พุดตาลมองตามเด็กที่เพิ่งเดินจากไป ทำไมเด็กคนนี้ถึงใจกล้านัก เป็นใครก็คิดว่าเลือดแม่คงแรง นี่ขนาดมาแค่ลูก..ถ้าคนเป็นแม่มาด้วย..
"คุณกำลังคิดอะไรอยู่"
"เปล่าหรอกค่ะ คุณคิดว่าเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงไหมคะ" ที่นางถามสามีแบบนี้ เพราะไม่มีคำไหนเลยที่กองทัพบอกว่าจะแต่งงานกับเธอคนนี้
"ผมก็ไม่รู้หรอก ต้องถามเจ้าตัวเขา" เกษมราษฎร์หมายถึงต้องถามลูกชายดูก่อน "เราเข้าไปในงานกันเถอะ"
ทั้งสองท่านก็เลยพากันมานั่งรวมตัวกับลูกๆ
"ข้างนอกมีอะไรหรือครับแม่" คนที่ถามก็คือรามสูรลูกชายคนโต และเขาก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโตมโนราห์ด้วย
"ก็เรื่องเดิมนั่นแหละลูก ฝ่ายหญิงขอให้จัดงานที่โรงแรมนี้"
"แล้วผู้พันว่ายังไงล่ะครับ" รามสูรหมายถึงผู้พันกองทัพ เพราะทีแรกก็เห็นว่ามาติดพันเมขลา แต่เอาไปเอามาทำไมจะไปแต่งงานกับมโนราห์ ถ้าวันนั้นผู้พันปฏิเสธ มันอาจจะทำให้ฝ่ายหญิงเสียหน้าบ้าง แต่เรื่องแต่งงานจะไม่เกิดขึ้นเลย
"แม่ว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันดีกว่า" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าพุดตาลเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นางยอมรับว่าเรื่องนี้มองไม่ออกจริงๆ ดูฝ่ายหญิงจะเข้าหาฝ่ายชายตลอด คงไม่แปลกหรอก ถ้าไม่งั้นแม่ของมโนราห์จะแย่งสามีนางไปได้เหรอ
อึก อึก ขณะยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าโรงแรม ความหว้าเหว่ ความว่างเปล่า ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาเกาะกินหัวใจดวงน้อยๆ และเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในแต่ละช่วงวัย..นั่นก็คือน้ำตา
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีเพื่อนแค่ในประเทศนี้ ประเทศที่เธอเกิดและโตมา ก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน นอกจากคุยเรื่องเรียน เธอก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่จะคุยเรื่องส่วนตัวได้เลย
มโนราห์ก็เลยเป็นคนเก็บกด ถึงได้บอกว่าน้ำตาก็คือเพื่อนที่ดีที่สุด ที่คอยปลอบใจเธอ เวลาเศร้า เวลาคิดถึงใครสักคน แต่ก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เขามีตัวตนอยู่ไหม แต่ความคิดถึงความโหยหานั้นทำให้เธออยู่มาได้จนทุกวันนี้ มันอาจจะเป็นแค่สิ่งที่เธอมโนขึ้นมา ว่ายังมีใครคนหนึ่งที่ต้องการเธออยู่ มันต้องมีใครสักคนสิที่เกิดมาเพื่อเธอสิ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน TT
"น้องสาวเป็นอะไรเหรอ ให้พี่ช่วยเช็ดน้ำตาไหม"
หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาออกเมื่อตัวเองไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
"ฉันรอแท็กซี่ค่ะ"
"พี่มีรถเดี๋ยวพาไปส่ง"
"ไม่ค่ะ"
"อย่าเล่นตัวเลย แฟนคงทิ้งล่ะสิ แต่งตัวสวยขนาดนี้ เดี๋ยวพี่จะปลอบใจเอง"
"ถอยไปนะ"
"พี่ช่วยแก้ขัดได้อยู่นะ"
"ฉันไม่ต้องการ! ถ้าคุณไม่ถอยฉันจะเรียกคนมาช่วย"
ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอด
"มีอะไรหรือเปล่าครับ" เจ้าของรถคันนั้นกำลังจะมาร่วมงานที่โรงแรม แต่มองดูผู้หญิงเหมือนจะกลัวผู้ชายที่กำลังคุยกันอยู่
"ผัวเมียเขาทะเลาะกัน อย่ามายุ่งนะไอ้น้อง"
"เผอิญว่าผมชอบยุ่งเรื่องผัวเมียซะด้วย"
"มึงเป็นใครวะ!"
"ผมเป็นผู้กองครับ"
"ผู้กอง?" ได้ยินแค่นั้นไอ้นักเลงหัวไม้รีบไปไม่รอเลย
"ขอบคุณมากนะคะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณผู้ชายที่เพิ่งจะเปิดประตูลงมาจากรถ
"มันทำอะไรคุณไหม"
"ไม่ได้ทำค่ะ คุณโกหกว่าเป็นผู้กองเหรอคะ"
"เปล่าครับผมเป็นผู้กองจริง"
"คุณเป็นตำรวจหรือคะ"
"ผมเป็นทหาร ผมชื่อฉลามครับ" ว่าแล้วผู้กองฉลาม ก็ยื่นมือไปขอทำความรู้จักกับสาวสวยตรงหน้า "ขอโทษครับ" แต่เห็นเธอมองมือเขาก็รีบชักมันกลับมา เพราะคิดว่าเธอคงไม่ชอบการทักทายแบบนี้
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" หญิงสาวเป็นคนเอื้อมมาจับมือเขาเอง เธอโตมาที่ต่างประเทศ การทักทายทำมากกว่าจับมือกันซะอีก
"คุณมาทำอะไรตรงนี้ครับ"
"มาร่วมงานค่ะ"
"ร่วมงานทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ"
"ฉันกำลังจะกลับ"
"บ้านคุณอยู่ไหน"
"ถามเหมือนจะไปส่งฉันเลยนะคะ"
"เดี๋ยวผมไปส่งก่อน"
"แล้วคุณไม่เข้างานหรือคะ"
"ผมไม่เข้าสักคนงานเขาก็ไม่ล่มหรอกครับ"
"คุณนี่น่าคุยด้วยจังเลยนะคะ"
"จริงหรือครับ"
"คุณทำอะไรคะ?"
"เอานามบัตรให้คุณไง เผื่อวันหลังอยากคุยด้วย" ฉลามพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรมาให้กับเธอ
"ขอบคุณมากค่ะ"
"เดี๋ยวผมไปส่ง" ว่าแล้วผู้กองฉลามก็รีบเปิดประตูรถให้
มโนราห์ลองชั่งใจดูอีกสักครั้ง โชคชะตาคงไม่เล่นตลกกับเธอมากไปกว่านี้แล้ว เขาคงเป็นคนดีอยู่บ้างถึงได้มาช่วย
หญิงสาวยอมขึ้นรถกับผู้กองฉลาม ..ทั้งสองนั่งรถและคุยมาด้วยกันสักพักโทรศัพท์ของผู้กองฉลามก็ดังขึ้น
>>{"ครับผู้พัน"}
{"ตอนนี้นายอยู่ไหน"}
>>{"อยู่หน้าโรงแรมครับ แต่ว่าผมกำลังจะ.."}
{"ไม่ต้องเข้าไป..มาหาฉันที่ร้านเดิม"}
>>{"ร้านไหนครับ"}
{"ก็ที่บาร์ไง"} พูดแค่นั้นผู้พันกองทัพก็วางสาย
"ถ้าคุณมีธุระให้ฉันลงตรงนี้ก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันหารถกลับเอง"
"เอาแบบนี้ไหมล่ะครับ ถ้าคุณไม่รีบ..ไปดื่มกับผมก่อน"
"ฉันหรือคะ?"
"ไปไม่นานหรอกครับ ตอนนี้เจ้านายผมรออยู่ที่ร้าน ถ้าไม่รีบแวะไปเดี๋ยวได้สั่งผมจับจิ้งหรีดแถวนั้นแน่"