียงยกมือขึ้นห้ามอย่างหมดแรง
ลูกสะใภ้สารพัดพิษกล้าทำตัวร้ายกาจใส่ขนาดนี้ที่คนอื่นเล่าว่าไปอ่อยลูกชายนังเมียน้อยคงเรื่องจริง
“รำคาญใช่ไหมคะ ถ้ารำคาญก็กินข้าวค่ะไม่งั้นคุณแม่จะไม่มีแรงมากรี๊ดสู้หนูนะคะ” นิชาดาเดินออกไปหยิบถาดอาหารจากด้านนอกที่วางเอาไว้อีกอันเข้ามาให้ท่าน
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ฉันอุตส่าห์ขอร้องตาปราณให้แต่งงานกับเธอนะ!” เห็นลูกสะใภ้มีนิสัยแบบนี้ท่านอยากจะเป็นลม
เมื่อก่อนตอนเด็กๆ นิชาดาน่ารักจนท่านอยากได้เป็นลูกสาวแต่ตอนนี้อะไรเข้าสิงร่างถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้
“หนูห่วงนะคะถึงได้ทำแบบนี้ คุณแม่เป็นแบบนี้พี่ปราณเป็นห่วงจนกลายเป็นเด็กมีปัญหาแล้วนะคะ หนูกับคุณแม่ทำผิดกับพี่ปราณหลายอย่างเราต้องรีบแก้ไขตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปนะคะ”
คนเป็นแม่นิ่งคิดถึงลูกชายก็เริ่มได้สติ ปราณกลายเป็นคนนิ่งเงียบไปก็เพราะเธอเอาแต่นั่งเศร้าจมทุกข์ไม่ยอมปล่อยวางเรื่องของอดีตสามีทั้งที่หย่ากันมาหลายปี
บางทีนิชาดาอาจพูดถูกเธอควรเลิกยึดติดกับอดีตสามีเสียทีเพราะทำอย่างไรครอบครัวเธอก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว